- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 4 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 4 months ago
- โลกธรรมPosted 4 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 4 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 4 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 4 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 4 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 5 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 5 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 5 months ago
สสส. จับมือเครือข่ายถอดประสบการณ์ “เหยื่อ…สงครามน้ำเมา”

สสส. จับมือเครือข่าย ส่งโฆษณาสั้น 3 เรื่อง ชวนคนไทยวางแก้วเหล้า ตั้งสติ คิดดี สร้างชีวิตที่ดี “นักวิจัย” เผยแอลกอฮอล์เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็ง 8 ชนิด และยอดเจ็บตายทางถนน 5 ปี 2.8 แสนคน ทำต้นทุนทางสังคมพุ่งเฉลี่ยคนละเกือบครึ่งล้านบาท ด้านเหยื่อเล่าหมดเปลือกผลกระทบน้ำเมา ทำครอบครัวแตกแยก สุดท้ายตายจาก
วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 – ภาคีเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มูลนิธิเด็กเยาวชน และครอบครัว สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) เครือข่ายชุมชนลดปัจจัยเสี่ยง เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์ เนื่องในวันงดดื่มสุราแห่งชาติ 2568 พร้อมเสวนาถอดประสบการณ์ “เหยื่อ…สงครามน้ำเมา” ที่โรงแรมแมนดาริน สามย่าน กรุงเทพฯ

น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า วันงดดื่มสุราแห่งชาติ ปีนี้ตรงกับวันเข้าพรรษาวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีมติเห็นชอบ รูปแบบกิจกรรมรณรงค์ปีนี้โดย มุ่งเน้นการลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เป็นศูนย์ “Zero drink Zero death” เป็นการให้ความสำคัญกับสุขภาพของประชาชนคนไทย และเชิญชวนประชาชนลงนามงดเหล้าเข้าพรรษา เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอดชีวิต เนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นต้นทางของปัญหาสำคัญหลายมิติ การเปิดเวทีวันนี้จึงได้เชิญผู้ได้รับผลกระทบ 4 คนมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ได้แก่ เหยื่ออุบัติเหตุเมาแล้วขับ คุณพ่อที่สูญเสียลูกชายเพราะพิษสุรา ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในครอบครัว และเยาวชนที่ฤทธิ์สุรานำไปสู่อาชญากรรม เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจนักดื่มให้หันมาลด ละ เลิก เพราะไม่อยากให้ใครต้องเผชิญชะตากรรมอันเป็นผลจากการดื่มเช่นเดียวกับทั้ง4ท่าน
น.ส.รุ่งอรุณ กล่าวต่อว่า การจัดกิจกรรมในวันนี้จะนำไปสู่การขับเคลื่อนสังคม การรณรงค์และให้ความรู้ กระตุ้นเตือนอันตรายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยให้ความสำคัญในการดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่ม การสกัดนักดื่มหน้าใหม่ และกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มการดื่มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน และกลุ่มเพศหญิง เป็นต้น อีกทั้งนี้เข้าพรรษาปีนี้ สสส. ได้ผลิตภาพยนตร์โฆษณารณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา ผ่านแนวคิด “สสส ชวนตัวเองงดเหล้า คุณทำได้” เพราะสสส.มองว่าจุดเริ่มต้นเรื่องนี้ต้องมาจากตัวเอง สำหรับภาพยนตร์ 3 เรื่อง จะเล่าถึงการที่ตัวเองเตือนตัวเองได้ดีที่สุด ผ่าน 3 ตัวละครหลัก ทั้ง 3 เรื่อง ดังนี้
1. เงา = เงาของตัวพระเอกเอง จะชวนตัวเองของเราเลิกเหล้ายังไง 2. แนนซี่=เมื่อแนนซี่บอกตัวเองว่าไม่ดื่ม แนนซี่จะพบกับชีวิตที่ดี และ3. อ๊อด =ถ้า 1 อ๊อดมาเตือนยังไม่พอ อาจต้องยกทั้งมัลติเวิร์สของอ๊อดมาช่วยเตือน เรื่องราวเล็ก ๆ แต่หนักแน่นข้อเท็จจริงในชีวิต เป็นต้น
“การตัดสินใจ ดื่ม หรือเลิกดื่ม ไม่ได้อยู่ที่บริบทสังคม แต่เป็นการเลือกที่จะฟังเสียงจากใจของเราเอง เลือกที่จะมีสติ เลือกสร้างชีวิตที่ดีขึ้นให้กับตนเองและคนที่รักต่างหาก ผ่านการไม่ดื่มแอลกอฮอล์ เพียงแค่บอกกับตัวเอง และชวนตัวเองวางหรือคว่ำแก้วเหล้าที่อยู่ในมือ เพื่อนำทางเราไปสู่เส้นทางที่ดีกว่า จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนใช้เวลาในช่วงเข้าพรรษาเป็นจุดเริ่มต้นในเส้นทางชีวิตใหม่นี้ เริ่มวันนี้ ดีตั้งแต่วันนี้ ชวนตัวเองเลิกดื่มแอลกอฮอล์ คุณทำได้ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลด ละ เลิกการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และลดพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำลายสุขภาพและร่างกาย เพื่อตนเองและครอบครัว ซึ่ง สสส. ยืนยันว่าจะร่วมกันกับภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนรณรงค์เพื่อ ลด ละ เลิกการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษานี้เพื่อให้ผู้ดื่มสุรา ได้ตระหนักถึงพิษภัยของการดื่มทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อไป” น.ส.รุ่งอรุณ กล่าว

รศ.ดร.นพ.พลเทพ วิจิตรคุณากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค ปี 2562–2566 พบว่าบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์เฉลี่ยปีละเกือบ 57,000 ราย รวม 5 ปี มากกว่า 284,000 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 370,000 ล้านบาท ที่น่าตกใจคือ คนไทยเกือบ 80% เคยได้รับผลกระทบจากการดื่มของผู้อื่น ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และปัญหาครอบครัว โดยต้นทุนทางสังคมเฉลี่ยจากนักดื่มไทยหนึ่งคนสูงถึง 498,196 บาท โดยเฉพาะนักดื่มชายมีต้นทุนสูงถึง 721,344 บาทต่อคน ซึ่ง “แอลกอฮอล์ยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่มที่ 1 ที่เชื่อมโยงกับมะเร็งอย่างน้อย 8 ชนิด อาทิ มะเร็งช่องปาก กล่องเสียง ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก เต้านม ตับ และตับอ่อน และจากตัวเลขทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการลด ละ เลิกการดื่ม เพื่อปกป้องสุขภาพ เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน” รศ.ดร.นพ.พลเทพ กล่าว

ด้าน ลุงไสว คนขับรถสามล้อย่านหัวลำโพง กรุงเทพฯ กล่าวว่า ตอนนี้ตนขับรถสามล้อรับจ้าง ต้องสูญเสียลูกชายจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งถ้าย้อนกลับไป ตอนนั้นลูกชายประมาณ 15 ปี ออกมาขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ก็มีการดื่มเหล้าสังสรรค์กับเพื่อนบ้าง แต่หลังๆ เริ่มดื่มหนักขึ้น เป๊กทุกวัน ถึงขนาดพกติดตัวเอาไว้ เป็นอย่างนี้อยู่หลายปี ตนตักเตือนว่าแอลกอฮอล์ไม่ดีต่อสุขภาพ ยิ่งเป็นโรคลมชักอยู่ด้วย ถ้าไม่ฟังพ่อ เดี๋ยวหมอก็จะตักเตือนเอง อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการดื่มของลูกชายตนนั้นเป็นเช่นนี้มาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีแฟนตอนอายุประมาณ 25 ปี แล้วแยกไปอยู่กับแฟนก็ยังดื่มเช่นเดิม สุดท้ายร่างกายไม่ไหว และเสียชีวิตตอนอายุ 30 ปี ด้วยอาหารตับวาย ปอดติดเชื้อ จากเหตุการณ์นี้ตนก็อยากจะเตือนคนอื่นๆ ว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นสิ่งไม่ดี ทำให้เจ็บป่วย ฟังสิ่งที่พ่อ แม่ ตักเตือน หากเลิกได้ก็ขอให้เลิก


และ นางสาวตวิษา ปานแม้น ผู้ได้รับผบกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า ตอนที่ตนอายุ 18 ปี ได้พบกับอดีตแฟนซึ่งเป็นพ่อของลูกตอนนี้ ต่างคนต่างก็มีการมีงานทำ มีการดื่มแอลกอฮอล์ด้วยกันบ้างเล็กๆ น้อยๆ และไม่ได้มีปัญหาอะไร จนกระทั่ง 2-3 ปีให้หลัง ก็ออกแววไม่เอาอะไรเลย ขี้เกียจ เริ่มดื่มหนักขึ้น ดื่มเป็นประจำ ดื่มจนจำหน้าลูกหน้าแม่ไม่ได้ และลงมือทำร้ายร่างกาย ลาออกจากงานและไม่ได้กลับไปทำงานอีก มีเพียงตนที่ออกไปทำงานนอกบ้านคนเดียว แต่นั่นก็ทำให้เกิดปัญหาหึงหวงอย่างหนัก คุยกับใครก็ไม่ได้ แม้กระทั่งคนที่ทำงาน แค่จับโทรศัพท์มือถือเล่นเฟสบุ๊ค ก็หึง เป็นอย่างนี้มาเรื่อย จนมีลูกด้วยกัน และคลอดลูกได้ประมาณ 5 เดือน เขาก็เมาและทำร้ายร่างกายตน และลูกด้วย จึงเป็นจุดที่ทำให้ตนตัดสินใจหอบลูกหนีออกมา แต่เขาก็ตามตลอด จนเอาลูกไปจากเราได้ และคาราคาซังกันมา 3 ปี ถึงตัดกันได้ขาด ตอนนี้เขาเสียชีวิตแล้ว อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ของตนก็อยากจะเตือนคนที่กำลังเผชิญปัญหาสุราและความรุนแรงในครอบครัว ขอให้ใช้สติและกลับมารักตัวเองให้มาก และพาตัวเองออกมาจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด จะได้เจอกับแสงสว่างและความสุขที่แท้จริง



You must be logged in to post a comment Login