วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2567

เริ่มย้ายแหล่งเผยแผ่อิสลาม

On November 17, 2023

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่  17 พ.ย.  66 )

การประกาศคว่ำบาตรนบีมุฮัมมัดโดยหัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺที่ต่อต้านอิสลามทำให้ผู้คนในตระกูลของท่านหลายคนต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย  แต่เป็นเรื่องน่าประหลาดที่ญาติพี่น้องของท่านหลายคนหรือแม้แต่ลุงของนบีมุฮัมมัดซึ่งไม่ได้เป็นมุสลิมก็ยอมร่วมชะตากรรมเดียวกันกับท่านด้วย

ในระหว่างการถูกปิดล้อม  นอกจากจะใช้ชีวิตอย่างยากลำบากแล้ว  นบีมุฮัมมัดยังต้องปวดร้าวหัวใจอีกเมื่ออบูฏอลิบผู้เป็นลุงที่ให้ความคุ้มครองท่านและนางเคาะดีญะภรรยาที่คอยให้กำลังใจและช่วยเหลือท่านมาโดยตลอดได้ตายจากไป

เมื่อการคว่ำบาตรสิ้นสุดลง  นบีมุฮัมมัดเห็นว่าหัวใจของชาวมักก๊ะฮฺไม่ต่างอะไรไปจากหินที่แข็งกระด้าง  เมล็ดพันธุ์อิสลามที่ท่านหว่านไปเป็นเวลาสิบปีไม่งอกเงย  ท่านจึงมุ่งหน้าสู่เมืองฏออีฟด้วยความหวังว่าผู้คนจะยอมรับคำสอนของท่าน

แต่เมื่อไปถึงที่นั่น  ท่านกลับถูกต่อต้านไม่ต่างจากในมักก๊ะฮฺ หัวหน้าชาวเมืองยุยงให้เด็กและวัยรุ่นขับไล่ท่านด้วยการเอาหินขว้างจนร่างของท่านโชกไปด้วยเลือดจนต้องหนีออกจากเมือง  ระหว่างนั่งพักเหนื่อยจากการหนีพวกวัยรุ่น  ทูตสวรรค์ได้มาหาท่านและพูดกับท่านว่าหากท่านต้องการลงโทษชาวเมืองที่ทำกับท่าน  เมืองนี้จะถูกทำลายทันที

แต่นบีมุฮัมมัดกล่าวว่า “บางทีคนรุ่นนี้อาจไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันนำมาสอน  แต่วันข้างหน้า ลูกหลานของพวกเขาจะเข้าใจ”  และก็เป็นเช่นนั้นจริง เพราะหลังจากนั้นไม่นาน  ชาวเมืองฏออีฟได้หันมาเข้ารับอิสลาม

นบีมุฮัมมัดเดินทางกลับมายังเมืองมักก๊ะฮฺด้วยความรู้สึกว่าภารกิจของท่านคงไม่ประสบความสำเร็จแล้ว  แต่เมื่อเทศกาลฮัจญ์มาถึง  ท่านเริ่มมีความหวังขึ้นมา  เพราะนี่เป็นช่วงเวลาที่ชาวอาหรับจากที่ต่างๆจะเดินทางมาทำพิธีแสวงบุญที่เมืองมักก๊ะฮฺ   มันจึงเป็นโอกาสให้ท่านได้เริ่มเผยแผ่สั่งสอนเรื่องความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวแก่ผู้เดินทางมาแสวงบุญ

ขณะเดียวกัน  หัวหน้าชาวมักก๊ะฮฺก็ส่งคนไปยังกลุ่มคนต่างๆที่มาทำฮัจญ์และพูดจาใส่ร้ายนบีมุฮัมมัดด้วยคำกล่าวหาสารพัดเพื่อมิให้คนหลงเชื่อท่าน  แต่ผลกลับเป็นไปในทางตรงข้าม  ยิ่งคนได้ยินเรื่องเสียหายเกี่ยวกับนบีมุฮัมมัด  มันยิ่งกลับทำให้ผู้คนอยากมาพบเห็นท่านด้วยตาตัวเอง  ดังนั้น  ในช่วงเทศกาลฮัจญ์  บุคลิกและคำสอนของนบีมุฮัมมัดจึงแพร่กระจายไปยังผู้คนในเผ่าต่างๆดุจดังไฟลามทุ่ง

แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้นบีมุฮัมมัดเริ่มมีความหวังมากขึ้นก็คือ ตัวแทนของสองเผ่าใหญ่ที่ขัดแย้งกันในเมืองยัษริบได้มาพบท่านและเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่าน  จึงเข้ารับอิสลาม  ไม่เพียงเท่านั้น  คนกลุ่มนี้ซึ่งมีประมาณหกคนได้เชิญชวนท่านไปยังเมืองยัษริบและสัญญาว่าจะให้ท่านเผยแผ่อิสลามอย่างเสรี  ไม่เพียงเท่านั้น  พวกเขาจะให้ความช่วยเหลือท่านด้วย

แม้จะรู้ถึงความปรารถนาดีของคนกลุ่มนี้  แต่นบีมุฮัมมัดยังไม่ตัดสินใจตามคนกลุ่มนี้ไป  ท่านรอดูว่าคนกลุ่มนี้จะจริงใจกับท่านหรือไม่  ปีต่อมา  คนกลุ่มนี้มาทำพิธีฮัจญ์อีกและพาคนมาเข้ารับอิสลามกับท่านหลายคน  ท่านจึงมั่นใจ  แต่ถึงกระนั้น ท่านต้องรอคำบัญชาจากพระเจ้าก่อน

อย่างไรก็ตาม  ก่อนที่คนกลุ่มนี้จะเดินทางกลับไปยังเมืองยัษริบ   นบีมุฮัมมัดได้ให้พวกเขาทำสัญญากับท่านก่อนว่าพวกเขา

จะไม่เคารพกราบไหว้สิ่งใดควบคู่ไปกับอัลลอฮฺ

จะไม่ขโมย ไม่ทำชู้และไม่ผิดประเวณี

จะไม่ฆ่าลูกๆ

จะละเว้นจากการกล่าวร้ายและใส่ความผู้อื่น

จะเชื่อฟังนบีในสิ่งที่ถูกและจะศรัทธาในท่านทั้งในยามทุกข์และสุข

นี่เป็นคำมั่นสัญญาที่ทำให้นบีมุฮัมมัดเตรียมการทะยอยอพยพสาวกของท่านที่ถูกกดขี่ข่มเหงออกจากเมืองมักก๊ะฮฺไปยังเมืองยัษริบ


You must be logged in to post a comment Login