- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 2 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 2 months ago
- โลกธรรมPosted 2 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 2 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 2 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 2 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 2 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 2 months ago
ศาสนทูตคือความเมตตาของพระเจ้าต่อมนุษย์

คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 11 เม.ย. 68)
การมีนบีหรือศาสนทูตมาบอกข่าวมนุษย์ถึงการมีอยู่ของพระเจ้าองค์เดียวและการกลับไปหาพระองค์หลังความตายเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าพระเจ้าทรงมีเมตตาต่อมนุษย์หลังจากสร้างมนุษย์ขึ้นมา นบีหลายคนจึงได้รับความคุ้มครองจากพระเจ้าโดยตรงเมื่อตกอยู่ในอันตรายเพื่อรักษาความเมตตาของพระองค์ไว้
อับราฮัมถูกตัดสินลงโทษด้วยการถูกเผาทั้งเป็นเพราะเขายืนยันว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้าง มิใช่สิ่งถูกสร้าง แต่พระเจ้าผู้อยู่เหนือกฎธรรมชาติได้สั่งให้ไฟเย็นลง อับราฮัมจึงมีชีวิตรอดและได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว
โมเสสเกือบถูกทหารของฟาโรห์ฆ่าในตอนแรกเกิด แต่พระเจ้าได้คุ้มครองเขาโดยการดลใจให้แม่ของเขานำทารกของนางไปใส่ตะกร้าลอยน้ำ โมเสสจึงรอดชีวิตและถูกเก็บไปเลี้ยงในวังของฟาโรห์จนเติบใหญ่และได้รับคัมภีร์โตราห์จากพระเจ้าในเวลาต่อมา
เยซัสไครสต์หรือนบีอีซาได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้าในตอนที่ถูกนำตัวไปตรึงกางเขน แต่ระหว่างทางที่เกิดการชุลมุนขึ้น พระเจ้าได้ทำให้ใครบางคนมีรูปร่างหน้าตาคล้ายเยซัสไครสต์ถูกจับไปตรึงกางเขนแทนและพระองค์ได้รับร่างของท่านขึ้นไปขณะยังมีชีวิต
ส่วนนบีมุฮัมมัด นบีคนสุดท้ายได้รับการคุ้มครองให้พ้นจากการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เป็นบาปและการพูดโกหก ชาวอาหรับจึงตั้งฉายาให้ท่านว่า “อัลอะมีน” ซึ่งหมายถึงซื่อสัตย์และไว้วางใจได้จนหากใครกล่าวหาว่านบีมุฮัมมัดโกหก คนผู้นั้นจะถูกชาวเมืองกล่าวหาว่าเป็นผู้โกหกเสียเอง คุณสมบัตินี้พระเจ้าได้เตรียมไว้ให้แก่นบีมุฮัมมัดเพื่อรองรับวจนะของพระเจ้าเพื่อนำมาอ่านให้ชาวโลกฟัง
ไม่เพียงเท่านั้น นบีมุฮัมมัดยังมีสติปัญญาเฉียบคมในการคลี่คลายเหตุการณ์วิกฤตที่อาจบานปลายกลายเป็นสงครามย่อยๆในหมู่ชาวมักก๊ะฮฺด้วยกัน เหตุการณ์นั้นก็คือ ก๊ะอฺบ๊ะฮฺที่เป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณของชาวอาหรับได้ผุพังตามกาลเวลา หัวหน้าชาวอาหรับเผ่าต่างๆจึงแบ่งสรรหน้าที่กันในการปรับปรุงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกตน
เมื่อการปรับปรุงอาคารก๊ะอฺบ๊ะฮฺเสร็จเรียบร้อย เหลือเพียงอย่างเดียวคือการติดตั้งหินดำกลับเข้าไปยังที่เดิม แต่ละเผ่าอยากทำหน้าที่อันมีเกียรตินี้และไม่ยอมให้เผ่าอื่นทำ ความขัดแย้งจึงเกิดขึ้นจนถึงขั้นแบ่งฝ่ายและพร้อมที่จะลงมือเข่นฆ่ากัน ยังดีที่ผู้อาวุโสบางคนเตือนสติ หัวหน้าเผ่าต่างๆจึงตกลงกันว่าในวันรุ่งขึ้น ใครที่เข้ามายังบริเวณก๊ะอฺบ๊ะฮฺเป็นคนแรกจะให้คนนั้นเป็นผู้ตัดสินความขัดแย้ง
เช้าวันรุ่งขึ้น หนุ่มที่ชื่อมุฮัมมัดซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้เป็นนบีเดินเข้ามาเป็นคนแรก บรรดาหัวหน้าเผ่าจึงเรียกเขาให้มาเป็นผู้ตัดสินเรื่องความขัดแย้งของพวกตน
หลังจากฟังเรื่องราวแล้ว มุฮัมมัดก็ถอดเสื้อคลุมตัวนอกของเขาวางลงบนพื้นและเอาหินดำวางลงไปบนเสื้อคลุม หลังจากนั้น เขาก็เรียกหัวหน้าเผ่าต่างๆมาจับชายเสื้อเพื่อยกหินดำขึ้น เมื่อหินดำถูกยกขึ้น มุฮัมมัดได้นำหินดำไปติดตั้งตรงที่เดิมของมัน ปัญหาความขัดแย้งจึงได้รับการแก้ไขโดยที่ทุกเผ่าได้รับเกียรติที่ตัวเองต้องการ
การแก้ปัญหาอย่างมีไหวพริบในวันนั้นทำให้หัวชาวมักก๊ะฮฺชื่นชมมุฮัมมัดและเห็นคุณสมบัติในความเป็นผู้นำในวันข้างหน้าของเขา
แต่เมื่อมุฮัมมัดได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนบีเมื่ออายุ 40 ปีเพื่อทำหน้าที่เผยแผ่สั่งสอนเรื่องความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว ความชื่นชมที่บรรดาหัวหน้าเผ่าในเมืองมักก๊ะฮฺมีให้เขาก็แปรเปลี่ยนเป็นความเคียดแค้นชิงชังที่ต้องต่อต้านและทำลายเขาให้พ้นไปจากแผ่นดิน
You must be logged in to post a comment Login