วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2567

ศึกนอกต้องสู้ ศึกในต้องนิ่ง

On December 22, 2023

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่  22  ธ.ค.  66 )

ขณะที่นบีมุฮัมมัดปฏิบัติภารกิจเผยแผ่อิสลามในเมืองมักก๊ะฮฺ  ผู้ต่อต้านท่านมีอยู่แค่ในเมือง  แต่เมื่ออพยพไปยังยัษริบ  ท่านกลับมีทั้งศัตรูผู้รุกรานจากภายนอกและศัตรูภายใน

สงครามอุฮุดที่มุสลิมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ผู้รุกรานจากมักก๊ะฮฺและนบีมุฮัมมัดได้รับความบอบช้ำเกิดจากสาเหตุสองประการ  ประการแรกคือพลธนูละทิ้งหน้าที่ป้องกันทหารม้าที่จะเข้ามาโจมตีมุสลิมจากด้านหลัง  เพราะเห็นแก่ทรัพย์เชลยที่ตกอยู่ในสนามรบ  ประการที่สอง คือ อับดุลลอฮฺ บินอุบัย พาคนของเขาจำนวนสามร้อยคนถอนตัวจากการร่วมทัพกับนบีมุฮัมมัดขณะกำลังเผชิญหน้ากับข้าศึก

เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้อับดุลลอฮฺ บินอุบัยและพรรคพวกของเขาถูกมุสลิมตราหน้าว่าเป็น “พวกตลบตะแลง” (มุนาฟิกีน) คนกลุ่มนี้เป็นหอกข้างแคร่ของมุสลิมในเมืองยัษริบ

เนื่องจากประสบความพ่ายแพ้และเห็นนบีมุฮัมมัดได้รับความบอบช้ำ  สาวกคนสนิทบางคนรู้สึกไม่พอใจพฤติกรรมคดในข้องอในกระดูกของอับดุลลอฮฺ บินอุบัยจนถึงขั้นขออนุญาตนบีมุฮัมมัดเอาชีวิตเขาด้วยการตัดคอ  แต่นบีมุฮัมมัดไม่อนุญาตด้วยเหตุผลบางประการ

ประการแรก  อับดุลลลอฮฺ บินอุบัยกล่าวคำปฏิญาณตนเข้ารับอิสลาม และอิสลามมีกฎว่ามุสลิมคือผู้ที่ลิ้นและมือของเขาต้องไม่เป็นอันตรายต่อมุสลิม  ท่านบอกสาวกของท่านว่าเขายังไม่ได้แสดงพฤติกรรมทำร้ายมุสลิม  ดังนั้น เขาจะต้องปลอดภัยจากลิ้นและมือของมุสลิม  เมื่อสาวกของท่านแย้งว่าอับดุลลอฮฺ บินอุบัยมีเจตนาร้าย  นบีมุฮัมมัดได้กล่าวว่าเรื่องภายในจิตใจของเขาต้องปล่อยให้พระเจ้าเป็นผู้ตัดสิน

เหตุผลอีกประการหนึ่งก็คือ ถ้าหากท่านอนุญาตให้สาวกของท่านประหารอับดุลลอฮฺ บินอุบัย  คนทั่วไปจะมองว่าท่านฆ่าแม้แต่มุสลิมที่เป็นสาวกของท่านเอง

อับดุลลอฮฺ บินอุบัยเป็นผู้นำของเผ่าใหญ่ที่กำลังจะได้เป็นผู้นำในเมืองยัษริบ  แต่เมื่อนบีมุฮัมมัดได้รับเชิญมาเป็นผู้นำ  เขาจึงสูญเสียโอกาสไป  ดังนั้น เขาจึงหาโอกาสที่จะกำจัดนบีมุฮัมมัดตลอดเวลา  เขาฉลาดจนไม่มีใครสามารถลงโทษพฤติกรรมภายนอกของเขาได้  วิธีการหนึ่งที่เขาใช้คือการยุแหย่ให้มุสลิมแตกความสามัคคีกัน  แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ประสบความสำเร็จ

เป็นเรื่องน่าคิดที่แม้อับดุลลอฮฺ บินอุบัยมีใจเป็นศัตรูต่อนบีมุฮัมมัดและอิสลาม  แต่ลูกชายของเขากลับหันมาเป็นผู้ศรัทธาในอิสลามอย่างเข้มแข็ง

ในวันที่อับดุลลอฮฺ บินอุบัยเสียชีวิต  ลูกชายของเขาได้มาหานบีมุฮัมมัดและขอเสื้อคลุมของท่านเพื่อนำไปทำเป็นผ้าห่อศพพ่อของเขา  นบีมุฮัมมัดได้ถอดเสื้อคลุมของท่านให้ไป  เมื่อเห็นเช่นนั้น ลูกชายของอับดุลลอฮฺจึงถามนบีมุฮัมมัดว่า “ท่านจะไปนำละหมาดขออภัยโทษให้แก่ศพพ่อของฉันไหม?”  นบีมุฮัมมัดตอบว่า “จัดการศพเรียบร้อยแล้วมาเรียกฉัน” คำตอบของท่านทำให้บรรดาสาวกของท่านผิดคาด

เมื่อศพของอับดุลลอฮฺ บินอุบัยถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว  นบีมุฮัมมัดเตรียมที่จะละหมาดขอพรให้ศพของเขา  อุมัรฺสาวกคนสนิทของท่านได้ดึงเสื้อของท่านและถามท่านว่า “พระเจ้ามิได้ห้ามท่านละหมาดให้แก่คนตลบตะแลงหรือ?”

นบีมุฮัมมัดยิ้มและตอบว่า “พระเจ้าให้ฉันเลือกว่าจะละหมาดให้หรือไม่ก็ได้  แต่ฉันเลือกที่จะละหมาดขอพรให้เขา  คัมภีร์กุรอานกล่าวว่า ‘ไม่ว่าเจ้าจะขออภัยโทษให้เขาหรือไม่ (บาปของเขาก็ไม่ได้รับการให้อภัย)  ถ้าหากเจ้าขออภัยให้เขาเจ็ดสิบครั้ง  พระเจ้าจะไม่ให้อภัยพวกเขา’” (กุรอาน 9:80)

แต่หลังจากนั้นไม่นาน  นบีมุฮัมมัดได้รับคำสั่งจากพระเจ้าว่า “และเจ้า(มุฮัมมัด)จงอย่าละหมาดให้แก่คนใดในหมู่พวกเขาที่เสียชีวิต และจงอย่ายืนที่หลุมฝังศพของเขา เพราะพวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ และพวกเขาตายในขณะที่เป็นผู้ฝ่าฝืน” (กุรอาน 9:84)

หลังจากนั้น  นบีมุฮัมมัดจะไม่ไปละหมาดขอพรให้แก่ศพของผู้ตลบตะแลงหรือตระบัดสัตย์และไม่ไปยืนที่หลุมฝังศพของคนประเภทนี้อีกเลย

สาวกคนหนึ่งถามท่านว่าทำไมท่านจึงให้เสื้อคลุมไปห่อศพและละหมาดขอพรให้ศพของอับดุลลอฮฺ บินอุบัย  ท่านตอบว่า “เสื้อของฉันและการละหมาดขอพรที่ฉันทำไปจะไม่ช่วยให้เขารอดจากการลงโทษของพระเจ้าได้  อย่างไรก็ตาม ฉันหวังว่าผู้คนนับพันจากเผ่าของเขาจะหันมาเป็นมุสลิมที่จริงใจเพราะเหตุนี้”


You must be logged in to post a comment Login