วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2567

เมื่อนบีมุฮัมมัดเริ่มปฏิบัติภารกิจ

On October 6, 2023

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่  6 ต.ค.  66 )

มุฮัมมัดเริ่มรู้ตัวว่าเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสนทูต(นบี)ของพระเจ้าเมื่อนางเคาะดีญะฮฺภรรยาของเขาพาไปพบญาติใกล้ชิดของนางที่มีความรู้ในคัมภีร์ก่อนหน้านี้  มุฮัมมัดได้รับรู้ว่าผู้ที่กอดรัดเขาในถ้ำบนภูเขาก็คือทูตสวรรค์องค์เดียวกับที่นำคำบัญชาจากพระเจ้ามายังโมเสส  ไม่เพียงเท่านั้น  เขายังถูกบอกว่านับแต่นี้ไป  เขาจะมีภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่พระเจ้ามอบให้และเขาจะถูกผู้คนต่อต้านและขับไล่

หลังจากนั้นไม่นาน  นบีมุฮัมมัดก็ได้รับคำบัญชาให้ประกาศว่าพระเจ้าที่แท้จริงมีเพียงองค์เดียวและเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด  ในตอนนั้น นบีมุฮัมมัดมีอายุ 40 ปี

แต่เนื่องจากผู้คนในเมืองมักก๊ะฮฺยังงมงายกราบไหว้เทวรูปและเชื่อโชคลางไสยศาสตร์  นบีมุฮัมมัดจึงเริ่มต้นเผยแผ่หลักคำสอนเรื่องพระเจ้าองค์เดียวในครอบครัวและผู้ใกล้ชิดอย่างลับๆ  เคาะดีญะฮฺภรรยาของท่านเป็นผู้หญิงคนแรกที่ศรัทธา  หลังจากนั้นก็มีอบูบักรฺเพื่อนสนิท  อะลีลูกของลุง และเซดทาสที่นบีมุฮัมมัดได้รับเป็นของขวัญจากเคาะดีญะฮฺภรรยาในวันแต่งงานและนบีมุฮัมมัดไม่เพียงแต่ปลดปล่อยให้เป็นอิสระเท่านั้น  แต่ยังรับเขาเป้นบุตรบุญธรรมด้วย

กลุ่มคนดังกล่าวคือผู้เข้ารับอิสลามรุ่นแรกและมีบทบาทสำคัญในการปฏิบัติภารกิจของนบีมุฮัมมัด

หลังจากเผยแผ่คำสอนเรื่องการศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวอย่างลับๆได้สักพัก  นบีมุฮัมมัดก็ได้รับคำบัญชาให้เผยแผ่คำสอนแก่ผู้คนอย่างเปิดเผยและนี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺเริ่มต่อต้านท่านทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ทุกคนภูมิใจและมีความหวังในตัวของท่านเป็นอย่างสูง

หัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺเริ่มไม่พอใจนบีมุฮัมมัดเมื่อท่านประกาศว่า “ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆที่สมควรได้รับการเคารพกราบไหว้นอกจากอัลลอฮฺองค์เดียวและมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺ”

คำสอนดังกล่าวหมายความว่าเทวรูปนับร้อยที่เรียงรายอยู่รอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺนั้นไม่ใช่สิ่งที่สมควรได้รับการกราบไหว้สักการะนอกไปจากอัลลอฮฺองค์เดียว

เหตุผลที่คำสอนดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้นำชาวเมืองมักก๊ะฮฺก็เพราะผู้นำชาวเมืองมองออกว่านี่คือการทำลายวัฒนธรรมความเชื่อที่ผู้คนยึดถือและปฏิบัติกันมานานนับพันปี  ผู้นำชาวมักก๊ะฮฺมองไปไกลอีกว่าถ้าผู้คนไม่กราบไหว้บูชาเทวรูปที่ตั้งเรียงรายอยู่รอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺแล้ว  จะไม่มีใครมายังมักก๊ะฮฺ  ผลที่ตามมาก็คือมักก๊ะฮฺจะสูญเสียความสำคัญจากการเป็นศูนย์กลางทางศาสนาและชาวมักก๊ะฮฺจะสูญเสียผลประโยชน์ทางการค้าจากการที่ไม่มีกองคาราวานมาที่นั่น  ส่วนพวกพ่อมดหมอผีก็รู้ว่าพวกตนจะสูญเสียผลประโยชน์จากการทำพิธีเซ่นไหว้เทวรูปให้แก่ชาวอาหรับที่มากราบไหว้เทวรูปศักดิ์สิทธิ์

แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือคำประกาศที่ว่า “มุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺ” นั้นมีความหมายว่าถ้าใครหันมาศรัทธาในอัลลอฮฺว่าเป็นพระเจ้าที่แท้จริงแต่เพียงองค์เดียวแล้ว  คนผู้นั้นคือมุสลิมที่ต้องเชื่อฟังนบีมุฮัมมัดที่ถูกพระเจ้าแต่งตั้งให้เป็นนบี  ในสายตาของผู้ปกครองมองออกได้ทันทีว่านี่คือการเปลี่ยนถ่ายความเป็นผู้นำไปสู่มุฮัมมัดและหันไปรับวัฒนธรรมใหม่ที่ท่านจะนำมา  นี่คือสาเหตุที่ทำให้ผู้นำชาวมักก๊ะฮฺเริ่มต่อต้านนบีมุฮัมมัดตั้งแต่เริ่มปฏิบัติภารกิจเผยแผ่อิสลาม

ในช่วงเวลาที่นบีมุฮัมมัดเผยแผ่อิสลามอยู่ในมักก๊ะฮฺ  หากมีใครเริ่มสนใจและหันมาเลื่อมใสศรัทธาในคำสอนของนบีมุฮัมมัด  คนเหล่านี้จะถูกกลั่นแกล้งและทำร้ายด้วยวิธีการต่างๆไม่เว้นแม้แต่คนมีสถานะทางสังคม  ส่วนคนยากจนและคนอ่อนแอเช่นทาสนั้นไม่ต้องพูดถึง  หลายคนถูกทรมานปางตายในการบังคับให้เปลี่ยนความศรัทธา  แต่หลายคนยอมพลีชีวิตเพื่อรักษาความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวไว้

อย่างไรก็ตาม  เมื่อผู้คนเริ่มทะยอยหันมาเลื่อมใสศรัทธาในคำสอนของนบีมุฮัมมัดทั้งแบบลับๆและเปิดเผยมากขึ้น  การต่อต้านก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นจนหลายคนคิดที่จะลุกขึ้นตอบโต้  แต่เนื่องจากสาวกของท่านมีจำนวนน้อยและอ่อนแอ  ดังนั้น  ท่านจึงกำชับบรรดาสาวกของท่านมิให้แม้แต่จะยกกำปั้นขึ้นต่อสู้  แต่ให้อดทนและวิงวอนต่อพระเจ้าให้ประทานความช่วยเหลือ


You must be logged in to post a comment Login