- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 6 hours ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 23 hours ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 4 days ago
- บทเรียนพระสายมูPosted 5 days ago
- ไม่ตายก็คางเหลืองPosted 6 days ago
- ช่วยกันเป็นฮีโร่Posted 7 days ago
- อย่าอ่อนแอแพ้ต่อกิเลสPosted 1 week ago
- พระรัตนตรัยดีที่ 1Posted 2 weeks ago
- ประเทศต้องเดินหน้าได้Posted 2 weeks ago
- เด็กไทยต้องทำชีวิตก้าวหน้าPosted 2 weeks ago
ชีวิตเร้นลับในโลกมนุษย์ (1)
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 19 พ.ค. 66 )
โลกที่เราอาศัยอยู่นี้ไม่มีแต่เพียงมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายที่เราเคยเห็นและไม่เคยเห็นเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตที่เร้นลับและมนุษย์มองไม่เห็นรวมอยู่ด้วย
การมองสิ่งใดไม่เห็นไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นไม่มี กระแสไฟฟ้า ออกซิเจน กลิ่นเหม็น ความเจ็บปวดเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น แต่เรารับรู้การมีอยู่ของสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าของเรา บางสิ่งเช่นอะตอม เราเชื่อว่ามีอยู่ แม้มองไม่เห็น แต่ก็มีแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้อ้างอิง นั่นคือนักวิทยาศาสตร์
อย่างไรก็ตาม ยังมีสิ่งเร้นลับที่พ้นญาณวิสัยหรือเกินประสาทสัมผัสของเรา เช่น นรกและสวรรค์ วิญญาณ ญินและทูตสวรรค์ซึ่งมีกล่าวอยู่ในคำสอนของทุกศาสนา แต่เพราะมนุษย์ไม่สามารถสัมผัสสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า มนุษย์จึงต้องใช้สติปัญญาและความเชื่อโดยอาศัยพระเจ้าผู้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่งเป็นแหล่งข้อมูล
การขาดความรู้เรื่องสิ่งมีชีวิตเร้นลับนี้เองที่ทำให้มนุษย์เข้าใจผิดจนถึงกับกราบไหว้บูชาสิ่งที่มนุษย์คิดว่ามีอำนาจศักดิ์สิทธิ์ทั้งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเองหรือสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติจนลืมกราบไหว้พระเจ้าผู้สร้างทุกสรรพสิ่งขึ้นมา
ด้วยเหตุนี้ คัมภีร์กุรอานจึงถูกส่งมายังนบีมุฮัมมัดเพื่อสร้างความกระจ่างในเรื่องสิ่งเร้นลับให้แก่ชาวอาหรับที่เสพติดการกราบไหว้บูชารูปเคารพสารพัดรูปร่าง
คำสอนของอิสลามกำหนดให้มุสลิมต้องศรัทธาใน “สิ่งเร้นลับ” อันได้แก่พระเจ้า นรก สวรรค์ ทูตสวรรค์(มลาอิก๊ะฮฺ) ญินและวิญญาณ หมายถึงการเชื่ออย่างมั่นใจว่าสิ่งที่กล่าวมานี้มีจริงโดยไม่มีข้อสงสัย แต่ขณะเดียวกัน คัมภีร์กุรอานก็ให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างชัดเจนจนมุสลิมไม่มีการกราบไหว้ วิงวอน บนบานหรืออธิษฐานต่อรูปเคารพหรือวัตถุบูชาใดๆอีกนอกไปจากพระเจ้าองค์เดียว
เรื่องความเชื่อในการมีอยู่ของพระเจ้าและเรื่องสวรรค์กับนรกมีอยู่ในคำสอนของทุกศาสนา แม้จะเป็นเรื่องสำคัญและใหญ่ที่สุด แต่ก็เป็นเรื่องง่ายที่สุดที่มนุษย์สามารถเข้าใจได้ด้วยสติปัญญา แต่สิ่งเร้นลับที่ทำให้มนุษย์สับสนและไม่เข้าใจก็คือ ทูตสวรรค์(มลาอิก๊ะฮฺ) ญินและวิญญาณ
ดังนั้น เพื่อไม่ให้มนุษย์สับสนในเรื่องสิ่งเร้นลับทั้งสามอย่างนี้ คัมภีร์กุรอานได้ให้ข้อมูลไว้ชัดเจนว่าสิ่งเร้นลับทั้งสามนี้มีความแตกต่างกันทุกอย่าง
ทูตสวรรค์(มลาอิก๊ะฮฺ)หรือที่ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Angels ถูกสร้างมาจากแสงสว่าง มีมาก่อนมนุษย์ ประชากรมลาอิก๊ะฮฺมีมากมายจนไม่อาจนับจำนวนได้ ถูกสร้างมาเพื่อรับใช้พระเจ้าในกิจการต่างๆ เช่น ญิบรีลทำหน้าที่นำสาส์นจากพระเจ้ามายังศาสนทูตของพระองค์ อิสรอฟีลทำหน้าที่เป่าแตรส่งสัญญาณวันสิ้นโลก มุงกัรฺและนะกีรฺทำหน้าที่สอบสวนผู้ตายในหลุมฝังศพและอื่นๆ เป็นต้น
ชาวคริสเตียนได้รับข้อมูลความรู้มาก่อนว่าทูตสวรรค์มีปีก คัมภีร์กุรอานก็ยืนยันในเรื่องนี้และบอกเพิ่มเติมว่ามลาอิก๊ะฮฺแต่ละกลุ่มมีจำนวนปีกไม่เท่ากัน มลาอิก๊ะฮฺไม่กิน ไม่ดื่ม ไม่มีความต้องการทางเพศ รับใช้พระเจ้าโดยไม่ฝ่าฝืนหรือบิดพลิ้ว มลาอิก๊ะฮฺบางองค์สามารถปรากฏตัวในร่างของมนุษย์ได้
ญินเป็นสิ่งมีชีวิตเร้นลับอีกอย่างหนึ่ง แต่เป็นคนละเผ่าพันธุ์กับมลาอิก๊ะฮฺ ญินถูกสร้างมาจากไฟ มีเจตนารมณ์เสรีเหมือนมนุษย์ ญินจึงมีทั้งญินดีและญินชั่วเหมือนกับมนุษย์ ญินชั่วถูกเรียกว่าชัยฏอนหรือซาตาน ถ้าอาดัมและเอวาเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ อิบลีสก็เป็นบรรพบุรุษของญินที่มีอยู่ก่อนอาดัมและอิบลีสกับอาดัมเคยพบกันมาก่อนที่จะมายังโลกนี้ ถ้าอาดัมและเอวามีลูกมีหลาน ญินก็มีทั้งเพศหญิงและเพศชายที่ออกลูกออกหลานอยู่บนโลกใบนี้เช่นกัน
ส่วนวิญญาณที่พระเจ้าเป่าเข้าไปในดินที่นำมาสร้างอาดัมนั้น แม้เป็นสิ่งเร้นลับเช่นกัน แต่พระเจ้าไม่ได้ให้ข้อมูลว่าสร้างมาจากอะไร แม้นบีมุฮัมมัดจะได้รับความรู้เรื่องมลาอิก๊ะฮฺกับญิน แต่เมื่อมีคนมาถามท่านเรื่องวิญญาณ ท่านได้แต่ตอบไปว่าความรู้เรื่องวิญญาณนั้นอยู่ที่พระเจ้า ดังนั้น จนทุกวันนี้จึงไม่มีใครรู้ว่าวิญญาณถูกสร้างมาจากอะไร
คัมภีร์กุรอานกล่าวว่าอิบลีสถูกส่งมายังโลกนี้พร้อมกับอาดัมและเอวา ก่อนถูกส่งมา พระเจ้าได้กำชับอาดัมและเอวาว่าอิบลีสจะเป็นศัตรูกับคนทั้งสองและมนุษย์ผู้เป็นลูกหลานของเขาทั้งสองจนถึงวันสิ้นโลก ส่วนอิบลีสเป็นศัตรูกับคนทั้งสองเพราะเหตุใด กรุณาติดตามในตอนต่อไป
You must be logged in to post a comment Login