วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2567

ซะกาต ภาษีศาสนาในอิสลาม

On April 5, 2024

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 5 เม.ย. 67)

คำสอนของทุกศาสดามีความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือ การให้หรือการบริจาคทาน  คำสอนเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ทางด้านจิตวิญญาณและสังคม  นั่นคือเพื่อขัดเกลาวิญญาณให้สะอาดหมดจดจากมลทินแห่งความตระหนี่ถี่เหนียว  ขณะเดียวกัน  ทานที่ให้ไปจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนมีกับคนไม่มีและช่วยทำให้สังคมเจริญเติบโต

การบริจาคหรือการให้ทานจึงเป็นเสมือนเมตตาธรรมที่ค้ำจุนโลก

แต่เนื่องจากการให้ทานหรือการบริจาคไม่เป็นข้อบังคับ  เป็นการทำตามความสมัครใจ  จึงมีบางคนไม่บริจาค หรือคนมีมาก แต่บริจาคน้อย   ความไม่เป็นธรรมในเรื่องนี้จึงเกิดขึ้น  ศาสนาจึงกำหนดให้ศาสนิกของตนจ่ายสิ่งที่เรียกว่า “ภาษีศาสนา” ก่อนที่รัฐบาลจะมีการออกกฎหมายเก็บภาษี

ในคัมภีร์ไบเบิล  เราพบระบบการจัดเก็บและการบริหารภาษีศาสนาที่เรียกว่า “ทศางค์” ซึ่งชาวยิวและชาวคริสเตียนถือปฏิบัติกันมาในฐานะเป็นการแสดงความเคารพสักการะพระเจ้า

ในคัมภีร์กุรอาน  เราพบว่าการจ่ายภาษีศาสนาที่เรียกว่า “ซะกาต” มีมานานแล้วตั้งแต่เมื่อครั้งที่อิสมาอีลลูกชายคนแรกอับราฮัมยังมีชีวิต  ข้อความในคัมภีร์กุรอานกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า :

“และได้มีกล่าวไว้ในคัมภีร์ถึงเรื่องราวของอิสมาอีล เขาเป็นผู้ซื่อตรงต่อสัญญา เป็นผู้นำสาส์นจากพระเจ้า เป็นนบีคนหนึ่ง เขาสั่งคนของเขาให้ดำรงละหมาดและจ่ายซะกาต” (กุรอาน 19:54-55)

การจ่ายซะกาตของอิสมาอีลเป็นอย่างไรไม่มีหลักฐานปรากฏชัดเพราะหลังสมัยของอิสมาอีลผู้เป็นบรรพบุรุษของชาวอาหรับ  ชาวอาหรับได้หลงลืมเรื่องการจ่ายซะกาตและการละหมาดกันหมดแล้ว

อย่างไรก็ตาม  ชาวอาหรับยังคงมีการแสดงความโอบอ้อมอารีด้วยการเลี้ยงอาหารแก่ผู้พลัดถิ่น ให้เงินช่วยเหลือคนยากจน หรือเชือดสัตว์พลีในช่วงเทศกาลฮัจญ์เพื่อให้คนนำเนื้อไปบริโภค  แต่ทั้งหมดล้วนทำไปด้วยความสมัครใจ ไม่มีกฎเกณฑ์กติกาใดๆ

เมื่อนบีมุฮัมมัดเริ่มเผยแผ่อิสลามในมักก๊ะฮฺ  ท่านได้เน้นให้สาวกของท่านบริจาคทานช่วยเหลือคนยากจน  แม่ม่าย  เด็กกำพร้าและปลดปล่อยทาส  การบริจาคเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวนี้ล้วนทำไปด้วยความสมัครใจและจิตศรัทธาของผู้มีทรัพย์สินเช่นกัน

แต่เมื่อนบีมุฮัมมัดและสาวกต้องอพยพไปยังเมืองมะดีนะฮฺโดยต้องทิ้งทรัพย์สินไว้ที่มักก๊ะฮฺ สาวกผู้อพยพมาจึงอยู่ในสภาพสิ้นเนื้อประดาตัวเหมือนกันหมดทุกคน  แม้นบีมุฮัมมัดจะขอให้มุสลิมในเมืองมะดีนะฮฺรับผู้อพยพไปอุปการะ  แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้หมด

จนกระทั่งในปีที่สองของการอพยพ  เมื่อพระเจ้าได้สั่งให้มุสลิมถือศีลอดในเดือนรอมฎอน  นบีมุฮัมมัดผู้นำประชาคมมุสลิมที่ยังไม่มีรัฐบาลของตัวเองได้ออกคำสั่งให้มุสลิมทุกคนที่มีอาหารเหลือกินในวันรุ่งขึ้นต้องนำสิ่งที่เรียกว่า“ซะกาตฟิฏร์” ซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่น เช่น ข้าวหรืออินทผลัมประมาณสี่มือกอบไปให้คนยากจนก่อนสิ้นสุดเดือนรอมฎอน  ระบบซะกาตจึงเริ่มต้นตั้งแต่นั้น

ซะกาตฟิฏร์จึงไม่ใช่การบริจาคที่ทำด้วยความสมัครใจ  แต่มันเป็นหน้าที่ของผู้พอมีจะกินต้องจ่ายให้แก่คนจนผู้มีสิทธิ์  ดังนั้น คนจนจึงเป็นเสมือนแท่นสักการะพระเจ้าในการถวายทรัพย์สินแก่พระองค์

หลังจากกำหนดเรื่องซะกาตฟิฏร์  ประชาคมมุสลิมต้องทำสงครามต่อต้านผู้รุกรานจากมักก๊ะฮฺ หลังสงคราม  มุสลิมได้รับทรัพย์สินที่ตกอยู่ในสนามรบเป็นจำนวนมากมาย  ก่อนสมัยอิสลาม ทรัพย์สินเหล่านี้จะเป็นของคนที่เก็บได้  แต่มาถึงตอนนี้ พระเจ้าได้สั่งลงมาเป็นกฎว่าทรัพย์ที่ได้จากสนามรบทั้งหมดต้องนำมาให้นบีมุฮัมมัดและทรัพย์สินเหล่านี้หนึ่งในห้าพระเจ้าจัดสรรให้นบีนำไปเลี้ยงดูครอบครัว แม่ม่าย เด็กกำพร้าและคนยากจน   ส่วนที่เหลือจะถูกนำไปจัดสรรให้แก่ผู้มีส่วนร่วมในสงคราม

ในปลายสมัยของนบีมุฮัมมัด  ประชาคมมุสลิมเริ่มมีความมั่งคั่ง  นบีมุฮัมมัดจึงกำหนดว่าเมื่อครบรอบปีจันทรคติ  หากมุสลิมคนใดมีทรัพย์สินเป็นเงินมีมูลค่าเท่ากับราคาทองคำหนัก 5.6 บาท คนผู้นั้นมีหน้าที่ต้องจ่ายซะกาตจากทองคำหรือเงิน 2.5% ให้แก่คนแปดประเภทที่คัมภีร์กุรอานกล่าวไว้ดังนี้

  1. คนยากจน 2) คนขัดสน  3) เจ้าหน้าที่จัดการซะกาต 4) ผู้มีใจโน้มมาสู่อิสลาม 5) ผู้ไรอิสรภาพ 6) ผู้มีหนี้สิน 7) ในหนทางของพระเจ้า  8) ผู้พลัดถิ่น

ซะกาตจึงเป็นระบบภาษีศาสนาในอิสลามที่มุสลิมทั่วโลกยังคงปฏิบัติมาจนถึงทุกวันนี้ แม้จะจ่ายภาษีให้รัฐแล้วก็ตาม  มุสลิมก็ต้องจ่ายซะกาตอีกในฐานะเป็นการแสดงความเคารพสักการะพระเจ้า

แบบฝึกหัดทบทวน

“เข้าใจคัมภีร์กุรอานผ่านเรื่องราวของบรรดานบี

จงตอบคำถามต่อไปนี้

  1. นบียะกู๊บเป็นอะไรกับนบีอิบรอฮีม…………………………………………………………………..
  2. นบียะกู๊บได้ฉายาว่า……………………ตั้งถิ่นฐานอยู่ในแผ่นดินที่เรียกว่า…………………….
  3. นบียะกู๊บมีลูกทั้งหมดจำนวน…………….คนจากภรรยาทั้งหมด…………………………..คน
  4. น้องชายร่วมแม่เดียวกันของนบียูซุฟมีชื่อว่า…………………………………………………….
  5. นบียูซุฟมีศักดิ์เป็น……………………….ของนบีอิบรอฮีม
  6. เหตุใดพี่ๆของนบียูซุฟจึงคิดกำจัดนบียูซุฟ………………………………………………………
  7. ในตอนเป็นเด็ก นบียูซุฟฝันเห็นอะไร…………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………….

  • นบียูซุฟไปอยู่ที่อียิปต์ได้อย่างไร………………………………………………………………………
  • นบียูซุฟไปอยู่กับใครในอียิปต์………………………………………………………………………..
  • สาเหตุใดที่นบียูซุฟถูกจับไปขังคุก…………………………………………………………………….
  • นบียูซุฟสั่งสอนเรื่องการศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวกับเพื่อนร่วมคุกของท่านโดยเปรียบเทียบว่า…………………………………………………………………………………………….
  • คุณธรรมอะไรที่ปกป้องนบียูซุฟจากการถูกภรรยาของเจ้าเมืองอียิปต์เย้ายวน………………………………………………………………………………………………………………..
  • ความรู้พิเศษอะไรที่อัลลอฮฺประทานแก่นบียูซุฟ…………………………………………………..
  • กษัตริย์อียิปต์ฝันว่าอะไรที่โหรหลวงไม่สามารถทำนายได้……………………………………..

………………………………………………………………………………………………………………….

  1. นบียูซุฟทำนายฝันของกษัตริย์อียิปต์ว่า…………………………………………………………….

………………………………………………………………………………………………………………….

  1. อะไรที่ทำให้นบียูซุฟได้รับอำนาจสูงสุดในอียิปต์…………………………………………………..
  2. ภรรยาของกษัตริย์อียิปต์ชื่อ…………………………………………………………………………….
  3. ลูกหลานของนบียะกู๊บถูกเรียกว่า………………………………………………………………………
  4. ก่อนตาย นบียะกู๊บได้สั่งลูกๆไว้อย่างไร……………………………………………………………..
  5. เมื่อนบียะกู๊บถามลูกๆก่อนตายว่าพวกเขาจะนับถือศาสนาอะไร ลูกๆของนบียะกู๊บตอบว่าพวกเขาจะนับถือศาสนาของ……………………………………………………………………….

You must be logged in to post a comment Login