- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 4 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 4 months ago
- โลกธรรมPosted 4 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 4 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 4 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 4 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 4 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 4 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 4 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 4 months ago
สสส.จับมือเครือข่ายเดินหน้าสร้างศักยภาพคนไร้บ้าน

ชั้นคือใคร….ชั้นคือใคร เสียงตะโกนร้องถามหาตัวตนของของพวกเขา จากนั้นก็มีเสียงเข้ามาว่า ชั้นคือ พ่อครัว ชั้นคือช่างตัดผม ผมเป็นคนก่อสร้าง…..
นั่นคือ ละครสั้นที่ถูกถ่ายทอดจากประสบการณ์ตรงของคนที่เคยเป็นคนไร้บ้านมาก่อน พวกเขาไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่า ขอเพียงมีอาชีพ มีรายได้ ได้รับการยอมรับจากสังคม มีสิทธิเท่าเทียมกับคนทั่วไป เหมือนกับชีวิตของดำรงค์ เกตุเถื่อน LGBTQ ที่เคยเป็นคนไร้บ้านในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ปัจจุบันดำรงได้เป็นหนึ่งในทีมบริหารจัดการของบ้านเตื่อมฝัน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้ออกมาเปิดใจในงานประชุมวิชาการและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน: ประชากรกลุ่มเฉพาะ ครั้งที่ 3 ที่อาคารอิมแพ็คฟอรั่ม เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆนี้

ชีวิตของดำรงอาจจะไม่ได้เศร้าเคล้าน้ำตาเหมือนคนเร่ร่อนอื่นๆ อดีตดำรงค์มีอาชีพเป็นแม่ค้าขายอาหารตามสั่ง มีรายได้พอที่จะเลี้ยงชีพและคนในครอบครัวได้ แม้จะไม่ได้มีเงินเหลือ แต่โชคชะตาไม่เข้าข้างดำรงค์เมื่อร่างกายต้องมาเจ็บป่วย ทำให้ไม่สามารถประกอบอาชีพแม่ค้าอาหารตามสั่งได้ จึงจำใจเลิกและมาอยู่กับเพื่อนมาช่วยเพื่อนทำงาน แต่ด้วยความที่เป็นคนช่างพูดช่างคุยทำให้เพื่อนเข้าใจผิด เพื่อนกลัวว่าเธอจะมาแย่งลูกค้า และไม่ต้องการให้เธออยู่อีกต่อไป จึงใช้กลวิธีหลอกล่อให้ดำรงค์ ออกมาด้วยเงินติดตัวไม่ถึงร้อยไม่มีแม้กระทั่งเสื้อผ้า เมื่อมั่นใจแล้วว่า ตัวเองโดนเพื่อนทิ้ง เงินแทบจะไม่มีดำรงค์จึงกลายเป็นคนเร่ร่อนแบบไม่ทันตั้งตัว ในช่วงนั้น “หนูทรมานสุดๆเลยพี่ ไม่มีที่นอน ที่อาบน้ำ ไม่มีเงิน” โชคดีของดำรงค์ที่เป็นคนเร่ร่อนได้เพียง 3-4 วัน ได้มาเจอพี่ๆที่บ้านเตื่อมฝัน และเจ้าหน้าที่ พม.ให้ความช่วยเหลือ และประกอบกับที่ดำรงค์เป็นคนที่เรียนรู้เรื่องต่างๆได้อย่างรวดเร็วและสามารถพูดภาษาอังกฤษได้จึงได้มาช่วยงานบ้านเตื่อมฝันจนถึงทุกวันนี้
ดำรงค์ บอกว่า เรื่องการจัดการนั้น ตนอยากให้ทุกคนช่วยเหลือตนเอง และรู้เรื่องอาชีพทุกอย่างที่หน่วยงานนำมาเสนออยากให้เขาเข้าไปเรียนรู้ ไม่อยากให้ใครมองว่าคนเร่ร่อนเป็นคนขี้เกียจ
เศรษฐกิจและครอบครัวต้นตอปัญหาของคนไร้บ้าน
นพ.ขวัญประชา เชียงไชยสกุลไทย นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สำนักวิชาการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์ทางประชากรที่สำคัญ คนไร้บ้านสูงอายุเพิ่มสูงขึ้น และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต (ยกเว้นชลบุรีที่มีคนไร้บ้านวัยทำงานในสัดส่วนที่สูง)
– ร้อยละ 39 เป็นคนไร้บ้านหน้าใหม่ ที่เข้าสู่ภาวะไร้บ้านไม่เกิน 2 ปี
– คนไร้บ้านที่มีปัญหาสุขภาพจิตที่เห็นได้ชัดมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น (ร้อยละ 17.9)
– คนไร้บ้านร้อยละ 30 มีปัญหาสิทธิสถานะ
– คนไร้บ้านส่วนใหญ่ (ร้อยละ 55) มีระดับการศึกษาที่ไม่สูงมากนัก ส่งผลต่อการทำงานที่ต่อเนื่องมั่นคง
– คนไร้บ้านที่ไม่มีรายได้ มีแนวโน้มสูงขึ้น (ร้อยละ 21) และอยู่ในวัยทำงาน (วัย สูงอายุมีเบี้ยผู้สูงอายุ)
สรุป: จำนวนไม่เพิ่ม ไม่ลด แต่สถานการณ์ปัญหาซับซ้อนมากขึ้น
นอกจากนี้ นพ.ขวัญประชา ยังระบุว่า ปัญหาเศรษฐกิจและครอบครัว เป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นคนไร้บ้าน

คน กทม.ครองแชมป์คนไร้บ้าน
จากข้อมูลการสำรวจล่าสุดโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จำนวนคนไร้บ้าน: 2,499 คน (จากการสำรวจเดือนพฤษภาคม 2566) พื้นที่ที่มีคนไร้บ้านมากที่สุดคือ กรุงเทพมหานคร คิดเป็นสัดส่วนคนไร้บ้านในกรุงเทพฯ 50.86% ของจำนวนคนไร้บ้านทั้งประเทศ เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง คนไร้บ้านส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 45-55 ปี
สาเหตุหลักของปัญหาคนไร้บ้าน : ตกงาน (44.72%) และปัญหาครอบครัว (35.18%) ปัญหาอื่นๆ คือ ปัญหาสุขภาพจิต (17.9%) และการติดสุรา (18.1%) คนไร้บ้านส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 45-55 ปี
ปัจจุบันมีคนไร้บ้านหน้าใหม่เพิ่มขึ้นถึง 39% มีคนไร้บ้านสูงอายุเพิ่มขึ้น 22% มีรายได้ต่ำกว่า 1,500 บาทต่อเดือน และ 55% ของคนไร้บ้านจบการศึกษาเพียงระดับประถมศึกษา
สสส.เดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินงาน 5 ทิศทางครอบคลุมกลุ่มประชากรเฉพาะ

นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุน สสส. และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส. กล่าวว่า สสส. และภาคีเครือข่าย ขอประกาศเจตนารมณ์ทิศทางและก้าวต่อไปของการสร้างเสริมสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ ขับเคลื่อนแนวทางการดำเนินงานใน 5 ทิศทาง 1.เสียงของประชากรกลุ่มเฉพาะต้องได้รับการตอบสนองเชิงนโยบายอย่างเป็นธรรม ผ่านการผลักดันชุดข้อเสนอสวัสดิการถ้วนหน้าจากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน การแก้ไขเชิงโครงสร้างเพื่อขจัดการเลือกปฏิบัติ และการคุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงทุกกลุ่ม รวมถึงความรุนแรงบนฐานเพศ 2.ลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพ สวัสดิการ และการพัฒนาอย่างเป็นระบบ โดยสานต่อการพัฒนาต้นแบบพิสูจน์สิทธิ และพัฒนาสิทธิของกลุ่มประชากรไร้สถานะ สนับสนุนการเข้าถึงสิทธิของแรงงานที่ถูกละเมิด โดยส่งเสริมให้ภาคประชาสังคมเข้ามามีบทบาทกำหนดทิศทางแผนพัฒนาร่วมกับภาครัฐ
นางภรณี กล่าวต่อว่า 3.ส่งเสริมโมเดล นวัตกรรม ที่เป็นการทำงานร่วมกันแบบหุ้นส่วน เพื่อการตั้งหลักชีวิตของกลุ่มประชากรกลุ่มเฉพาะที่เปราะบาง และรองรับสังคมสูงวัย ทั้งในด้านทรัพยากร ความคิด ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสร้างสังคมที่เอื้ออาทรต่อกัน 4.ลดอคติและการเลือกปฏิบัติ เคารพความหลากหลายของสังคม โดยการสร้างความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้คนที่มีความแตกต่างกันในสังคมพหุวัฒนธรรม ปรับเปลี่ยนมุมมองต่อประชากรกลุ่มเฉพาะว่าเป็นผู้ร่วมสร้างเศรษฐกิจและสังคมไทย 5.พัฒนาศักยภาพและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีส่วนร่วมของทุกคนผ่านกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาวะ การรู้เท่าทันสื่อและภัยไซเบอร์ และการออกแบบพื้นที่และบริการให้ปลอดภัย เข้าถึงได้ พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและภัยพิบัติอย่างทั่วถึงและครอบคลุม ทั้งหมดนี้เพื่อร่วมขับเคลื่อนสังคมไทยเป็นสังคมที่ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ทุกคนเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน มีสุขภาวะที่ดี มีโอกาสในการพัฒนาตนเอง และใช้ชีวิตร่วมกันอย่างเท่าเทียม
You must be logged in to post a comment Login