- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 3 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 4 months ago
- โลกธรรมPosted 4 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 4 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 4 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 4 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 4 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 4 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 4 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 4 months ago
สสส.หนุนการอ่านเพื่อพัฒนาสุขภาวะในเด็กปฐมวัย ชู“จ.ลำปาง” พื้นที่ต้นแบบ

ปักหมุด “จ.ลำปาง” พื้นที่ต้นแบบ “สร้างเสริมระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา” สสส. หนุน การอ่านเพื่อพัฒนาสุขภาวะในเด็กปฐมวัย มีเด็กเข้าถึงหนังสือสร้างโอกาสการวางรากฐานกระบวนการเรียนรู้ กว่า 4,000 คน ช่วยเสริมพัฒนาการดีสมวัย พร้อมขยายผลสู่นโยบายระดับท้องถิ่น ปลื้ม! ผลงานภาคีกลุ่มขะไจ๋ สร้าง “ชุมชนกรุณา” เพื่อการอยู่ดี-ตายดีระดับท้องถิ่น เชื่อมโยงการทำงานระดับบุคคล-ชุมชน-นโยบาย เตรียมยกระดับสู่โมเดล ตำบลกรุณา-เมืองกรุณา

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 มิ.ย. 2568 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ลงพื้นที่ศึกษาดูงาน “ฮ่วมใจ๋ ฮ่วมก่อสุข (ภาวะ)” ที่เทศบาลตำบลเสริมซ้าย อ.เสริมงาม จ.ลำปาง พร้อมถอดบทเรียนการขับเคลื่อนงานระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา ประเด็น “การอ่านเพื่อพัฒนาสุขภาวะในเด็กปฐมวัย” โครงการ “ฮ่วมใจ๋ ฮ่วมก่อสุข (ภาวะ)” ขับเคลื่อนงานด้วยการใช้ “ทุนทางสังคมและวัฒนธรรม” ร่วมกับกลไกนโยบายท้องถิ่น สู่การบรรจุนโยบายระดับท้องถิ่น ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน สสส. ได้เยี่ยมชมการทำงานของโรงพยาบาลลำปาง ในการขับเคลื่อนชุมชนกรุณาเพื่อการอยู่และตายดี ด้วยพลังของภาคประชาชน หน่วยบริการสุขภาพและภาคีเครือข่าย เพื่อดูแลกันและกัน ช่วยให้กลุ่มเปราะบางได้อยู่ดีและตายดี

ดร.จิรพร วิทยศักดิ์พันธุ์ รองประธานคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 8 สสส. กล่าวว่า สสส. มุ่งพัฒนาระบบสื่อและวิถีสุขภาวะทางปัญญา ควบคู่ไปกับการสร้างเสริมความเข้าใจสุขภาวะ ในมิติการสร้างทักษะรู้เท่าทันสื่อและการมีสุขภาวะทางปัญญาที่ดี โดยสนับสนุนและเสริมศักยภาพให้ จ.ลำปาง พัฒนาเป็นพื้นที่ต้นแบบด้านการสร้างเสริมสุขภาวะทางปัญญา เพราะเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ มีการขับเคลื่อนงานที่เป็นรูปธรรม ตั้งแต่การเตรียมความพร้อมกลุ่มเด็กปฐมวัยไปจนถึงกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ป่วยระยะประคับประคองหรือระยะท้ายของชีวิต มีกลไกการดำเนินงานสำคัญ คือ 1. ส่งเสริมให้เด็กมีทักษะด้านภาษา การสื่อสาร การจัดการอารมณ์ และการใช้ชีวิตอย่างสุขภาวะดี 2. สนับสนุนชุมชนให้พัฒนาอาสาสมัครร่วมสื่อสารคุณค่าการอ่านผ่านกิจกรรมเล่านิทาน และสันทนาการ โดยมุ่งเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างเด็ก ครอบครัว และผู้แวดล้อมเด็ก 3. บูรณาการทำงานระหว่างภาคีเครือข่ายและหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ ในการเพิ่มสวัสดิการการอ่านให้เด็กและเยาวชน ผ่านการสนับสนุนจากกองทุนสุขภาพตำบล
“สสส. สร้างโอกาสการเข้าถึงสื่อและองค์ความรู้สุขภาวะ เพื่อลดช่องว่างการเข้าถึงองค์ความรู้สุขภาวะจึงมุ่งริเริ่มโครงการพัฒนาสุขภาวะเด็กปฐมวัยด้วยการอ่าน จ.ลำปาง มีการรณรงค์ส่งเสริมการอ่านโดยการส่งมอบชุดหนังสือนิทานเพื่อเด็กปฐมวัย (Book Bank) และนิทรรศการเคลื่อนที่ “อ่านปลอดภัย” พร้อมเทคนิควิธีการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก ส่งผลให้เกิดนักสื่อสารสุขภาวะระดับพื้นที่กว่า 100 คน มีกลุ่มเด็กผู้ได้รับประโยชน์ 4,365 คน ในจำนวนนี้ เป็นกลุ่มเด็กเปราะปาง เด็กด้อยโอกาส และเด็กที่ต้องการความดูแลเป็นพิเศษ 735 คน พร้อมขับเคลื่อนชุมชนกรุณาลำปางเพื่อการอยู่และตายดี เกิดอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะท้ายในระดับตำบลและชุมชนกว่า 20 คน ช่วยให้ความรู้ ความเข้าใจผู้ป่วยในโรงพยาบาลลำปาง ถึงสิทธิในการแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้าย เพื่อให้ผู้ป่วย “อยู่อย่างมีความหมาย และตายอย่างมีศักดิ์ศรี” ตลอดจนสร้างแรงบันดาลใจและทัศนคติในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาวะ เพื่อสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ให้ทุกคนในสังคมมีสุขภาพดีทุกมิติ” ดร.จิรพร กล่าว

น.ส.สุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. กล่าวว่า สสส.สนับสนุนโครงการอ่านยกกำลังสุข ปลุกพลัง (กาย-ใจ) พลเมืองเด็ก ร่วมพัฒนาระบบนิเวศวัฒนธรรมการอ่าน ผ่านการสร้างคุณค่าใหม่ (New value) ชวนครอบครัวยุคใหม่เลี้ยงลูกด้วยหนังสือ “สื่อแห่งความรัก” มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงในกลุ่มเด็กปฐมวัยให้มีคุณภาพใน 3 มิติ คือ 1. พัฒนาการสมวัยทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม 2. พัฒนาการด้านตัวตน 3. มีทักษะสมอง EF (Executive Function of brain) เพื่อการเติบโตเป็นพลเมืองที่มีสุขภาวะดี มีการขับเคลื่อนผ่านกระบวนการออกแบบนวัตกรรมสื่อ โดยพัฒนางานสื่อสารร่วมกับสื่อภาคเอกชนในพื้นที่ อินฟลูเอนเซอร์ และช่องทางสื่อที่ได้รับความนิยม รวมถึงสื่อสารตรงกับกลุ่มเป้าหมายผู้แวดล้อมเด็กปฐมวัย โดยเครือข่ายภาควิชาการเพื่อกระตุ้นให้ทุกฝ่ายตระหนักและร่วมมือกันสร้างเสริมศักยภาพพลเมืองเด็ก
“ที่ผ่านมา มีการดำเนินโครงการใน 13 พื้นที่ คลอบคลุม 11 จังหวัดทั่วประเทศ ทำให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่ปฏิบัติการมีสัมพันธภาพและสุขภาวะที่ดี มีพัฒนาการเหมาะกับช่วงวัย เพิ่มจำนวนครอบครัวอบอุ่น ชุมชนท้องถิ่นมีความเข้มแข็ง มีเด็กปฐมวัยเข้าถึงโอกาสในการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้และสุขภาวะสมวัยด้วยหนังสือและการอ่านกว่า 16,000 คน พื้นที่ปฏิบัติการเกิดผลลัพธ์เชิงคุณภาพในหลากหลายบริบท ขณะที่ พื้นที่ จ.ลำปาง มีหน่วยงานท้องถิ่นที่ร่วมขับเคลื่อนงานส่งเสริมการอ่าน และบรรจุเป็นนโยบายในข้อบัญญัติและเทศบัญญัติ ปี 2567-2568 จำนวน 24 แห่ง ใน 9 อำเภอ ครอบคลุมเด็กและเยาวชน 4,365 คน” น.ส.สุดใจ กล่าว

นายเอกภพ สิทธิวรรณธนะ เลขาธิการมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาชุมชนกรุณา สนับสนุนโดย สสส. กล่าวว่า ชุมชนกรุณา ทำงานร่วมกับบุคลากรสุขภาพ บุคลากรในโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ในระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ และผู้ขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ โดยมีกลุ่ม KAJAI (ขะไจ๋) เป็นภาคีเครือข่ายแนวหน้า ขับเคลื่อนงานชุมชนกรุณาเพื่อการอยู่และตายดี โดยทำงานเชิงพื้นที่ และฝึกอบรมกระบวนกรชุมชนหรือนักสื่อสารสุขภาวะ ใช้กระบวนการสุขภาวะทางปัญญาของ สสส. ผ่านกลยุทธ์ในการทำงาน 4 ด้าน ได้แก่ 1. พัฒนาสื่อการเรียนรู้ 2. พัฒนาพื้นที่ปฏิบัติการ 3. บริหารจัดการความรู้ 4. พัฒนาทีมเครือข่าย เพื่อปรับปรุงนโยบายชุมชนและนโยบายการดูแลแบบประคับประคองระดับชาติ มีพื้นที่ในการทำงานร่วมกับหน่วยงานผู้นำการเปลี่ยนแปลงนโยบายท้องถิ่น 21 แห่งทั่วประเทศ
“โรงพยาบาลลำปาง ถือเป็น 1 ใน 21 พื้นที่นำร่องขับเคลื่อนงานชุมชนกรุณา มีบทบาทสำคัญในการดูแลผู้ป่วยระยะท้าย พัฒนาศักยภาพเครือข่ายบริการแบบเยี่ยมบ้าน ชุมชน และโรงพยาบาล เกิดผลลัพธ์เชิงประจักษ์ 3 ระดับ ได้แก่ 1. ระดับบุคคล ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และครอบครัว ได้เรียนรู้การเผชิญความเปลี่ยนแปลงอย่างมีสติ ไม่รู้สึกไม่โดดเดี่ยว และวางแผนการตายดี 2. ระดับชุมชน เกิดผู้นำชุมชน อาสาสมัคร แกนนำเยาวชน เข้าใจการดูแลแบบประคับประคอง และมีทักษะการสื่อสารเชิงบวกในการดูแลความเจ็บป่วย 3. ระดับนโยบายและระบบบริการ เกิดความร่วมมือระหว่างชุมชนกับหน่วยบริการสุขภาพ มุ่งเป้าต่อยอดขยายผลสู่ “ตำบลกรุณา” หรือ “เมืองกรุณา” ในอนาคต ทั้งนี้ การพัฒนาให้เกิดชุมชนกรุณา จะช่วยให้ประชาชนในชุมชนมีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการดูแลผู้ป่วยระยะประคับประคอง พร้อมเป็นแกนนำในการดูแลสุขภาพของคนในชุมชนด้วยจิตอาสาพึ่งพากันและกัน” นายเอกภพ กล่าว
You must be logged in to post a comment Login