วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2567

นบีมุฮัมมัด “ฉันคือคำวิงวอนของอิบรอฮีม”

On October 27, 2023

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่  27 ต.ค.  66 )

นบีมุฮัมมัดเคยกล่าวว่า “ฉันคือคำวิงวอนของอิบรอฮีม และผู้ที่จะมาแจ้งข่าวดีเกี่ยวกับฉันคืออีซา”

ไม่มีชาวยิว ชาวคริสเตียนและชาวมุสลิมคนใดไม่รู้จักอับราฮัมหรืออิบรอฮีม  เพราะอับราฮัมเป็นบิดาแห่งความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวและเป็นต้นตระกูลของบุคคลสำคัญที่เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของผู้ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว

แต่คำถามคือนบีอิบรอฮีมวิงวอนอะไรไว้ก่อนหน้านบีมุฮัมมัดกำเนิดกว่าสามพันปี?

คัมภีร์กุรอานเล่าเรื่องราวตอนหนึ่งของนบีอิบรอฮีมว่าเมื่อท่านกลับมาเยี่ยมนางฮาการ์ภรรยาคนที่สองและอิสมาอีลบุตรคนแรกของท่านที่เมืองมักก๊ะฮหลังจากที่ท่านนำภรรยาและลูกชายมาทิ้งไว้เมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อน

ในการมาเยี่ยมครั้งนี้เองที่พระเจ้าได้บัญชาให้ท่านสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺขึ้นเพื่อเป็นสถานที่แห่งการเคารพสักการะพระองค์  เมื่อสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺเสร็จ  ท่านได้วิงวอนว่า :

“ข้าแต่พระผู้อภิบาล  ฉันได้ตั้งรกรากถิ่นฐานให้ลูกหลานของฉันบางคนในหุบเขาอันกันดารใกล้บ้านอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์  ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเรา  ฉันทำสิ่งนี้ก็ด้วยหวังว่าพวกเขาจะได้ดำรงละหมาดที่นั่น  ดังนั้น โปรดหันหัวใจของผู้คนไปยังพวกเขาด้วยและโปรดประทานผลไม้เป็นอาหารแก่พวกเขาด้วยเถิด เพื่อพวกเขาจะได้เป็นผู้กตัญญู” (กุรอาน 14:37-38)

ในคำวิงวอนนี้  นบีอิบรอฮีมได้ประกาศว่าเจตนารมณ์ที่ท่านนำครอบครัวของท่านมาตั้งถิ่นฐานที่นี่คือ เพื่อให้ลูกหลานของท่านได้สักการะพระองค์โดยการละหมาด และท่านขอต่อพระเจ้าให้หันหัวใจของผู้คนให้มาละหมาดตามลูกหลานของท่านด้วย  ส่วนคำวิงวอนขอให้พระเจ้าประทานผลไม้เป็นอาหารแก่ผู้ศรัทธาในพระองค์นั้น  พระเจ้าได้ตอบรับคำวิงวอนนี้เรื่อยมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน  เพราะมักก๊ะฮฺไม่เคยขาดแคลนผลไม้เลยแม้จะเพาะปลูกไม่ได้ก็ตาม

นอกจากนี้  นบีอิบรอฮีมยังได้วิงวอนด้วยความนอบน้อมอีกว่า

“โอ้พระผู้อภิบาลของเรา  โปรดทำให้เราทั้งสองเป็นผู้นอบน้อมต่อพระองค์ และได้โปรดให้ลูกหลานของเราเป็นชนชาติที่นอบน้อมต่อพระองค์  ขอได้ทรงแสดงให้เราเห็นถึงการปฏิบัติศาสนกิจของเราและได้โปรดนิรโทษแก่เราโดยปรานี” (กุรอาน 2.128)

คำวิงวอนดังกล่าวทำให้เรารู้ว่านบีอิบรอฮีมมิได้เป็นผู้ก่อตั้งศาสนายูดายหรือศาสนาคริสต์  แต่ท่านขอให้ตัวท่านเองและลูกชายรวมทั้งลูกหลานที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าเป็นผู้นอบน้อมยอมจำนนต่อพระองค์หรือเป็นมุสลิมที่อยู่ในวิถีอิสลามนั่นเอง เพราะคำว่าอิสลามหมายถึงการยอมจำนนต่อพระเจ้า  หลังจากนั้น  ท่านได้ขอให้พระเจ้าสอนวิธีการเคารพสักการะที่แสดงถึงการเป็นผู้ยอมจำนนต่อพระองค์ นั่นคือ การละหมาด   เมื่อนบีอิบรอฮีมได้รับแบบอย่างการละหมาดแล้ว  ท่านได้ปฏิบัติตามนั้นและลูกหลานของท่านที่เป็นนบีก็ปฏิบัติสืบต่อกันมา

นบีอิบรอฮีมยังวิงวอนอีกว่า  “พระผู้อภิบาลของเรา  โปรดให้ในหมู่พวกเขามีศาสนทูตขึ้นมาคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ที่จะมาสาธยายคำบัญชาทั้งหลายของพระองค์แก่พวกเขาและสอนคัมภีร์และวิทยปัญญาแก่พวกเขาและขัดเกลาชีวิตของพวกเขาให้สะอาด….”  (กุรอาน 2:129)

คำวิงวอนนี้ดูเหมือนนบีอิบรอฮีมจะรู้ว่าวันหนึ่งข้างหน้า  ลูกหลานของท่านและผู้คนจะลืมการละหมาดที่เป็นการแสดงออกถึงความศรัทธาในพระเจ้าและความหนอบน้อมต่อพระองค์  และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะสาวกของนบีต่างๆที่เป็นลูกหลานของท่านได้ละทิ้งและหลงลืมการละหมาดกันไปหมดแล้ว ชาวยิวและชาวคริสเตียนจึงไม่ได้ก้มกราบสักการะพระเจ้าเหมือนกับที่นบีของได้แสดงให้เห็น

ด้วยเหตุนี้  พระเจ้าจึงส่งนบีมุฮัมมัดมาเพื่อเป็นการตอบรับคำวิงวอนของนบีอิบรอฮีม เพราะนบีมุฮัมมัดนี่เองที่ได้มาแสดงแบบอย่างการปฏิบัติศาสนกิจตามที่พระเจ้าประสงค์ไว้ให้ผู้ศรัทธาในพระองค์ปฏิบัติตามจนถึงวันสิ้นโลก


You must be logged in to post a comment Login