- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 5 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 5 months ago
- โลกธรรมPosted 5 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 5 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 5 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 5 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 5 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 5 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 5 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 6 months ago
สสส. สานพลัง สถาบันฯ สิ่งทอ หนุนสถานประกอบการใช้แนวคิด Happy workplace ยกระดับคุณภาพชีวิตคนทำงาน

น่าห่วง! แรงงานไทยเผชิญสารพัดโรครุมเร้า ผู้ชายเสียชีวิตสูงกว่าผู้หญิง จากฆ่าตัวตาย 4.5 เท่า โรคหัวใจขาดเลือด 4.1 เท่า อุบัติเหตุจราจร 3.4 เท่า เหตุจากพฤติกรรมเสี่ยง สสส. สานพลัง สถาบันฯ สิ่งทอ หนุนสถานประกอบการใช้แนวคิด Happy workplace ยกระดับคุณภาพชีวิตคนทำงาน ได้ผลช่วยลดสูบบุหรี่ 37.8% ลดดื่ม 26.1% มีกิจกรรมทางกายเพิ่ม 14.9% พร้อมขยายแนวคิดองค์กรสุขภาวะครอบคลุมโรงงานในคลัสเตอร์อุตสาหกรรมสิ่งทอ แฟชั่น และไลฟ์สไตล์ 2,000 แห่ง

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวในงานสัมมนา “ยกระดับสุขภาพ ยกระดับประสิทธิภาพ ลงทุนกับสุขภาพ เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน” จัดโดย สสส. และสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ว่า สาเหตุการเสียชีวิตของคนวัยทำงานอายุ 15-59 ปี ส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมเสี่ยงสุขภาพ เช่น ขับรถไม่สวมหมวกนิรภัย สูบบุหรี่ บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากข้อมูลการตาย ปี 2566 ของเว็บไซต์ www.hiso.or.th โดย สสส. ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข พบคนวัยทำงานเพศชายเสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือดมากกว่าเพศหญิง 4.1 เท่า จากอุบัติเหตุจราจรมากกว่า 3.4 เท่า โรคหลอดเลือดสมองมากกว่า 2.6 เท่า ที่น่าสนใจ พบว่าเพศชายมีอัตราการฆ่าตัวตายมากกว่าเพศหญิง 4.6 เท่า สะท้อนว่าเพศชายมีความเสี่ยงชีวิตสูงกว่าเพศหญิง สอดคล้องกับผลสำรวจประเด็นปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อสุขภาพของคนทำงานกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอ แฟชั่น และไลฟ์สไตล์ ในสถานประกอบการ 20 แห่ง ปี 2566 พบคนวัยทำงานไม่มีความสุข ป่วยซึมเศร้า สุขภาพสังคมทำงานไม่ดี เป็นสาเหตุหลักการลาออกของคนทำงานโดยเฉลี่ย 5-10 % ต่อปี
“สสส. ร่วมกับสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ พัฒนาโครงการสร้าง พัฒนา ขยายผลองค์กรสุขภาวะ สู่ผลลัพธ์พฤติกรรมสุขภาพที่ดีอย่างยืน ในคลัสเตอร์สิ่งทอ แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ สนับสนุนการนำแนวคิดองค์กรสุขภาวะ (Happy workplace) ไปใช้ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี ลดความเสี่ยงการป่วยโรคไม่ติดต่อ (NCDs) และสุขภาพจิตของคนทำงานในอุตสาหกรรม มีสถานประกอบการเข้าร่วม 100 แห่งทั่วประเทศ ในจำนวนนี้ยกระดับเป็นองค์กรสุขภาวะต้นแบบ 34 แห่ง เกิดการขยายแนวคิดสร้างองค์กรสุขภาวะไปยังสถานประกอบการในอุตสาหกรรม 2,000 แห่ง เกิดเครือข่ายนักสร้างสุข 240 คน มีพนักงานได้รับประโยชน์ 3,400 คน พนักงานบริโภคบุหรี่ลดลง 37.8% ดื่มแอลกอฮอล์ลดลง 26.1% มีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้น 14.9% สะท้อนให้เห็นว่าแนวคิด Happy workplace สามารถพัฒนาให้คนวัยทำงานมีคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ” ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าว

ดร.ชาญชัย สิริเกษมเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ กล่าวว่า รายงาน Champion Health Mental Health & Wellbeing ปี 2566 โดยเว็บไซต์ www.championhealth.co.uk พบว่า คนวัยทำงานในไทยได้รับการวินิจฉัยทางคลินิกว่ามีภาวะวิตกกังวล 60% มีภาวะเครียดระดับปานกลางถึงเครียดจัด สาเหตุจากบรรยากาศในที่ทำงานไม่ดีและภาระงานที่หนักเกินไป 76% เผชิญปัญหาป่วยซึมเศร้า 56% โดยผลสำรวจองค์กรในเครือข่ายอุตสาหกรรมสิ่งทอ แฟชั่น และไลฟ์สไตล์พบปัญหาเช่นเดียวกันนี้มากกว่า 50% ขององค์กรทั้งหมด หรือคิดเป็นว่า 1,000 องค์กร ทุกขนาด ทั้งองค์กรขนาดเล็ก กลางและใหญ่ จากสถานการณ์ดังกล่าว สถาบันฯ จึงร่วมกับ สสส. ส่งเสริมให้สถานประกอบการนำแนวคิด Happy workplace ไปใช้ในการพัฒนาบุคลากร และเครือข่ายในกลุ่มอุตสาหกรรม ให้มีองค์ความรู้ในการสร้างเสริมสุขภาวะ มีแนวทางการดำเนินงาน 3 ด้าน 1.ส่งเสริมให้สถานประกอบการกำหนดนโยบายสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กร 2.เกิดการพัฒนาและขยายเครือข่ายองค์กรสุขภาวะ 3.ศึกษาปัจจัยความสำเร็จสู่การเพิ่มขีดความสามารถส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ผลลัพธ์จากการนำแนวคิด Happy workplace ไปใช้ในสถานประกอบการ พบว่า เมื่อพนักงานสุขภาพดีขึ้น สถานประกอบการมีผลิตภาพ (Productivity) ในการทำงานได้เพิ่มขึ้นถึง 5%

นายบุญช่วย ประสิทธิ์สัมฤทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายขายและจัดซื้อ บริษัท ไทยประสิทธิ์เท็กซ์ไทล์ จำกัด หนึ่งในองค์กรสุขภาวะต้นแบบ กล่าวว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้พนักงานมีความสุข จึงนำแนวคิด Happy Workplace ของ สสส. มาใช้ในการสร้างสุขภาวะและคุณภาพชีวิตที่ดีให้พนักงาน โดยนำโปรแกรมสร้างสติในองค์กร (Mindfulness in Organization : MIO) มาช่วยให้พนักงานมีความสุขจากข้างใน มีภูมิคุ้มกันและสติในการใช้ชีวิต มีกิจกรรมสำคัญที่ดำเนินการ คือ ให้พนักงานทำสมาธิก่อนเริ่มงาน 5 นาที โดยบริษัทฯ ประกาศเป็นนโยบายให้การนั่งสมาธิเป็นส่วนของเวลางาน จัดทำหลักสูตรอบรมการฟังอย่างตั้งใจ การสัมผัสกายด้วยความนุ่มนวล รวมถึงส่งเสริมให้พนักงานมีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้น ทั้งก่อนและหลังเลิกงาน โดยผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น พนักงานมีสติและสมาธิในการทำงานเพิ่มขึ้น ความขัดแย้งในองค์กรลดน้อยลง บรรยากาศการทำงานดีขึ้น และที่สำคัญ พนักงานมีพลังใจในการทำงานเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราการมาเข้างานสายของไลน์ผลิตน้อยลง
You must be logged in to post a comment Login