- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 3 weeks ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 3 weeks ago
- โลกธรรมPosted 3 weeks ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 3 weeks ago
- สลายความเกลียดชังPosted 4 weeks ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 4 weeks ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 4 weeks ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 1 month ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 1 month ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 1 month ago
การถือศีลอด ของดีที่มีมานานแล้ว

คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 7 มี.ค 68)
ในช่วงเดือนมีนาคมปีนี้ (พ.ศ. 2568) หากใครได้ดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษหรือในประเทศอื่นของยุโรป จะมีโอกาสเห็นภาพกรรมการเป่านกหวีดหยุดเล่นสักครู่เพื่อให้นักฟุตบอลบางคนจากทั้งสองฝ่ายกินน้ำและผลไม้ ประมาณห้านาที กรรมการก็จะเป่านกหวีดให้ทั้งสองฝ่ายเล่นต่อ
แฟนฟุตบอลหลายคนอาจแปลกใจทั้งๆที่ในตอนนั้นไม่ใช่เวลาพักครึ่งแรกหรือเลยเวลาพักครึ่งแรกมาแล้ว การหยุดพักพิเศษระหว่างเกมนั้นเป็นการให้เวลาแก่นักฟุตบอลมุสลิมได้ละศีลอดเมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า นี่คือการให้เกียรติแก่นักฟุตบอลมุสลิมที่มีอยู่ในแทบทุกสโมสรฟุตบอลของยุโรป
การถือศีลอดในเดือนรอมฎอนเป็นศาสนบัญญัติหนึ่งในห้าประการที่มุสลิมผู้บรรลุวัยผู้ใหญ่ทั้งชายและหญิงต้องปฏิบัติ การจงใจไม่ถือศีลอดในเดือนรอมฎอนถือเป็นบาปใหญ่
การถือศีลอดคือการงดเว้นจากการกินและดื่มตั้งแต่แสงอาทิตย์แรกปรากฏบนท้องฟ้าจนกระทั่งดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าในตอนค่ำ แม้มุสลิมในยุโรปต้องถือศีลอดในเวลากลางวันที่อาจยาวถึง 17 ชั่วโมง แต่ภาพการละศีลอดในสนามฟุตบอลแสดงให้เห็นว่าการถือศีลอดไม่เป็นอุปสรรคต่ออาชีพการเล่นฟุตบอลที่ต้องใช้พลังและเสียเหงื่อมาก
การถือศีลอดไม่ใช่การทรมานตน เพราะถ้าเป็นการทรมาน นักฟุตบอลมุสลิมก็คงไม่ถือศีลอดในขณะเล่นฟุตบอล และการถือศีลอดไม่เคยเป็นสาเหตุให้เสียชีวิต ไม่เคยมีข่าวว่ามีคนตายเพราะถือศีลอด ทั้งนี้เนื่องจากหลักการอิสลามมีข้อยกเว้นให้ผู้ป่วยไม่ต้องถือศีลอด
ความจริงแล้ว การงดเว้นจากการกินและดื่มในช่วงเวลาสิบกว่าชั่วโมงขึ้นไปเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ ปัจจุบัน มีคนนิยมอดอาหารด้วยการทำสิ่งที่เรียกว่า IF 18/6 กล่าวคือ อดอาหาร 18 ชั่วโมงและกินหกชั่วโมงเพื่อวัตถุประสงค์ในการลดน้ำหนัก รักษาสุขภาพและทรวดทรง
แม้จะอดอาหารเหมือนกัน แต่การอดอาหารสองแบบที่กล่าวมานั้นมีความแตกต่างกัน การถือศีลอดในเดือนรอมฏอนมีวัตถุประสงค์สำคัญคือการแสดงความเคารพสักการะพระเจ้าและควบคุมวิญญาณให้เกิดความยำเกรงพระองค์ สุขภาพเป็นผลพลอยได้ ส่วนการอดอาหารแบบ IF นั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อสุขภาพล้วนๆ ไม่มีเรื่องของจิตวิญญาณเข้ามาเกี่ยวข้องแต่ประการใด
การถือศีลอดด้วยการงดเว้นจากการกินและดื่มมีอยู่ในทุกอารยธรรมโบราณก่อนหน้านี้ คัมภีร์กุรอานกล่าวว่า “โอ้บรรดาผู้ศรัทธา การถือศีลอดได้ถูกกำหนดแก่สูเจ้าเช่นเดียวกับที่ได้ถูกกำหนดแก่ผู้ที่มาก่อนหน้าสูเจ้า ทั้งนี้เพื่อที่สูเจ้าจะได้เกิดความยำเกรง” (กุรอาน 2:183 )
ประวัติศาสตร์บอกให้เรารู้ว่าชาวอียิปต์โบราณถือว่าการถือศีลอดเป็นการปฏิบัติศาสนกิจอย่างหนึ่ง
โยคีในอินเดียถือศีลอดต่อเนื่องกันเป็นเวลา 40 วัน เช่นเดียวกับศาสนาเชน
พราหมณ์ในศาสนาฮินดูถือศีลอดทุกวันที่ 11 -12 ของทุกเดือน
โมเสสและพระเยซูก็ถือศีลอดเป็นเวลา 40 วัน
นักบวชในศาสนาโซโรแอสเตอร์ก็มีการถือศีลอด
เจ้าชายสิทธัตถะก็ใช้วิธีการอดอาหารและน้ำเพื่อเป็นหนทางในการแสวงหาสัจธรรมและพระสงฆ์จะงดอาหารหลังฉันเพลแล้วไปจนถึงอีกวันหนึ่ง
การถือศีลอดเป็นการฝึกควบคุมวิญญาณที่เป็นตัวบงการเนื้อหนังสังขาร การถือศีลอดในอิสลามต้องการให้บทเรียนแก่ผู้ถือศีลอดว่าเมื่อสิ่งจำเป็นเช่นข้าวและน้ำยังสามารถละเว้นได้ ทำไมอบายมุขไม่จำเป็นจะงดเว้นไม่ได้?
You must be logged in to post a comment Login