- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 5 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 5 months ago
- โลกธรรมPosted 5 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 5 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 5 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 6 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 6 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 6 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 6 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 6 months ago
ชูวัยรุ่นไทยยึดเสรีภาพ ตั้งวงปาร์ตี้สนุกได้ไม่บังคับดื่ม

“ย้อนไปผมเคยดื่มเบียร์ตอน ม.2 จากการชักชวนของเพื่อน ซึ่งในตอนนั้นรู้สึกไม่ชอบเวลาที่ดื่มเข้าไปมันมึนๆหัว แต่พอโตขึ้นมาในตอนนั้นจะดื่มแอลกอฮอล์เฉพาะช่วงที่มีกิจกรรม หรือสังสรรค์กับเพื่อน เพื่อแสดงถึงการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม หรือของกิจกรรมนั้นๆ จะไม่ดื่มจนเมา เพราะเกิดอาการมึนๆไม่สบายหัว และยังมองว่า การดื่มเป็นสิ่งทำร้ายชีวิตในหลายๆ ด้าน ทั้งสุขภาพ ครอบครัวและสังคม ทำให้ความคิดแปรปรวน ซึ่งแม้ว่าไม่เคยเกิดกับตัวเองตรงๆ เพราะยึดหลักไม่ดื่มเพื่อเมา แต่คนใกล้ตัวที่ได้รับผลกระทบมีทั้งเมาแล้วขับ เกิดอุบัติเหตุต้องเข้าโรงพยาบาล ดังนั้นตนคิดว่าทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เลิกดื่มไม่ง่ายแต่ถ้าเลิกได้ก็จะได้โอกาสในการมีสุขภาพที่ดี อนาคตที่ดี ชัดเจนคุ้มค่ามากกว่า หากเรายังลังเลก็สามารถขอความช่วยเหลือจากเพื่อน ครอบครัว หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างให้เลิกเหล้าได้ ไม่มีการตัดสินคุณ อย่าคิดว่าตัวเองล้มเหลว เพราะคนที่กล้าลุกขึ้นมาได้คือคนที่เข้มแข็ง” นายอาร์วิน ซอยสุเรน ประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดเลย กล่าวถึงประสบการณ์การดื่มของตนเอง ในกิจกรรมวงเสวนา“Active Youth เท่สุด…ให้หยุดดื่ม” จัดโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สานพลังภาคีเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง มูลนิธิเด็ก เยาวชน และครอบครัว
แนวโน้มคนรุ่นใหม่ดื่มน้อยลง

น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติ สำรวจพฤติกรรมการดื่มสุราของประชากรไทย ปี 2567 พบว่า อัตราการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในกลุ่มเยาวชน อายุ 15-24 ปี มีแนวโน้มลดลงจาก 34.7% ในปี 2564 เหลือ 24.8 % ในปี 2567 สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ สสส. ร่วมกับภาคีเครือข่ายทำงานเชิงรุก วางยุทธศาสตร์ด้านวิชาการ การรณรงค์ และการทำงานเชิงพื้นที่ เพื่อทำให้เกิดสังคมปลอดภัยปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ให้ความสำคัญในการดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่ม การสกัดนักดื่มหน้าใหม่ และกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มการดื่มเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเด็ก เยาวชน และผู้หญิง เป็นต้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กิจกรรมในวันนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการเดินหน้า เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เด็กและเยาวชน และจุดประกาย กระตุ้น สาน และเสริมพลัง ให้บุคคล ชุมชน และองค์กรทุกภาคส่วน ให้มีขีดความสามารถ และสร้างสรรค์สังคมสุขภาวะ
ผลสำรวจวัยรุ่นอยากมีพื้นที่ทำกิจกรรมเพื่อจะได้ไม่ยุ่งเกี่ยวกับแอลกอฮอล์

นางสาวปาลิณี ต่างสี ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง เปิดเผยว่า เครือข่ายฯได้สอบถามความเห็นกิจกรรมวัยรุ่นช่วงเข้าพรรษา ระหว่างวันที่ 18-30 ก.ค. 2568 กลุ่มตัวอย่าง 2,200 คน ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล แบ่งเป็น ผู้หญิง 45.4% ชาย 39.4% LGBTQIA+ 15.2% โดยเป็นกลุ่มอายุ 19 – 24 ปี 42.3% อายุ 16 – 18 ปี 34% อายุ 13 -15 ปี 23.7% พบว่าเคยดื่ม 65.7% ไม่เคยดื่ม 34.3% โดยผู้ที่เคยดื่มนั้น มีการดื่มนานๆ ครั้ง 68.8% สัปดาห์ละครั้ง 17.3% สัปดาห์ละ 3 -5 วัน 9.6% และดื่มทุกวัน 4.3%

“กลุ่มตัวอย่างมองผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากที่สุดคือทะเลาะวิวาท 32.2% ความรุนแรงในครอบครัว 22.5% อุบัติเหตุ 20.5% สุขภาพ 14.3% การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรหรือเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย 10.5% ทั้งนี้ในคำถามเกี่ยวกับปัญหาชีวิต 50.8% คิดว่าแอลกอฮอล์ไม่ช่วยแก้ปัญหาในชีวิตได้ มีแต่แย่ลง อีก 23.8% ช่วยได้ชั่วคราว และไม่แน่ใจ 16.2% มีแค่ 9.2% ที่คิดว่าช่วยได้จริง อย่างไรก็ตามเมื่อถามว่ามีวิธีใดในการแก้ไขปัญหาชีวิต คลายเครียดโดยไม่ต้องดื่ม กลุ่มตัวอย่างเลือกทำกิจกรรม ฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม 61.5% คุยกับเพื่อน คนสนิท 55.9%ออกไปเที่ยว เดินเล่น 44% นอนหลับ 28.6% อยู่คนเดียวเพื่อทบทวน 28.1% ร้องไห้ 18.4% ปรึกษาครอบครัว 15.8% ปรึกษาจิตแพทย์/ผู้เชี่ยวชาญ 9.1% ค้นหาคำตอบในโลกออนไลน์ 2.6% อื่นๆ 0.3% ทั้งนี้กลุ่มตัวอย่าง 86.1% รู้ว่ามีกิจกรรมงดเหล้าในช่วงเข้าพรรษา อีก 13.9 % ไม่รู้ อย่างไรก็ตาม 72.3% เห็นว่าควรจะมีกิจกรรมทางเลือกให้เยาวชนทำในช่วงเข้าพรรษาโดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น กิจกรรมศิลปะ ออกกำลังกาย กิจกรรม work shop งานคราฟต์ กิจกรรมจิตอาสา ทำคอนเทนต์ทางโซเชียลฯ กิจกรรมสร้างพลังใจ ช่วยงานบ้าน ฝึกทักษะการพูดการสื่อสาร” นางสาวปาลิณี กล่าว
สร้างค่านิยมใหม่ ตั้งวงปาร์ตี้สนุกได้ไม่บังคับดื่ม

รศ.ดร.นพ.อุดมศักดิ์ แซ่โง้ว สำนักวิชาแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ กล่าวว่า ขณะนี้เยาวชนในประเทศที่มีรายได้สูง เช่น ยุโรป อเมริกา ซึ่งเดิมมีพื้นฐานเปอร์เซ็นต์คนดื่มแอลกอฮอล์สูง แต่เมื่อประมาณปี 2540 การดื่มในประเทศเหล่านี้ลดลง เช่น อเมริกาลดจาก 50% เหลือ 30% อังกฤษลดจาก 60% เหลือ 30% ออสเตรเลียลดจาก 50% เหลือ 25% ไอซ์แลนด์ ลดลงเกือบ 80% นอร์เวย์ลดลง 60% ฝรั่งเศสลดลง 8% หลักฐานเชิงประจักษ์ที่บอกปรากฏการณ์นี้คือเปลี่ยนแปลงบรรทัดฐานค่านิยมสังคมของคนรุ่นใหม่ และการอยู่กับพ่อ แม่นานขึ้น พ่อ แม่เข้มงวดเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น ส่วนเยาวชนไทยไม่ต่างจากต่างประเทศ สถานการณ์การณ์ดื่มทรงตัว เพิ่มไม่ถึง 1% คือจาก 8.9% ในปี 2564 มาเป็น 9.6% ในปี 2567 แต่ที่เพิ่มมาก คือวัยทำงานเพิ่มขึ้น 9% เพราะเริ่มมีรายได้ ประกอบกับพื้นฐานการดื่มของไทยยังไม่มาก ยังขยายตลาดการดื่มได้ นโยบายรัฐบาลกับฝ่ายค้านไปในทางเดียวกันคือผ่อนปรนกฎหมายควบคุมการดื่มมากขึ้น
กล่าวได้ว่า กลุ่มประเทศที่มีรายได้สูง กลุ่มประเทศตะวันตก พบว่า ค่านิยมการดื่มของเยาวชนที่มองว่าแอลกอฮอล์มีส่วนสำคัญสำหรับชีวิตลดลงไปมาก แล้วมีการยอมรับได้กับค่านิยมที่ดื่มหนักในกลุ่มคนที่มีอายุน้อยก็มีน้อยลง ซึ่งเป็นข้อมูลในต่างประเทศ สำหรับข้อมูลในประเทศไทยเราไม่มีตัวเลขค่านิยมในการดื่ม แต่พฤติกรรมการดื่มลดลง แต่ละประเทศจะมีตัวเลขที่แตกต่างกัน เช่น จากการดื่มถึง 80% ลดลงมา60% เป็นต้น คือมีสัดส่วนของคนดื่มลดลงที่เริ่มที่ได้ชัดคือตั้งแต่ปี ค.ศ.2000 เป็นต้นมาที่ลดลงเรื่อยและไม่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น
ส่วนการดื่มในภาพของเยาวชนไทยเริ่มจะคงที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก ซึ่งสะท้อนได้ว่าค่านิยมมันจะไหลไปไหลมาตามโซเซียล ในส่วนตัวเชื่อว่า เด็กไทยได้รับอิทธิพลจากเด็กต่างประเทศได้เช่นกันแต่อาจจะไม่มากเท่ากับคนในประเทศ ปัจจัยของความสำเร็จน่าจะมาจากปัจจัยที่มีการเปลี่ยนแปลง มีความรู้ความเข้าใจเรื่องแอลกอฮอล์ที่เปลี่ยนไป จากที่ในอดีตเคยมีคนพูดว่าการดื่มแอลกอฮอล์เล็กน้อยจะมีผลดีต่อสุขภาพ แต่ถ้าดื่มมากจะเป็นผลเสีย แต่ปัจจุบันพบว่า การดื่มจะเพิ่มความเสี่ยงแม้แต่การดื่มเพียงเล็กน้อย ในต่างประเทศเขาจะให้งานวิชาการ งานวิจัยเข้ามาสนับสนุนในการออกกฎหมาย ดังนั้นแนวปฏิบัติจึงเปลี่ยนไป องค์การอนามัยโลกปัจจุบันระบุว่า ไม่มีปริมาณการดื่มใดเลยที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้มีมาตรการควบคุมการดื่มตามมา และจะใช้หลายมาตรการร่วมกัน เช่น การเก็บภาษีร้านค้า และค่านิยมเริ่มเปลี่ยนไป เช่น ปริมาณแอลกอฮอล์ในเบียร์ในประเทศอังกฤษเริ่มลดลง
ทั้งนี้คนรุ่นใหม่มีแนวโน้มที่จะตระหนักเรื่องของสนุกภาพมากขึ้น มีไลฟ์สไตล์ที่เฮลตี้มากขึ้น ซึ่งคนที่ดื่มจะรู้ว่าการดื่มจะไม่สามารถทำให้ร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพดีได้ ส่วนเรื่องการสื่อสาร ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการสื่อสารของไทยมีรากมาจากศาสนาพุทธ การจะนำเรื่องศาสนาใจมาใช้จึงไม่แปลก แต่สำหรับวัยรุ่นการสื่อสารเรื่องที่มาจากศาสนาเด็กอาจจะมองว่าเป็นเรื่องคร่ำครึ เขาจะพูดถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพมากขึ้น จากที่ทำงานเรื่องเด็กมากว่า 2 ปีพบว่า เด็กๆไม่ได้ชอบเรื่องการดื่ม แต่เหมือนโดนเพื่อนกึ่งบังคับ เช่น ถ้าคุณจะเข้าสังคมเราคุณต้องดื่ม ในส่วนตัวคิดว่าถ้าเราเปลี่ยนแนวคิดของคนที่ดื่ม ด้วยการบอกว่า ถ้าคุณต้องการเสรีภาพในการดื่มคุณต้องให้เกียรติคนที่ไม่ดื่มได้เพราะก็มีเสรีภาพที่จะไม่ดื่มเช่นกัน และสามารถเข้าสังคมคุณได้เหมือนกัน ดังนั้น เราจึงควรมีแคมเปญรณรงค์คนที่ดื่มไม่ควร บังคับคนที่ไม่ดื่ม ก็สามารถร่วมโต๊ะสังสรรค์กันได้ ถ้าเป็นแบบนี้ก็มีโอกาสที่จะไม่เพิ่มคนดื่มมากนัก ส่วนภาครัฐอยากฝากว่า แม้จะส่งเสริมเศรษฐกิจ และกฎหมายการควบคุมผ่อนคลายลงก็คงต้องย้ำว่า กฎหมายเท่าที่มีนั้นควรจะบังคับใช้ทุกมาตราให้ครบถ้วน เท่าเทียม เสมอกัน” รศ.ดร.นพ.อุดมศักดิ์ กล่าว
You must be logged in to post a comment Login