- ความรักผลักดันให้สำเร็จในชีวิตPosted 3 days ago
- จะรักใคร พึงสังวรให้ดีPosted 3 days ago
- ทำมาฆะให้ได้ผลมากกว่าทุกปีPosted 5 days ago
- หมดสภาพความเป็นมนุษย์Posted 5 days ago
- ใช้ไม้นวมก่อนแล้วใช้ไม้แข็งPosted 7 days ago
- แก่ไม่หลอมหล่อความดีPosted 1 week ago
- ต้องปิดนิสัยคนเชื่อง่ายPosted 2 weeks ago
- อย่าเป็นอัปรีย์ชนPosted 2 weeks ago
- เอาแน่เอานอนไม่ได้Posted 2 weeks ago
- เลี้ยงหมาไทยดีกว่าPosted 2 weeks ago
TNR PLC จับมือ PLBY Group, Inc. บุกตลาดถุงยางอนามัยพรีเมี่ยม

นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TNR PLC ได้กล่าวถึงจุดแข็งของบริษัทว่า TNR PLC ก่อตั้งมายาวนานกว่า 31 ปี มีความเชี่ยวชาญในการผลิตถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติที่มีคุณภาพสูง พร้อมกับมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตสูงสุด 2,000 ล้านชิ้นต่อปี และส่งออกไปขายกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
ทั้งนี้ จากการที่เราเล็งเห็นศักยภาพการเติบโตในกลุ่มถุงยางอนามัยระดับพรีเมียม ที่ผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ไม่ได้มองถุงยางอนามัยเป็นเพียงอุปกรณ์การคุมกำเนิด และป้องกันโรค แต่ผู้บริโภคยังให้ความสำคัญกับการมองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ จากการเลือกใช้งานถุงยางอนามัยที่แสดงออกถึงไลฟ์สไตล์ และตัวตนของผู้ใช้ รวมไปถึงภาพลักษณ์แบรนด์ที่น่าเชื่อถือ การร่วมมือกันระหว่าง TNR PLC และ PLBY Group, Inc. ในครั้งนี้ จึงตอบโจทย์และนับเป็นการผสานจุดแข็งของทั้งสององค์กรไว้ด้วยกัน

Mr. Ben Kohn ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PLBY Group, Inc. กล่าวถึงแบรนด์ PLAYBOY และความสำคัญในการร่วมมือกันในครั้งนี้ว่า “PLBY Group., Inc. เชื่อมั่นว่าความร่วมมือระยะยาวกับ TNR PLC ซึ่งเป็นผู้ผลิตถุงยางอนามัยที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักในด้านนวัตกรรมล้ำสมัย จะนำพาถุงยางอนามัยแบรนด์ Playboy ให้สามารถเข้าจัดจำหน่ายในตลาดทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ กลยุทธ์การตลาดTNR PLC พร้อมขยายตลาดถุงยางอนามัยภายใต้แบรนด์ PLAYBOY CONDOMS ได้ทันที ด้วยเครือข่ายขนาดใหญ่ และคู่ค้าทั่วโลกหลากหลายประเทศที่สนใจเป็นตัวแทนกระจายสินค้า เช่น สหรัฐอเมริกา จีน รวมถึงตลาดใหม่อย่าง อินเดีย เวียดนาม แอฟริกา และประเทศอื่น ๆ ในอนาคต ที่ประชาชนมีฐานรายได้เพิ่มมากขึ้น และในอนาคต PLAYBOY CONDOMS ยังมีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อาทิ เจลหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันกัญชา (CBD) และการพัฒนาผลิตถุงยางอนามัยให้บางยิ่งขึ้นกว่าที่มีขายในปัจจุบัน นับเป็นการเพิ่มมูลค่า และสร้างสีสันวงการถุงยางอนามัยให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้นในสายตาผู้บริโภค

ในการจับมือกันของทั้งสองบริษัทในครั้งนี้จะสามารถยกระดับผลิตภัณฑ์เพื่อส่งมอบคุณค่าที่โดดเด่นยิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้งาน พัฒนาการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคทั้งออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับพันธมิตร และผู้ถือหุ้น ถึงการมุ่งใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่จะนำไปสู่การเพิ่มศักยภาพทางรายได้ และการเติบโตในส่วนแบ่งการตลาดของอุตสาหกรรมถุงยางอนามัยทั้งในระดับประเทศและนานาชาติอย่างแน่นอน
You must be logged in to post a comment Login