วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2567

เงินเป็นอสรพิษของพระ

On March 6, 2024

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม            

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 6 มี.ค. 67)

ช่วงนี้มีข่าวเจ้าอาวาส พระผู้ใหญ่ ต้องมามรณภาพด้วยการถูกคนร้ายทำร้ายจนเสียชีวิต ต้องเรียกว่า เงินน่าจะเป็นตัวปัญหาใหญ่ที่ทำให้พระถูกสังหาร พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า เงินเป็นอสรพิษสำหรับพระ แต่ทำไมพระสายธรรมยุต จึงมีเก็บเงิน เก็บทองอะไรเยอะแยะ ตั้งแต่รุ่นหลวงปู่ฝั้น ไล่ๆมาจนระดับสมเด็จก็ยังมีเงินหลงเก็บเอาไว้เยอะ แล้วให้ลูกหลาน ใครต่อใครยืมเป็นหลายๆล้าน

อันนี้เป็นเรื่องที่ต้องบอกว่า อาตมาคิดไม่ถึงเมื่อฟังข่าวคนหลายคนพูดว่า พระทางหมู่บ้านนอกต่างจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะอะไรต่างๆมักจะมีเงินเยอะแยะเก็บไว้ ก็มานึกว่า ได้จากทางไหน แต่ที่ได้จากทางเครื่องรางของขลัง อย่างหลวงพ่อคูณ หลวงพ่อต่างๆ แต่ท่านก็ไม่ได้สะสม สร้างโรงพยาบาล โรงเรียน แต่พระเก็บเงินไว้ในบัญชีธนาคารตัวเองนี่ ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงในพระธรรมวินัยบ้างหรือเลยว่า

นี่เราเดินสวนทางในการรับเงินทองมาสะสมเป็นของตน ตีความในพระธรรมวินัยก็จะมีบอกว่า ไม่รับเงิน หรือจับเงินมาเพื่อตน สะสมเก็บเพื่อตน มีกรณีจับได้ เช่น ญาติมาทำเงินทองตก แล้วพระหยิบจับไว้เพื่อจะคืนเจ้าของ โยมจะได้มารับเอาไป แต่นี้มันก็ยังมีหน้าที่ โดยเฉพาะพระระดับเจ้าอาวาสต้องมีจับจ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟของวัด อันนี้ต้องจ่ายแน่นอน ค่าแรงก่อสร้างปฏิสังขรณ์ก็ต้องจ่ายแน่นอน

อย่างหลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ ท่านเคยพูดว่า คนบอกหลวงพ่อทำไมนั่งนับเงินเอง หลวงพ่อบอกให้คนอื่นนับเท่ากับโยนกิเลศให้เขาไปทำผิดอีก ท่านก็เลยนับๆ แต่ท่านก็มีการฝาก การเก็บเป็นระบบ อย่างวัดสวนแก้ว ถ้าจะไม่ให้จับเงินเลยก็ทำได้ หาคณะกรรมการมา แต่บางครั้งความจำเป็นเขามาเก็บค่าโน้น ค่านี่ ตอนหมดเวลางานของคนงาน กรรมการก็ต้องกลับบ้าน 5 โมง

ปรากฏว่า เขาฝากเงินไว้ เดี๋ยวเขาจะมา 1 ทุ่มหรือเช้ามืด พรุ่งนี้เขาจะมาเก็บค่านั้น ค่านี้ ซึ่งเราหยิบส่งให้ก็แค่นั้น มันเลยกลายเป็นเรื่องที่ไม่เห็นจะต้องมาต้องเก็บสะสม อาตมาคิดถึงหลวงปู่ หลวงพ่อบางท่าน เช่น หลวงพ่อวัดไผ่โรงวัว หลวงพ่อขอม ท่านบอกว่า ท่านตายจะไม่ให้มีเงินติดย่ามแม้แต่บาทเดียว แต่แปลกใจว่า ทำไมพระสายธรรมยุตที่ว่าไม่จับเงิน บางรูปพอมรณภาพมีเงินเป็นร้อยล้าน เรามานั่งนึกเก็บเงินไว้ทำไมร้อยล้าน ทำไมไม่จัดการทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม

เช่น สร้างโรงพยาบาล โรงเรียน ให้ทุนการศึกษาเด็ก ให้ๆไปซะ นี่ก็อีก 10 กว่าคน เด็กนักเรียนก็จะมาขอทุน มาขอทำงานให้วัดแลกกับเงินทุนการศึกษา เราก็ต้องเตรียมที่จะได้มาจับแจกไป ไม่สะสมตัวเดียว เรียกว่า ไม่สะสมเงินไว้เพื่อตน เพราะว่า ประเพณี ธรรมเนียมชาวพุทธเรานี่ เวลาบวชนาค บวชพระ จะให้พระหรือนาคโปรยทาน แสดงว่า อย่าเอาเก็บไว้ โปรยไปให้หมด อยู่โดยไม่ต้องมีเงินพระก็อยู่ได้ แค่บิณฑบาตอาหารมาฉัน แต่เดี๋ยวนี้โยมก็อดไม่ได้ อาตมาก็รับๆไปงั้นแหละ แต่พอลับหลังแกก็เอาเข้ากองกลางหมด

อันนี้เอาไว้ให้ส่วนตัวนะหลวงพ่อ ขี้เกียจต่อล่อ ต่อเถียง ขี้เกียจอธิบาย บางคนก็อธิบายยังไงก็ไม่เอา อยากให้ได้ใช้เงินเขา เลยเก็บเอาไว้กองกลาง ใส่ตู้ แล้วมานับเข้าว่า จะไปจ่ายค่าที่ดินเขาวันไหน จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟเมื่อไร ก็ให้ไป ไม่ให้จะต้องมีเก็บไว้เลยในส่วนตัวหรือในกุฎิ จะมีในกุฎินี่น่าจะมีวันที่โยมคนหนึ่งแกชอบเอาเงินแบงค์ 20 บาท เพราะเห็นอาตมาแจกเด็กบ่อย แกก็เลยให้ทีละ 300 หรือ 500 ส่วนใหญ่จะไม่ต่ำกว่า 500 บาท เราก็จะเก็บ

พอนึกได้จะใส่ย่ามแล้วก็เดินใส่อังสะ เดินไปเจอเด็กคนไหนทำอะไรดี ขยันดี ก็ให้ 20 บาท มันก็หมดไป ไม่ต้องมาเหลือทิ้งค้างในกุฎิ ถ้าโจรมาปล้นกุฎิ อาตมาว่า มันคงผิดหวัง เพราะไม่ได้เห็นแบงค์แดง ไม่ได้เห็นแบงค์ 1,000 แบงค์ 500 เพราะมีไม่กี่ 10 บาท เพื่อเอาไว้แจกเด็กที่ขยัน เพราะเด็กๆเขาเอาฝากให้เลี้ยงก็ส่งเรียนบ้าง ที่เรียนจบแล้วจะทำอะไรก็ส่งไปให้เขามีรายได้ มีงานทำ พระถ้ามีศาสนสงเคราะห์อยู่ในใจ จะต้องเก็บไว้ทำไมเป็น 100 ล้าน 10 ล้าน 5 ล้านนี่ก็เกินแล้ว

นี่เป็น 100 ล้าน ไม่ตะขิดตะขวงใจกันบ้างเลยว่า สวนทางคำสอนพระพุทธเจ้าจริงๆ ชอบเล่นกับอสรพิษ ญาติโยมก็ขอบอกเถอะ อย่าไปบอกว่า นี่ถวายส่วนตัว เอาไว้ใช้ส่วนตัวนะ ต้องบอกนี่ถวายทำนุบำรุงพระศาสนานะ ท่านอย่าไปใช้อีลุ่ยฉุยแฉกนะ อย่างนี้จะได้ตรงเป๊ะ

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login