วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2567

วิกฤตเปินโอกาสให้รู้ใจคน

On December 15, 2023

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่  15 ธ.ค.  66 )

แม้นบีมุฮัมมัดและมุสลิมอพยพจากมักก๊ะฮฺไปยังเมืองยัษริบเพื่อหลีกเลี่ยงการกดขี่ข่มเหงแล้วก็ตาม  แต่ความอาฆาตแค้นของชาวมักก๊ะฮฺยังไม่จางหาย  หลังจากนั้นประมาณสองปี  หัวหน้าชาวมักก๊ะฮฺได้รวมไพร่พลประมาณหนึ่งพันคนมุ่งหน้ามายังเมืองยัษริบ  เมื่อนบีมุฮัมมัดรู้ข่าว  ท่านจึงระดมกำลังคนได้ประมาณสามร้อยคนและอาวุธเท่าที่จะหาได้ออกไปตั้งรับผู้บุกรุกนอกเมืองตรงบริเวณที่เรียกว่า “บะดัรฺ”

เมื่อสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน  ตามธรรมเนียมการทำสงครามของชาวอาหรับ  ทั้งสองฝ่ายจะส่งนักรบฝีมือดีออกไปต่อสู้กันตัวต่อตัวเพื่อให้ไพร่พลที่ติตดามมาตัดสินใจว่าจะทำสงครามหรือไม่เมื่อเห็นผลการต่อสู้ของนักรบฝีมือดีแล้ว

ทั้งสองฝ่ายต่างส่งนักรบฝีมือดีออกไปต่อสู้กันแบบตัวต่อตัวฝ่ายละสามคน  ผลลงเอยด้วยนักรบฝีมือดีฝ่ายมักก๊ะฮฺทั้งสามคนถูกปลิดชีวิต  ส่วนฝ่ายมุสลิมบาดเจ็บหนึ่งคน

แม้จะเสียนักรบคนสำคัญไปสามคน  แต่ด้วยความอาฆาตและเห็นว่าฝ่ายตัวเองมีไพร่พลมากกว่า  ฝ่ายมักก๊ะฮฺได้ตัดสินใจทำสงครามเพื่อกำจัดนบีมุฮัมมัดและมุสลิมมิให้เติบโตขึ้นมาท้าทายในอนาคต  นี่เป็นสงครามครั้งแรกที่มุสลิมเผชิญและจบลงด้วยมุสลิมได้รับชัยชนะแม้กำลังคนและอาวุธจะน้อยกว่า

ชัยชนะในการรบครั้งแรกทำให้มุสลิมเกิดความมั่นใจและศรัทธาในพระเจ้ามากขึ้น  ขณะเดียวกัน มันกลับสร้างความอาฆาตเคียดแค้นในหมู่ชาวมักก๊ะฮฺมากขึ้นและหาทางที่จะชำระแค้นให้แก่ผู้ที่ล้มตายในสงครามที่ทุ่งบะดัรฺ

ประมาณหนึ่งปีหลังสงครามครั้งแรก  หัวหน้าชาวมักก๊ะฮฺได้นำกองทัพที่ประกอบด้วยนักรบประมาณสามพันคนพร้อมอาวุธอย่างดีและเสบียงครบครัน  เมื่อนบีมุฮัมมัดรู้ข่าว  ท่านได้เรียกมุสลิมทั้งคนหนุ่มและผู้อาวุโสประชุมเพื่อวางแผนรับมือศัตรูที่กำลังบุกมารุกราน

ในการประชุม  อับดุลลอฮฺ บินอุบัย ผู้ที่ก่อนหน้านี้สูญเสียโอกาสการเป็นผู้นำเพราะการมาของนบีมุฮัมมัดได้เสนอให้ตั้งรับข้าศึกในเมือง  แต่คนหนุ่มส่วนใหญ่เสนอให้นบีมุฮัมมัดออกไปตั้งรับนอกเมือง  ความจริงแล้ว  นบีมุฮัมมัดคิดจะตั้งรับข้าศึกในเมือง  แต่เมื่อเสียงส่วนใหญ่ของคนหนุ่มต้องการให้ตั้งรับข้าศึกนอกเมือง  ท่านจึงยอมรับ   หลังจากนั้น  ท่านได้สั่งให้ทุกคนเตรียมตัวออกศึกหลังจากระดมกำลังนักรบได้ประมาณหนึ่งพันคน  ในจำนวนนี้มีกำลังคนของอับดุลลอฮฺ บินอุบัยอยู่ประมาณสามร้อยคน

เมื่อนบีมุฮัมมัดสวมเสื้อเกราะเพื่อนำทัพออกไปนอกเมือง  หัวหน้าคนหนุ่มได้มาหาท่านนบีและพูดกับท่านว่าหากท่านต้องการเปลี่ยนใจมาตั้งรับในเมือง  พวกเขาก็พร้อมที่จะทำตาม  แต่นบีมุฮัมมัดกล่าวตอบว่า “เมื่อฉันสวมเสื้อเกราะแล้ว จะไม่เปลี่ยนอะไรทั้งสิ้น”  หลังจากนั้น  ท่านก็นำทัพออกไปนอกเมือง

ระหว่างทาง    เมื่ออับดุลลอฮฺ บินอุบัยรู้ถึงจำนวนไพร่พลของมักก๊ะฮฺ  เขาจึงสบโอกาสนำคนของเขาจำนวนสามร้อยคนทิ้งกองทัพของท่านนบีโดยอ้างว่านบีมุฮัมมัดไม่ทำตามคำแนะนำของเขา  แต่ในความเป็นจริงแล้ว  เขาต้องการให้นบีมุฮัมมัดและมุสลิมถูกสังหารในสงครามครั้งนี้เพื่อที่เขาจะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำของชาวเมืองยัษริบตามที่เขาเคยหวังมาก่อน

สงครามครั้งนี้เกิดขึ้นที่บริเวณภูเขาอุฮุด จึงถูกเรียกว่าสงครามอุฮุด   การรบเริ่มต้นด้วยการปะทะกันแบบดุเดือดและฝ่ายรุกรานเป็นฝ่ายล่าถอย  แต่เพราะสาวกกลุ่มหนึ่งที่เป็นพลธนูไม่เชื่อฟังคำสั่งของนบีมุฮัมมัด  ทหารม้าของฝ่ายรุกรานจึงได้โอกาสเข้ามาตีตลบหลังมุสลิมที่กำลังเป็นฝ่ายรุกไล่ให้ต้องถูกบีบทั้งด้านหน้าและด้านหลัง  ชัยชนะที่กำลังอยู่ในมือจึงกลายเป็นความพ่ายแพ้

สงครามอุฮุดทำให้สาวกของนบีมุฮัมมัดพลีชีพไปในสนามรบเจ็ดสิบคนรวมทั้งฮัมซะฮฺนับรบฝีมือดีและเป็นลุงอีกคนหนึ่งของนบีมุฮัมมัด  ศพของฮัมซะฮฺถูกผ่าท้องและถูกควักตับออกมากินสดๆโดยฮินด์ผู้เคียดแค้นฮัมซะฮฺที่สังหารพี่ชายของนางในสงครามบะดัรฺ

ในสงครามอุฮุด  นบีมุฮัมมัดถูกฟันที่ศีรษะ  แต่หมวกเหล็กได้ป้องกันไว้  ฟันของท่านหักไปสองซี่ แต่สาวกได้เข้ามาป้องกันท่านไว้และพาท่านหลบหนีไปได้

หลังสงคราม  ระหว่างเดินทางกลับเมืองมะดีนะฮฺ  ท่านบอกว่าหลังจากนี้จะมีการญิฮาดที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีก  สาวกจึงตกใจ  ท่านจึงบอกว่า “การญิฮาดที่ยิ่งใหญ่คือการญิฮาดกับจิตใจของตัวเอง”


You must be logged in to post a comment Login