- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 6 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 6 months ago
- โลกธรรมPosted 6 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 6 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 6 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 7 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 7 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 7 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 7 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 7 months ago
สสส.-ศวปถ.-เมาไม่ขับ-เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต หนุนเข้มข้นยกระดับบังคับใช้กฎหมาย

“ดื่มแล้วขับ” คร่าชีวิต–บาดเจ็บ 2.8 แสนราย เฉลี่ยชั่วโมงละ 7 ราย สูญเสียเศรษฐกิจกว่า 7.4 หมื่นล้าน สสส.-ศวปถ.-เมาไม่ขับ-เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต หนุนเข้มข้นยกระดับบังคับใช้กฎหมาย “เมาขับกระทำผิดซ้ำทำ” หลังพบสงกรานต์ 68 สถิติ เมาขับผิดซ้ำ เพิ่มขึ้น 2 เท่า จากปีก่อน สะท้อนคนไม่กลัวกฎหมาย พร้อมเสี่ยง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 ก.ย. 2568 ที่ โรงแรมทีเค.พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น แบงคอก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) มูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด มูลนิธิเมาไม่ขับ เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต ภาคีเครือข่ายด้านการรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุเมาแล้วขับของไทย จัดกิจกรรม “เปลี่ยนซ้ำ เป็นจบ ครบรอบ 3 ปี เมาแล้วขับกระทำผิดซ้ำ” เพื่อสร้างมาตรการป้องปราม และนำความรู้ บทลงโทษ พร้อมหารือระหว่างภาคี เสริมมาตรการให้เข้มข้นอย่างต่อเนื่อง

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า “ดื่มแล้วขับ” เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ข้อมูลจาก กองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ปี 2562–2566 พบว่า มีผู้เสียชีวิตหรือ บาดเจ็บจากดื่มแล้วขับ 284,253 ราย เฉลี่ยปีละ 56,850 ราย หรือคิดเป็นชั่วโมงละ 7 ราย สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจกว่า 74,733 ล้านบาท โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ที่สถิติสูงขึ้นมาก และจากนโยบายแอลกอฮอล์ที่เปิดกว้าง อาจทำให้แนวโน้มพฤติกรรมการดื่มของคนไทยเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องเร่งมาตรการป้องปรามลงโทษผู้กระทำความผิดโดยเฉพาะความผิดซ้ำกระทำผิดซ้ำเมาแล้วขับ พร้อมบูรณาการทำงานทุกภาคส่วนวิเคราะห์หาสาเหตุ เพิ่มการบังคับใช้กฎหมายให้เข้มข้น การแก้ปัญหาดื่มแล้วขับจำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่อง ทั้งการบังคับใช้กฎหมาย การรณรงค์ และการพัฒนาระบบจัดการเพื่อสร้าง Deterrence Effect หรือความเกรงกลัวกฎหมาย
“กิจกรรม ‘ครบรอบ 3 ปี กฎหมายเมาแล้วขับกระทำผิดซ้ำ’ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะเสริมประสิทธิภาพการทำงานของทุกภาคส่วน และช่วยให้ไทยก้าวสู่เป้าหมายการลดความสูญเสียบนท้องถนนอย่างเป็นรูปธรรม สสส. มีแผนการจัดการความปลอดภัยทางถนนเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลัก โดยทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคมอย่างต่อเนื่อง ในทศวรรษที่ 3 ของ สสส. ปี 2565–2574 ได้กำหนดจุดเน้นสำคัญ 1. ลดพฤติกรรมเสี่ยง ส่งเสริมพฤติกรรมขับขี่ปลอดภัย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ เด็กและเยาวชน และวัยแรงงาน 2. สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อความปลอดภัย 3. มุ่งเน้นการทำงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง โดยประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ครึ่งทางของ แผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน ฉบับที่ 5 ซึ่งตั้งเป้าลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้ไม่เกิน 12 ต่อแสนประชากร ภายในปี 2570 กิจกรรมในครั้งนี้เป็นหนึ่งในการแก้ไขและลดช่องว่างในการจัดการปัญหาเชิงระบบโครงสร้างและระดับนโยบาย โดย สสส. จะเป็นกำลังหลักในการสนับสนุนการทำงานอย่างต่อเนื่องและขับเคลื่อนร่วมกับภาคีเครือข่ายทางวิชากรทั้งในส่วนกลางและระดับพื้นที่ เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายในการลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนจาก ‘ดื่มแล้วขับ’ และสร้างความปลอดภัยในการเดินทางให้กับสังคมไทยต่อไป” ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว

พ.ต.อ.พชร์ ฐาปนดุลย์ ผู้กำกับการกลุ่มงานจราจร สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวว่า ตร. เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบและดำเนินคดีผู้ที่เมาแล้วขับกระทำผิดซ้ำอย่างต่อเนื่อง มีการจัดทำระบบฐานข้อมูล จากสถิติซึ่งพบว่า ช่วงสงกรานต์ปี 2568 มีผู้กระทำผิดเมาแล้วขับผิดซ้ำเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าจะปีก่อน อีกทั้งยังมีคำสั่ง หากต้องส่งฟ้องคดีดื่มแล้วขับ ต้องแนบผล Crimes และ ตรวจสอบประวัติผิดซ้ำทุกคดี ก่อนส่งให้อัยการ พิจารณา และในอนาคต จะเพิ่มความเข้มงวดตลอดทั้งปี ไม่ใช่แค่เฉพาะเทศกาล และ ประชาสัมพันธ์ต่อประชาชน สื่อมวลชน อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างมาตรการป้องปรามไม่กล้ากระทำผิดซ้ำอีก

นายศุภชัย สมเจริญ ประธานอนุกรรมการด้านกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน รัฐสภา กล่าวว่า รัฐสภาให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางถนน และลดปัญหาจากอุบัติเหตุ ในฐานะตัวแทนรัฐสภาได้รับมอบข้อเสนอเชิงนโยบายฯ พุ่งเป้า 2 ประเด็น 1. การผลักดันให้มีการตรวจเมาแล้วขับผิดกระทำผิดซ้ำตลอดปี 2. การผลักดันเพิ่มโทษเมาแล้วขับกระทำผิดซ้ำและกรณีปฏิเสธการเป่าตรวจวัดแอลกอฮอล์ และจะนำข้อสรุปจากเวทีแถลงข่าวนำเสนอในคณะอนุกรรมการฯ เพื่อแก้ไขข้อจำกัด รวมถึงจะมีการกำกับติดตามประเด็นต่างๆ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามค่าเป้าหมายของแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน ก่อนปี 2570

ผศ.ดร.กนกพร รัตนสุธีระกุล มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า จากการศึกษามาตรการบังคับใช้กฎหมายเมาแล้วขับ ในปัจจุบัน พบว่า มีการปรับตัวต่อสถานการณ์การดื่มแล้วขับที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา จะเห็นจากผลการดำเนินคดีที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี แต่หากเปรียบเทียบกับมาตรการของต่างประเทศ ยังต้องเพิ่มศักยภาพการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจในหลายส่วน โดยเฉพาะ อุปกรณ์เครื่องมือ งบประมาณ และ กำลังพล อีกส่วนสำคัญคือการปรับกระบวนเชื่อมโยงการทำงานของทุกหน่วยงาน ต้องสอดคล้องเป็นแนวปฏิบัติเดียวกัน เพื่อให้ผู้กระทำผิดซ้ำ ถูกตรวจสอบและลงโทษทุกราย

ดร.น้ำแท้ มีบุญสล้าง เลขานุการรองอัยการสูงสุด กล่าวว่า สำนักงานอัยการ พร้อมทำงานสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในส่วนของกระบวนการในการพิจารณาคดีกระทำผิดซ้ำ ต้องมีการหารือร่วมกันเพื่อกำหนดกระบวนการที่ชัดเจน และไม่ปล่อยให้คนที่กระทำผิดซ้ำ หลุดออกจากการพิจารณาคดี ที่สำคัญต้องเร่งดำเนินการให้มีผลชัดเจนตลอดทั้งปี ปฏิบัติเป็นแนวเดียวกันทั้งประเทศ

คุณณัฐพล สิทธิพราหมณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ กล่าวเสริมว่า นอกเหนือจากการเพิ่มโทษผู้ที่เมาแล้วขับกระทำผิดซ้ำ การแก้ไขอุบัติเหตุเมาแล้วขับ จำเป็นต้องมีการกำหนดเป็นแผนปฏิบัติการ มีการกำหนดตัวชี้วัด แต่ละหน่วยงานที่สอดคล้องกับ แผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน ที่ กำหนดให้ ต้องลดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเมาแล้วขับ ร้อยละ 10 ต่อปี จนถึงปี 2570 จึงเสนอให้มีการหารือรวมกันทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำกับติดตามอย่างเป็นระบบ
You must be logged in to post a comment Login