วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567

ภูมิหลังลูกหลานอิสราเอล

On February 2, 2024

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่  2 ก.พ.  67)

ในคัมภีร์ไบเบิลและคัมภีร์กุรอานมีชื่อผู้ประกาศคำสอนของพระเจ้าร่วมกัน 25 คน  ทำให้หลายคนที่ศึกษาคัมภีร์ทั้งสองเล่มนี้คิดว่าคัมภีร์กุรอานคัดลอกเรื่องราวจากคัมภีร์ไบเบิลมาเพราะคัมภีร์กุรอานมาทีหลังคัมภีร์ไบเบิล

หนึ่งในผู้ประกาศคำสอนของพระเจ้าคือ “อิสราเอล” ซึ่งในภาษาฮิบรูแปลว่า “ผู้ถูกคัดเลือก” ส่วนในคัมภีร์กุรอานที่เป็นภาษาอาหรับเรียกว่าอิสรออีล ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคำว่าอิสราเอลจึงถูกนำมาเป็นชื่อประเทศที่มีปัญหาวุ่นวายตั้งแต่ก่อตั้งประเทศมาจนถึงปัจจุบัน

อิสราเอลเป็นฉายาของยาโกบหรือยะกู๊บบุตรชายของอิสอัคลูกชายคนที่สองของอับราฮัมกับภรรยาคนแรกคือนางซาราห์   ถิ่นฐานบ้านเกิดของทั้งสองสามีภรรยาอยู่ที่เมืองอูร์บนฝั่งแม่น้ำยูเฟรตีสในยุคเม
โสโปเตเมีย  ปัจจุบัน เมืองอูร์อยู่ในอิรัก  ลูกชายคนแรกของอับราฮัมคืออิชมาเอลที่เกิดกับนางฮาการ์ภรรยาคนที่สอง

อับราฮัมเกิดในยุคที่ผู้คนกราบไหว้บูชารูปปั้นที่ส่วนใหญ่พ่อของเขาเป็นคนทำขึ้นมาขายให้ผู้คน  ดังนั้น  เขาจึงเกิดความสงสัยตั้งแต่เด็กว่าทำไมผู้คนจึงเอาสิ่งที่พ่อของเขาทำขึ้นมาไปกราบไหว้บูชา  ความสงสัยนี้เองที่ทำให้เขาคิดไตร่ตรองจนได้ข้อสรุปว่าพระเจ้ามิใช่สิ่งถูกสร้าง แต่พระเจ้าคือผู้สร้างและพระเจ้าที่แท้จริงนั้นมีองค์เดียว  อับราฮัมจึงได้ฉายาว่า “บิดาแห่งความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว”

อิสอัคเกิดในตอนที่อับราฮัมและนางซาราห์อยู่ในวัยชรา  คัมภีร์กุรอานเล่าว่าทูตสวรรค์ได้มาแจ้งข่าวดีแก่คนทั้งสองว่าเขาจะมีลูกชื่ออิสอัคและยังบอกอีกว่าอิสอัคจะมีลูกชายชื่อยาโกบซึ่งต่อมาได้ฉายาว่า “อิสราเอล”  ลูกๆของยาโกบรวมทั้งคนรุ่นหลังๆจากครอบครัวนี้จึงถูกเรียกในคัมภีร์กุรอานว่า “บนีอิสรออีล”

ยาโกบมีลูกชาย 12 คนจากภรรยาสี่คน  โยเซฟหรือยูซุฟเป็นลูกคนที่ 11 และเป็นลูกคนโปรดของยาโกบ  พวกพี่ๆจึงอิจฉาและหาทางกำจัด  ดังนั้น  วันหนึ่ง พวกพี่ๆได้พาโยเซฟไปวิ่งเล่น  เมื่อสบโอกาสจึงจับโยเซฟโยนลงไปในบ่อน้ำ  แต่ก่อนโยนลงไป  พวกพี่ๆได้ฉีกเสื้อของโยเซฟและฆ่าแกะเอาเลือดมาป้ายเสื้อ  หลังจากนั้น พวกพี่ๆก็กลับไปตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จให้พ่อฟังว่าโยเซฟถูกหมาป่ากัดและลากไปกิน

แม้จะรู้ความจริงเบื้องหลังคำโกหก หัวอกของผู้เป็นพ่อย่อมปวดร้าว  แต่ทำไงได้  เมื่อเหตุเกิดขึ้นโดยที่ตัวเองไม่ประสงค์ โวยวายไปก็เท่านั้น  ยาโกบจึงพูดกับลูกๆว่า “เอาเถอะ ฉันจะอดทนอย่างสวยงาม”

คำพูดนี้ต้องการจะสอนคุณธรรมแห่งความอดทนว่ามันหมายถึง “การยอมรับเคราะห์กรรมโดยไม่ปริปากบ่นเพราะมันเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าและหวังว่าพระองค์จะตอบแทนความอดทนในที่สุด”

ยาโกบอดทนเก็บความขมขื่นไว้ในใจเป็นเวลานานหลายสิบปี  ในที่สุดพระเจ้าก็ตอบแทนความอดทนของยาโกบโดยการที่โยเซฟรอดชีวิตจากการปองร้ายของพวกพี่ๆและถูกนำตัวไปขายในอียิปต์  แต่ด้วยคุณธรรมแห่งความซื่อสัตย์  ความเกรงกลัวพระเจ้าและความรู้พิเศษที่พระเจ้ามอบให้ในการทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้า  โยเซฟได้ขึ้นมาเป็นกษัตริย์ของอียิปต์ในที่สุด

เมื่อโยเซฟเป็นกษัตริย์  เขาได้เชิญพ่อแม่และพี่ๆของเขาให้อพยพจากแผ่นดินกันอานมาตั้งถิ่นฐานในอียิปต์ และเมื่อพวกพี่ๆรู้ว่าโยเซฟที่พวกตนเคยคิดร้ายมาก่อนได้กลายเป็นกษัตริย์  ทุกคนต่างหวาดกลัวการลงโทษ  แต่โยเซฟได้แสดงคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ให้แก่พวกพี่ๆของเขาได้เห็น  นั่นคือการอภัยโทษ

เมื่อมาอยู่ในอียิปต์  พวกพี่ๆของโยเซฟได้รับตำแหน่งหน้าที่การงานดีๆ มีอำนาจและความมั่งคั่ง มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี  ก่อนยาโกบเสียชีวิต  คัมภีร์กุรอานเล่าว่ายาโกบได้เรียกลูกชายทั้งหมดมาถามว่า “ถ้าพ่อจากโลกนี้ไปแล้ว ลูกจะนับถือศาสนาอะไร?”  ทุกคนตอบว่า “พวกเราจะนับถือศาสนาของพ่อและปู่(อิสอัค)และของบรรพบุรุษ(อับราฮัม)

แต่หลังจากยาโกบตายจากไปและหลังสมัยของโยเซฟ  พวกลูกหลานอิสราเอลได้ผิดสัญญากับพ่อของตัวเองโดยหันไปปฏิบัติพิธีกรรมของชาวพื้นเมืองอียิปต์  พระเจ้าจึงลงโทษพวกลูกหลานอิสราเอลด้วยการให้ชาวพื้นเมืองอียิปต์โค่นอำนาจและกดพวกลูกหลานอิสราเอลลงเป็นทาสนานนับหลายร้อยปี

ในช่วงที่ตกเป็นทาสของฟาโรห์ พวกลูกหลานอิสราเอลได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส  ดังนั้น พวกลูกหลานอิสราเอลต่างโอดครวญวอนขอต่อพระเจ้าให้ส่งคนมาช่วย และเมื่อถึงเวลา พระเจ้าก็ได้ตอบรับคำวิงวอนของพวกเขาด้วยการส่งมหาบุรุษคนหนึ่งมาช่วย นั่นคือ โมเสส


You must be logged in to post a comment Login