วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ฮัจญ์ การย้อนอดีตเพื่อไปสู่อนาคต

On July 7, 2023

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่    7 ก.ค. 66 )

หลังจากอับราฮัมและอิสมาอีลบุตรหัวปีสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺเพื่อใช้เป็นสถานที่เคารพสักการะพระเจ้าเสร็จแล้ว  อับราฮัมได้วิงวอนต่อพระเจ้าว่า

“โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดทำให้เราทั้งสองเป็นผู้นอบน้อมต่อพระองค์ และได้โปรดให้ลูกหลานของเราเป็นชนชาติที่นอบน้อมต่อพระองค์  ขอได้ทรงแสดงให้เราเห็นถึงการปฏิบัติศาสนกิจของเรา…”  (กุรอาน 2.128)

พระเจ้าตอบรับคำวิงวอนของอับราฮัม ดังนั้น  ลูกหลานของอับราฮัมจากอิสมาอีลและอิสฮากจึงเป็นชนชาติที่มีนบีเกิดขึ้นมากมายและพระเจ้าได้บอกเขาให้รู้ถึงวิธีการเคารพสักการะพระองค์

อย่างไรก็ตาม  อับราฮัมกังวลว่าหลังจากเขาจากลาโลกนี้ไปแล้ว  ลูกหลานของเขาอาจหลงลืมและหลงผิดจนลืมวิธีการเคารพสักการะพระเจ้า  ดังนั้น  เขาจึงวิงวอนต่อพระเจ้าว่า

“โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดให้ในหมู่พวกเขามีรอซูล(ศาสนทูต)ขึ้นมาคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ที่จะมาสาธยายสัญญาณทั้งหลายของพระองค์แก่พวกเขาและสอนคัมภีร์และวิทยปัญญาแก่พวกเขาและขัดเกลาชีวิตของพวกเขาให้สะอาด…….” (กุรอาน 2.129)

ความกังวลของอับราฮัมเป็นจริง  เพราะหลังจากเขาและอิสมาอีลจากโลกนี้ไปแล้ว  ชาวอาหรับลูกหลานของเขาทางฝ่ายอิสมาอีลได้หลงลืมวิธีการปฏิบัติศาสนกิจจนหันไปกราบไหว้บูชารูปเคารพแทนพระเจ้า  แต่พระเจ้าได้ตอบคำวิงวอนของอับราฮัมที่ขอให้ในหมู่ชาวอาหรับมีนบีคนหนึ่งเพื่อสอนคัมภีร์แก่ลูกหลานของเขาโดยการให้มุฮัมมัดถือกำเนิดขึ้นมาในหมู่ชาวอาหรับและได้รับคัมภีร์กุรอานจากพระเจ้า

นบีมุฮัมมัดกล่าวว่าตัวท่านเองคือคำวิงวอนของอับราฮัมเพราะท่านได้มาบอกถึงวิธีการปฏิบัติศาสนกิจต่างๆที่อับราฮัมสอนไว้และลูกหลานของเขาได้หลงลืมไป

พิธีฮัจญ์เป็นศาสนพิธีอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญ  ก่อนหน้าสมัยนบีมุฮัมมัด ชาวอาหรับทำพิธีฮัจญ์โดยการมาเวียนรอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺในสภาพของคนเดียรถีย์และเชือดสัตว์เพื่อเอาเนื้อไปแจกจ่ายโดยหวังให้คนร่ำลือว่าตัวเองเป็นคนใจบุญและโอบอ้อมอารี  และพิธีทั้งหมดจำกัดอยู่ในเมืองมักก๊ะฮฺเท่านั้น

แต่ “ฮัจญ์” โดยภาษาหมายถึง “การเดินทางสู่จุดมุ่งหมายแห่งหนึ่ง” และจุดมุ่งหมายนั้นคือพระเจ้าที่ทุกชีวิตต้องกลับไป  แต่การเดินทางกลับไปหาพระเจ้าเป็นการเดินทางด้านจิตวิญญาณซึ่งจะเริ่มต้นเมื่อวิญญาณออกจากร่างในอนาคต  พิธีฮัจญ์ของนบีมุฮัมมัดจึงถูกทำไปในลักษณะที่เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการเดินทางของวิญญาณหลังจากออกจากร่างของมนุษย์ไปจนถึงวันอวสานและการไปชุมนุมต่อหน้าพระเจ้าเพื่อรับการพิพากษา

พิธีฮัจญ์ใช้เวลาจริงๆ 6 วันโดยเริ่มต้นในเช้าวันที่ 8 เดือนซุลฮิจญะฮฺ  ผู้ทำฮัจญ์จากทั่วโลกที่ชุมนุมกันที่เมืองมักก๊ะฮฺประมาณสองล้านคนจะออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ทุ่งกว้างในตำบลมินาเป็นระยะทาง 9 ก.ม. เพื่อพักค้างคืนที่นั่นหนึ่งคืน  การเดินทางออกจากมักก๊ะฮฺนี้เปรียบเหมือนการเดินทางของวิญญาณที่ออกจากร่างมนุษย์  ทุ่งมินาเปรียบเสมือนโลกแห่งสุสานที่วิญญาณทุกดวงไปพักเพื่อรอวันสิ้นโลก

เช้าวันที่ 9 ผู้ทำฮัจญ์นับล้านคนที่ค้างแรมที่ทุ่งมินาต้องออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ทุ่งอะเราะฟะฮฺเป็นระยะทาง 18 ก.ม.เพื่อไปชุมนุมกันที่นั่นในตอนบ่าย  การมาชุมนุมที่นี่ถือเป็นจุดสำคัญของการทำพิธีฮัจญ์  ใครไม่ได้มายังสถานที่แห่งนี้ตามเวลาที่กำหนดไว้ถือว่าไม่ได้มาทำฮัจญ์

การออกจากทุ่งมินาไปชุมนุมกันที่ทุ่งอะเราะฟะฮฺเป็นเหมือนกับการบอกให้มนุษย์รู้ว่าเมื่อวันอวสานมาถึง  ทุกชีวิตตั้งแต่คนแรกถึงคนสุดท้ายต้องไปปรากฏตัวต่อหน้าพระเจ้าเพื่อรับการพิพากษาจากพระองค์สำหรับสิ่งที่ตัวเองทำไว้  ดังนั้น  ขณะที่อยู่ในทุ่งอะเราะฟะฮฺ  สิ่งที่ผู้ทำฮัจญ์ทุกคนจะทำกันคือการวิงวอนขอการอภัยโทษต่อพระองค์

ในระหว่างพิธีฮัจญ์  ผู้มาชุมนุมในทุ่งอะเราะฟะฮฺมาทั้งร่ายและวิญญาณ  แต่การไปชุมนุมต่อหน้าพระเจ้าในโลกหน้าที่มีวิญญาณมาอย่างเดียวเพื่อรับการพิพากษา  ทุกชีวิตไม่มีโอกาสกลับมาแก้ตัวอีกแล้ว  ดังนั้น เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า  นบีมุฮัมมัดจึงให้ผู้ทำฮัจญ์ทั้งหมดออกจากทุ่งอะเราะฟะฮฺเพื่อไปทำอีกภารกิจหนึ่ง  นั่นคือ การขว้างหินเพื่อระลึกถึงวีรกรรมแห่งความศรัทธาของอับราฮัมที่ต่อสู้กับซาตานเมื่อมันมายั่วยุให้ฝ่าฝืนคำบัญชาของพระเจ้า

นบีมุฮัมมัดต้องการจะสอนมนุษย์ว่า ก่อนวิญญาณจะกลับไปหาพระเจ้าด้วยความปลอดภัย  มนุษย์ต้องต่อสู้และเอาชนะซาตานให้ได้เสียก่อน


You must be logged in to post a comment Login