- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 3 weeks ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 3 weeks ago
- โลกธรรมPosted 3 weeks ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 3 weeks ago
- สลายความเกลียดชังPosted 4 weeks ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 4 weeks ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 4 weeks ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 1 month ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 1 month ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 1 month ago
มารู้จักคัมภีร์กุรอานกัน

คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 28 ก.พ. 68)
คัมภีร์กุรอานคือวจนะสุดท้ายที่พระเจ้าประทานแก่มนุษย์เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตผ่านทางมุฮัมมัดขณะมีอายุได้ 40 ปี การได้รับสาส์นจากพระเจ้านี่เองที่ทำให้มุฮัมมัดได้รับสถานะเป็นทั้งนบี(ผู้บอกข่าว,ผู้ตักเตือน) และเป็นศาสนทูตผู้นำสาส์นของพระเจ้า(รอซูลุลลอฮฺ)
การประทานกุรอานครั้งแรกมีขึ้นที่ถ้ำฮิรอ บนภูเขาแห่งรัศมี ชานเมืองมักก๊ะฮฺ และถูกประทานต่อเนื่องกันมาในสถานการณ์ต่างๆเป็นเวลา 23 ปี การประทานคัมภีร์กุรอานจึงครบถ้วนสมบูรณ์ขณะที่นบีมุฮัมมัดอยู่ในเมืองมะดีนะฮฺ
คัมภีร์กุรอานประกอบด้วยข้อความที่สั้นยาวไม่เท่ากัน ข้อความแต่ละวรรคไม่เรียกว่าประโยค แต่เรียกว่า “อายะฮฺ” ซึ่งมีความหมายว่า “สัญญาณ” “หลักฐาน” “สิ่งมหัศจรรย์” ที่ยืนยันการมีอยู่ของพระเจ้าเพราะคัมภีร์กุรอานยืนยันว่านบีมุฮัมมัดไม่ได้เขียนเองและผู้คนในสมัยนั้นก็รู้ดีว่านบีมุฮัมมัดเป็นผู้ไม่รู้หนังสือ ไม่เพียงเท่านั้น คัมภีร์กุรอานยังท้าทายมนุษย์ให้รวมหัวกันแต่งข้อความที่เหมือนกับคัมภีร์กุรอานขึ้นมาสักบทหนึ่ง และจนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถทำตามคำท้าได้
การประทานวจนะของพระเจ้าแก่นบีมุฮัมมัดและนบีคนก่อนๆในภาษาอาหรับเรียกว่า “วะฮฺยู” หรือ “วิวรณ์” ในภาษาของคัมภีร์ไบเบิล ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Revelation ซึ่งหมายถึงการเปิดเผยอะไรบางอย่างให้แก่ใครคนหนึ่งได้รับรู้แบบลับๆ
มนุษย์ยุคใหม่ติดต่อสื่อสารกันด้วยสัญญาณโทรศัพท์ที่มนุษย์มองไม่เห็นและไม่รู้ด้วยว่าสัญญาณโทรศัพท์มีรูปร่างหน้าตาอย่างไร แต่พระเจ้าใช้ทูตสวรรค์ที่ถูกสร้างจากแสงเป็นสื่อกลางในการส่งสาส์นมายังนบี เมื่อนบีรับสาส์นแล้ว นบีทุกคนก็มีหน้าที่นำสาส์นนั้นไปบอกผู้คนในภาษาของนบีแต่ละคน
ก่อนหน้าสมัยนบีมุฮัมมัด วจนะของพระเจ้าที่ถูกบันทึกไว้ได้รับความเสียหายจากการถูกทำลายเนื่องจากสงครามหรือวัสดุที่จารึกพระวจนะได้รับความเสียหายและมีการตัดเสริมเติมแต่งเมื่อมีการรวบรวมใหม่จนผิดเพี้ยนไปจากเดิม ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าจึงประทานวจนะครั้งสุดท้ายแก่นบีมุฮัมมัดเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตจนถึงวันสิ้นโลก
นบีมุฮัมมัดบอกว่าคัมภีร์กุรอานและคัมภีร์ต่างๆก่อนหน้านั้นถูกประทานในเดือนเราะมะฎอนในช่วงเวลาที่ต่างกัน เมื่อนบีมุฮัมมัดได้รับวจนะของพระเจ้าจากทูกสวรรค์ ท่านจะอ่านวจนะที่ได้รับให้แก่สาวกและสั่งให้สาวกจดจำและจดบันทึกไว้บนวัสดุท้องถิ่น เช่น แผ่นหนัง กระดูกสะโพกสัตว์ ก้านอินทผลัม
คัมภีร์กุรอานถูกอ่านทุกวันในเวลานมาซและในสมัยของนบีมุฮัมมัดมีสาวกหลายพันคนสามารถท่องจำคัมภีร์กุรอานได้ทั้งหมด แต่หลังจากนบีมุฮัมมัดเสียชีวิต มีสงครามเกิดขึ้นหลายครั้งและสาวกที่ท่องจำคัมภีร์กุรอานได้หลายคนต้องเสียชีวิตไป สาวกผู้ใกล้ชิดจึงมีความคิดริเริ่มที่จะรวบรวมกุรอานขึ้นเป็นรูปเล่ม

การรวบรวมคัมภีร์กุรอานทำขึ้นโดยการจัดให้มีกลุ่มทำงานที่ประกอบด้วยสาวกที่สามารถท่องจำคัมภีร์กุรอานได้ทั้งหมด หลังจากนั้น ได้มีการประกาศให้คนที่บันทึกวจนะของพระเจ้าไว้ในวัสดุต่างๆนำวัสดุเหล่านั้นมารวมกันและตรวจสอบความถูกต้องของการบันทึกแต่ละชิ้น เมื่อจัดเรียงลำดับข้อความต่างๆในคัมภีร์กุรอานถูกต้องตรงกันแล้ว ข้อความทั้งหมดได้ถูกบันทึกไว้เป็นต้นฉบับ ส่วนวัสดุที่บันทึกถ้อยคำกุรอานได้ถูกทำลายทิ้งทั้งหมด หลังจากนั้น เมื่อแผ่นดินอิสลามขยายออกไป จึงได้มีการคัดสำเนาส่งไปยังหัวเมืองสำคัญๆเพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการอ้างอิง
คัมภีร์กุรอานไม่เคยถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือสังคายนา ดังนั้น คนมุสลิมทุกชาติจึงอ่านคัมภีร์กุรอานด้วยถ้อยคำเดียวกับที่นบีมุฮัมมัดและสาวกในสมัยของท่านอ่าน ภาษาอาหรับในคัมภีร์กุรอานเป็นภาษาที่ไม่ตายและเป็นภาษาราชการภาษาหนึ่งของสหประชาชาติ
มุสลิมอ่านคัมภีร์กุรอานทุกวัน นอกจากนี้ยังมีมุสลิมทั่วโลกนับหลายล้านคนที่สามารถท่องจำคัมภีร์กุรอานได้ทั้งหมดและส่วนใหญ่เป็นเด็ก หากเอาคัมภีร์ทางศาสนาของโลกไปทำลายด้วยวิธีการใดก็ตาม คัมภีร์กุรอานจะฟื้นคืนกลับมาเหมือนเดิมอย่างรวดเร็วเพราะทั้งหมดอยู่ในความจำของมุสลิมทั่วโลก
You must be logged in to post a comment Login