วันพฤหัสที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2567

โลกานิยมกำลังล่มสลาย

On September 6, 2024

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 6 ก.ย  67)

หลังยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ  ชาติยุโรปที่แยกตัวออกจากศาสนาเพราะความขัดแย้งกับคริสตจักรเริ่มทะนงในความรู้ใหม่ๆจนคิดว่าสติปัญญาของมนุษย์ก็เพียงพอแล้วสำหรับความเจริญก้าวหน้าและความสำเร็จในชีวิต  ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยคำสอนของศาสนาอีกต่อไป นี่คือที่มาของโลกานิยม

ดังนั้น  ชาติตะวันตกจึงมีนักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ที่เสนอความคิดหรือทฤษฎีที่ดูว่าทันสมัยหลากหลายทฤษฎี  แต่ไม่นาน  ทฤษฎีที่มนุษย์คิดขึ้นก็ถูกท้าทายและได้รับการพิสูจน์ว่าขัดกับความจริงและส่งผลเสียต่อสังคมอย่างมหาศาล

หนึ่งในนั้นคือ ทฤษฎีประชากรของโธมัส โรเบิร์ต มอลธัส นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษ  เขาอธิบายว่าประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นในอัตราเรขาคณิต คือ เพิ่มจาก 2, 4, 8, 16 และภายในยี่สิบห้าปี ประชากรโลกจะเพิ่มเป็นสองเท่าในขณะที่ผลผลิตอาหารจะเพิ่มในอัตราเลขคณิต คือ 1,, 2, 3, 4 ซึ่งน้อยกว่าอัตราการเพิ่มของประชากร  นั่นหมายความว่าภายในไม่กี่ปี  อาหารจะมีจำกัดและจะเกิดความอดอยากขาดแคลน

คงเป็นเพราะการฉีกตัวออกจากศาสนา จึงทำให้มอลธัสไม่รู้จักพระเจ้าและไม่รู้ว่าพระเจ้าคือผู้สร้างทุกสรรพสิ่งรวมทั้งทุกชีวิต และพระองค์เป็นผู้ประทานปัจจัยยังชีพแก่ทุกชีวิตที่พระองค์สร้างมาด้วย เพราะพระองค์เป็นผู้ดูแลทุกสรรพสิ่งที่พระองค์สร้างมา เขาจึงคิดเรื่องที่ไม่เป็นจริงมาตั้งเป็นทฤษฎี  และชาติต่างๆที่คิดว่าฝรั่งคิดอะไรทำอะไรถูกไปหมดได้ลอกเลียนทฤษฎีของเขามาสอนในมหาวิทยาลัย

ทฤษฎีของมอลธัสไม่เป็นความจริงเพราะการปฏิวัติทางอุตสาหกรรมและการเกษตรได้ทำให้ผลผลิตอาหารเพิ่มขึ้นจนบางครั้งต้องนำไปทิ้งหรือทำลายเพื่อรักษาดุลยภาพทางราคา

นอกจากนี้แล้ว  ทฤษฎีของมอลธัสได้ถูกนำไปอ้างเพื่อการคุมกำเนิดประชากร (Birth Control) ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนเป็นคำว่า “วางแผนครอบครัว” แทนเพื่อให้ดูดีขึ้น  แผนการคุมกำเนิดประชากรได้ถูกนำไปเป็นเงื่อนไขหนึ่งสำหรับชาติด้อยพัฒนาที่จะต้องระบุในสัญญากู้เงินจากธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)

แต่ไม่ว่าจะเรียกด้วยภาษาที่สวยหรูอย่างไร  การคุมกำเนิดหรือการวางแผนครอบครัวเพื่อควบคุมประชากรในตอนเริ่มต้นจะทำโดยการใช้ถุงยางคุมกำเนิดและการทำแท้ง

ผลของการรณรงค์ให้ใช้ถุงยางคุมกำเนิดซึ่งต่อมาเรียกด้วยภาษาที่สวยหรูว่าถุงยางอนามัยไม่เพียงแต่ทำให้คู่สมรสที่ยังไม่พร้อมมีลูกได้ใช้เท่านั้น  แม้แต่เด็กวัยรุ่นชั้นมัธยมยังมีโอกาสได้ใช้ทำชั่วโดยไม่ต้องรับผิดชอบด้วย  ศีลธรรมในหมู่เยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติจึงเสื่อมทรามลง  แต่ที่น่าหดหู่ใจไปกว่านั้นก็คือมีการอนุญาตให้ตั้งตู้หยอดเหรียญซื้อถุงยางคุมกำเนิดหน้าสถาบันการศึกษาด้วย

แผนการคุมกำเนิดมีองค์กรที่อยู่ในรูปสมาคมเป็นตัวขับเคลื่อน  เมื่อเด็กสาววัยรุ่นหลายคนที่ตั้งครรภ์เพราะความสนุกสานจนเสียตัวและเพื่อนชายไม่รับผิดชอบไปปรึกษาหาทางออกกับองค์กรนี้   คำแนะนำที่ได้หากไม่ต้องการมีลูกก็คือการทำแท้ง ดังนั้น วัดบางแห่งในกรุงเทพมหานครจึงมีซากทารกทั้งครบกำหนดและไม่ครบกำหนดคลอดถูกห่อไว้เพื่อรอทำฌาปนกิจนับพันห่อ

นี่คือผลพวงของการหลับหูหลับตาเดินตามชาติตะวันตกเพียงเพราะเห็นความเจริญทางวัตถุ


You must be logged in to post a comment Login