- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 3 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 3 months ago
- โลกธรรมPosted 3 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 3 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 3 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 3 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 3 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 3 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 3 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 3 months ago
ชู”เทศบาลเมืองมหาสารคาม” ต้นแบบชุมชนลด ละ เลิกบุหรี่/บุหรี่ฟ้า

เมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเริ่มขยับเข้ามาช่วยเหลือชุมชนให้เป็นชุมชนปลอดบุหรี่เพื่อสกัดนักสูบวัยใส และชวนคนเลิกสูบบุหรี่เพื่อสุขภาพที่ดีของคนในพื้นที่ส่งเสริมความรู้เท่าทันถึงอันตรายของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ดีกว่าป่วยแล้วค่อยรักษา ชูเทศบาลเมืองมหาสารคาม ต้นแบบความสำเร็จที่ท้องถิ่นและชุมชนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ส่งผลให้คนในพื้นที่สูบบุหรี่น้อยลงและสกัดนักสูบหน้าใหม่
ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ศูนย์พัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านการควบคุมยาสูบ (พศย.) สถาบันวิจัยและพัฒนาการเรียนรู้ (สวร.) จัดเวที “ท้องถิ่นขยับ ประเทศปรับเปลี่ยน: ขับเคลื่อนสังคมไทยปลอดภัยจากควันบุหรี่ (ไฟฟ้า)” ร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างชุมชนทั่วประเทศ ผ่านพื้นที่นำร่อง อปท.ปลอดบุหรี่ เสริมสร้างศักยภาพท้องถิ่นเข้มแข็งเพื่อรับมือปัญหาการสูบบุหรี่และป้องกันบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน
สสส.ห่วงเด็กไทยตกเป็นทาสบุหรี่ไฟฟ้า-ย้ำ อปท.มีส่วนสำคัญสร้างพื้นที่ปลอดบุหรี่

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า บุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงรุนแรง แต่ละปีมีประชากรโลกเสียชีวิตจากบุหรี่มากกว่า 8 ล้านคน โดยเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่กว่า 7 ล้านคน และจากควันบุหรี่มือสองอีกประมาณ 1.2 ล้านคน บุหรี่เพิ่มโอกาสเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด 2-4 เท่า เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอด 25 เท่า สำหรับไทย ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2567 พบคนไทยมีแนวโน้มสูบบุหรี่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้สูบบุหรี่ทั้งสิ้น 9.8 ล้านคน คิดเป็น 16.5% ของประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป ลดลงจาก 17.4% ในปี 2564 ผู้ชายสูบบุหรี่สูงถึง 9.5 ล้านคน หรือ 33.5% ของประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป ผู้หญิงสูบบุหรี่เพียง 0.3 ล้านคน หรือ 1% โดยผู้สูบบุหรี่อาศัยในเขตเทศบาล 14.6% และอาศัยนอกเขตเทศบาล 18.1% ทั้งนี้ ภาคใต้มีการสูบบุหรี่มากที่สุด 22.2% รองลงมาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 17.92% ขณะที่ภาคกลางน้อยที่สุดคือ 14.2%
“สสส. ตระหนักถึงบทบาทสำคัญขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่จะมีส่วนร่วมในการควบคุมยาสูบ โดยสนับสนุนให้ชุมชนท้องถิ่นดำเนินงานด้านการสร้างเสริมสุขภาพในประเด็นต่างๆ อาทิ การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ การดูแลเด็กปฐมวัยในชุมชน การดูแลสุขภาพในชุมชน การควบคุมยาสูบ สารเสพติด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในชุมชน และได้สนับสนุนมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ดำเนินงานขับเคลื่อนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปลอดบุหรี่ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน โดยมียุทธศาสตร์การดำเนินงาน 3 เรื่องหลัก 1.ป้องกันนักสูบหน้าใหม่ 2.คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ 3.ช่วยคนสูบบุหรี่ให้เลิก ขณะนี้มี อปท. ที่ดำเนินงานขับเคลื่อน อปท.ปลอดบุหรี่แล้ว 2,325 แห่งทั่วประเทศ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการเชื่อมร้อยภาคีเครือข่ายในท้องถิ่นอื่นๆ ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการรณรงค์ลดอัตราการสูบบุหรี่ของประชาชนที่อยู่ในท้องถิ่น” นพ.พงศ์เทพ กล่าว
การขับเคลื่อนของท้องถิ่นจะมีอำนาจในการทำงานและยังมีกองทุนสุขภาพตำบลที่เป็นการร่วมทุนกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ซึ่งมีงบประมาณ 500,000 – 3,000,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งถ้าใช้งบดังกล่าวมาขับเคลื่อนเป็นนโยบาย โดยให้โรงเรียน ชุมชนมีส่วนร่วมและให้เด็กและเยาวชนมาร่วมรณรงค์เรื่องการลดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าก็จะช่วยปกป้องลูกหลานของเราได้
นพ.พงศ์เทพ กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือมีคนที่มีอายุน้อยสูบบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่ 1-3 ปี เริ่มมีอาการทางโรคปอด เริ่มมีการสื่อสารจากแพทย์ออกมาซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการเก็บข้อมูลว่าบุหรี่ไฟฟ้าที่เป็นควันสามารถส่งผลกระทบไปที่ปอดที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อ หรือ ปอดอักเสบได้รวดเร็วกว่าบุหรี่มวนเป็นอย่างมาก ในอดีตบุหรี่มวนกว่าจะส่งผลกระทบต่อร่างกายอาจใช้เวลามากกว่า 10 ปี ส่วนบุหรี่ไฟฟ้าที่ส่งกระทบได้เร็วนั้นมาจากสาเหตุที่ว่าบุหรี่ไฟฟ้าสามารถสูบได้ทุกที่ทุกเวลา สามารถสูบได้ต่อเนื่องไม่เหมือนบุหรี่มวนที่ต้องมีการจุดไฟก่อนสูบบุหรี่ ส่วนบุหรี่ไฟฟ้ามีความสะดวกสามารถสูบได้ทุกเวลา มีกลิ่นให้เลือกมากมาย ทำให้คนหรือเด็กที่เสพติดบุหรี่ไฟฟ้าไม่สามารถหักห้ามใจได้ สุดท้ายคือ ปอดพัง ปอดอักเสบ น้ำท่วมปอด ซึ่งอันนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
เทศบาลเมืองมหาสารคามตัวอย่างของสำเร็จ ลด ละ เลิกบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า

นางนัฏฐิยา โยมไธสง ผู้อำนวยการสำนักสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลเมืองมหาสารคาม อ.เมือง จ.มหาสารคาม กล่าวว่า เทศบาลเมืองมหาสารคามขับเคลื่อนประเด็นบุหรี่ในพื้นที่ ต่อเนื่องกว่า 20 ปี โดยพบกลุ่มของเด็กและเยาวชนสูบบุหรี่ค่อนข้างสูงถึง 20% ของพื้นที่ เทศบาลเมืองมหาสารคาม และชุมชน จึงร่วมกันขับเคลื่อนลด ละ เลิกการบริโภคบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ร่วมกับ อปท. ทั่วประเทศ ภายใต้การเสริมศักยภาพของ สสส. ประกาศให้ “มหาสารคามเป็นจังหวัดต้นแบบปลอดบุหรี่” ทำให้อัตราการสูบบุหรี่ในพื้นที่ลดลง ผ่านการดำเนินงานสำคัญ 1.รณรงค์ให้ความรู้ และเชิญชวนทุกพื้นที่วางแผนการทำงานควบคุมบุหรี่ โดยใช้ข้อมูลที่พื้นที่เก็บผ่านเครื่องมือ TCNAP และประยุกต์ใช้ข้อมูล RECAP พัฒนาชุดกิจกรรมที่สื่อสารให้ตรงกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม 2.ขึ้นภาษีบุหรี่และกฎข้อบังคับต่างๆ ทั้งบุหรี่มวนที่เพิ่มราคาสูงขึ้น และบุหรี่ไฟฟ้าที่ประกาศให้เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ห้ามจำหน่ายและมีไว้ในครอบครอง ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย 3.บังคับใช้กฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่สาธารณะ ทุกคนในชุมชนช่วยกันสอดส่อง ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมเป็นโครงข่ายทั่วถึงกันทุกภาคส่วนในชุมชน
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่เอื้อต่อความสำเร็จ คือ การทำงานที่มีมาตั้งแต่ปี 2557 เป็นการวางรากฐานให้ชุมชน เป็นการสร้างชุมชนปลอดบุหรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้รับความร่วมมือจากศาสนาสถานเป็นสถานที่ปลอดบุหรี่/บุฟรี่ไฟฟ้า และสุดท้ายความเข้มแข็งของประธานชุมชน อาสาสมัคร และแกนนำบุหรี่ที่ทำงานด้านการควบคุมและเลิกบุหรี่

ผลลัพธ์ที่ได้ในวันนี้คือ ในชุมชนมีจำนวนผู้สูบบุหรี่ลดน้อยลง รวมทั้งนักสูบหน้าใหม่ มีพื้นที่ปลอดบุหรี่ 100% ให้ประชาชนได้ใช้ ส่งผลให้ผู้ที่ยังสูบบุหรี่ได้เห็นถึงผลกระทบจากบุหรี่ได้อย่างชัดเจน และอยากเลิกบุหรี่อย่างจริงจังโดยมีแกนนำและบุคคลต้นแบบช่วยแนะ วิธีลด ละ เลิกบุหรี่ โดยอาศัยกระบวนการชักชวนจากคนใกล้ชิดให้เห็นโทษจาการสูบบุหรี่
You must be logged in to post a comment Login