วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2567

ภารกิจเผยแผ่อิสลามถูกต่อต้านตั้งแต่แรก

On October 13, 2023

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่  13 ต.ค.  66 )

เมื่อการปฏิบัติภารกิจเผยแผ่อิสลามอย่างเปิดเผยของนบีมุฮัมมัดเริ่มต้น  การต่อต้านภารกิจของท่านโดยผู้นำชาวเมืองมักก๊ะฮฺก็เริ่มขึ้นพร้อมกันทันที  หากเป็นชาวเมืองทั่วไป  นบีมุฮัมมัดคงถูกกำจัดไปแล้วตามวิถีของชาวอาหรับ  แต่เนื่องจากอบูฏอลิบลุงของท่านเป็นผู้นำของตระกูลใหญ่ในเมืองมักก๊ะฮฺและเป็นผู้นำที่มีอิทธิพลคนหนึ่ง  ท่านจึงได้รับความคุ้มครองจากลุงของท่าน

สิ่งที่ทำให้บรรดาผู้นำชาวเมืองมักก๊ะฮฺหวั่นวิตกก็คือพวกเขากลัวว่าผู้คนจะคล้อยตามสิ่งที่นบีมุฮัมมัดนำมาสั่งสอน  เพราะชาวเมืองมักก๊ะฮฺรู้ว่านบีมุฮัมมัดไม่เคยโกหกจนชาวเมืองให้ฉายาท่านว่า “อัลอะมีน” (ผู้ซื่อสัตย์ไว้วางใจได้)  อีกประการหนึ่งก็คือบุคลิกภาพที่ดึงดูดผู้คนของท่าน

เนื่องจากคำสอนสำคัญของอิสลามคือความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวและการฟื้นคืนชีพหลังความตายเพื่อไปรับการสอบสวนจากพระเจ้า  ดังนั้น เช้าตรู่วันหนึ่ง  นบีมุฮัมมัดได้ขึ้นไปบนเนินเขาแห่งหนึ่งและตะโกนส่งสัญญาณเตือนภัยตามประเพณีอาหรับ  คนที่ได้ยินจึงรีบวิ่งไปยังที่มาของเสียง  เมื่อผู้คนและบรรดาผู้นำที่เป็นญาติผู้ใหญ่ของท่านไปถึงที่นั่น  ท่านได้ถามผู้คนว่า “หากฉันบอกพวกท่านว่าข้างหลังภูเขาลูกนี้มีศัตรูกำลังจะบุกจู่โจมเข้ามาทำลายพวกท่าน  พวกท่านเชื่อไหม?”

เมื่อผู้คนตอบว่าเชื่อ  ท่านจึงกล่าวว่า “ฉันขอเตือนพวกท่านให้รู้ว่าหลังโลกนี้จะมีโลกแห่งการทรมานแสนสาหัสรอพวกท่านอยู่หากท่านไม่เชื่อในอัลลอฮฺเป็นพระเจ้าองค์เดียวและไม่เชื่อฟังพระองค์”

คำพูดดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้นำชาวมักก๊ะฮฺอย่างมาก  ญาติผู้ใหญ่ของท่านคนหนึ่งจึงออกมาพูดตะคอกใส่ท่านและประชดประชันว่า “ที่แกตะโกนเรียกพวกเราออกมานี่ เพียงเพื่อจะบอกเรื่องนี้แก่พวกเราหรือ?  ไหน  พระเจ้าของแกอยู่ที่ไหน  อยู่ในสวนอินทผลัม หรืออยู่ในหุบเขา หรืออยู่บนดวงจันทร์  พระเจ้าของแกทำด้วยหินหรือไม้หรือทองแดง?”

ด้วยเหตุนี้  พระเจ้าจึงดลใจท่านให้เอ่ยถึงคุณสมบัติของพระองค์ให้คนที่นั่นได้รู้  แม้พวกผู้นำจะทำเป็นหูทวนลม  แต่หลายคนที่นั่นเริ่มคิด และเมื่อคนเหล่านั้นหันมาศรัทธาในอิสลาม  คนเหล่านั้นกลับต้องถูกกลั่นแกล้งและทรมานเพื่อให้เลิกศรัทธาในคำสอนของนบีมุฮัมมัด

หลังจากนั้น  พวกหัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺได้หันไปใช้วิธีทำลายความน่าเชื่อถือของนบีมุฮัมมัดด้วยการกล่าวหาว่าท่านถูกผีเข้าบ้าง  วิกลจริตบ้างหรือเอานิยายปรัมปะรามาเล่าหลอกผู้คนบ้าง  แต่น่าแปลกที่ไม่มีใครสักคนกล่าวหาท่านว่าเป็นคนโกหก

นบีมุฮัมมัดไม่ตอบโต้การใส่ร้ายใดๆ  แต่ดูเหมือนว่าการใส่ร้ายยิ่งทำให้ผู้คนสนใจท่านมากขึ้น  ด้วยเหตุนี้  พวกหัวหน้าชาวมักก๊ะฮฺจึงยื่นข้อเสนอแก่นบีมุฮัมมัดว่าถ้าหากท่านต้องการทรัพย์สินหรือหญิงสาวหรือต้องการอำนาจ  พวกเขาจะจัดหาให้ท่านทุกอย่างเพื่อแลกกับการหยุดเผยแผ่คำสอนของอิสลาม  แต่ข้อเสนอดังกล่าวถูกท่านปฏิเสธหมด

เมื่อใช้วิธีการทำลายความน่าเชื่อถือและการติดสินบนไม่ได้ผล  พวกผู้นำชาวมักก๊ะฮฺได้เข้าไปพบอบูฏอลิบลุงของท่านนบีซึ่งวางตัวเป็นกลางแม้จะไม่ศรัทธาในอิสลามก็ตาม  พวกเขาขอร้องอบูฏอลิบให้ห้ามปรามหลานชายเผยแผ่คำสอนอิสลาม  แต่นบีมุฮัมมัดยืนยันกับลุงว่า “ต่อให้เอาดวงอาทิตย์มาวางไว้ในมือขวาและเอาดวงจันทรามาวางไว้ในมือซ้าย ฉันก็จะไม่ล้มเลิกสิ่งที่ฉันได้รับมอบหมายมาจากพระเจ้า”

เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น  พวกหัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺก็หันมาใช้วีธีการประนีประนอม  พวกเขาเสนอต่อนบีมุฮัมมัดว่า  “เอาอย่างนี้แล้วกัน เพื่อที่เราจะได้อยู่ร่วมกันอย่างสงบ  พวกเราจะเคารพสักการะอัลลอฮฺพระเจ้าของเจ้าหนึ่งเดือน และเดือนถัดไป  เจ้าต้องหันมากราบไหว้สิ่งที่พวกเรากราบไหว้บูชาสลับกันดีไหม”

เมื่อได้รับข้อเสนอเพื่อการประนีประนอมเช่นนี้  พระเจ้าจึงมีบัญชาให้นบีมุฮัมมัดตอบไปว่า “ฉันจะไม่กราบไหว้พระเจ้าของท่านและท่านก็ไม่ต้องเคารพสักการะพระเจ้าของฉัน  ต่างคนต่างกราบไหว้พระเจ้าที่ตัวเองนับถือแล้วกัน  พวกท่านปฏิบัติศาสนาของพวกท่านไป  ส่วนฉันจะปฏิบัติตามศาสนาของฉัน”

เมื่อบรรดาผู้นำชาวเมืองมักก๊ะฮฺโดยเฉพาะผู้นำเผ่ากุเรชซึ่งเป็นเผ่าที่ได้รับความเคารพนับถือและความเกรงใจจากทุกเผ่าในแผ่นดินอาหรับได้ยินคำปฏิเสธข้อเสนอเช่นนี้  พวกเขาจึงเริ่มคิดว่าเมื่อใช้ไม้นวมไม่ได้ผลก็ถึงคราวที่ต้องหันมาใช้มาแข็ง  นับแต่นั้นมา  การต่อต้านภารกิจเผยแผ่อิสลามของนบีมุฮัมมัดก็เริ่มทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น


You must be logged in to post a comment Login