วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ชีวิตเร้นลับในโลกมนุษย์ (1)

On May 19, 2023

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่   19 พ.ค. 66 )

โลกที่เราอาศัยอยู่นี้ไม่มีแต่เพียงมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายที่เราเคยเห็นและไม่เคยเห็นเท่านั้น  แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตที่เร้นลับและมนุษย์มองไม่เห็นรวมอยู่ด้วย

การมองสิ่งใดไม่เห็นไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นไม่มี กระแสไฟฟ้า ออกซิเจน  กลิ่นเหม็น  ความเจ็บปวดเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น  แต่เรารับรู้การมีอยู่ของสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าของเรา  บางสิ่งเช่นอะตอม เราเชื่อว่ามีอยู่  แม้มองไม่เห็น แต่ก็มีแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้อ้างอิง นั่นคือนักวิทยาศาสตร์ 

อย่างไรก็ตาม ยังมีสิ่งเร้นลับที่พ้นญาณวิสัยหรือเกินประสาทสัมผัสของเรา เช่น นรกและสวรรค์ วิญญาณ  ญินและทูตสวรรค์ซึ่งมีกล่าวอยู่ในคำสอนของทุกศาสนา  แต่เพราะมนุษย์ไม่สามารถสัมผัสสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า  มนุษย์จึงต้องใช้สติปัญญาและความเชื่อโดยอาศัยพระเจ้าผู้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่งเป็นแหล่งข้อมูล

การขาดความรู้เรื่องสิ่งมีชีวิตเร้นลับนี้เองที่ทำให้มนุษย์เข้าใจผิดจนถึงกับกราบไหว้บูชาสิ่งที่มนุษย์คิดว่ามีอำนาจศักดิ์สิทธิ์ทั้งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเองหรือสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติจนลืมกราบไหว้พระเจ้าผู้สร้างทุกสรรพสิ่งขึ้นมา

ด้วยเหตุนี้  คัมภีร์กุรอานจึงถูกส่งมายังนบีมุฮัมมัดเพื่อสร้างความกระจ่างในเรื่องสิ่งเร้นลับให้แก่ชาวอาหรับที่เสพติดการกราบไหว้บูชารูปเคารพสารพัดรูปร่าง 

คำสอนของอิสลามกำหนดให้มุสลิมต้องศรัทธาใน “สิ่งเร้นลับ” อันได้แก่พระเจ้า  นรก สวรรค์  ทูตสวรรค์(มลาอิก๊ะฮฺ) ญินและวิญญาณ  หมายถึงการเชื่ออย่างมั่นใจว่าสิ่งที่กล่าวมานี้มีจริงโดยไม่มีข้อสงสัย  แต่ขณะเดียวกัน  คัมภีร์กุรอานก็ให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างชัดเจนจนมุสลิมไม่มีการกราบไหว้ วิงวอน บนบานหรืออธิษฐานต่อรูปเคารพหรือวัตถุบูชาใดๆอีกนอกไปจากพระเจ้าองค์เดียว

เรื่องความเชื่อในการมีอยู่ของพระเจ้าและเรื่องสวรรค์กับนรกมีอยู่ในคำสอนของทุกศาสนา แม้จะเป็นเรื่องสำคัญและใหญ่ที่สุด  แต่ก็เป็นเรื่องง่ายที่สุดที่มนุษย์สามารถเข้าใจได้ด้วยสติปัญญา  แต่สิ่งเร้นลับที่ทำให้มนุษย์สับสนและไม่เข้าใจก็คือ ทูตสวรรค์(มลาอิก๊ะฮฺ)  ญินและวิญญาณ

ดังนั้น  เพื่อไม่ให้มนุษย์สับสนในเรื่องสิ่งเร้นลับทั้งสามอย่างนี้  คัมภีร์กุรอานได้ให้ข้อมูลไว้ชัดเจนว่าสิ่งเร้นลับทั้งสามนี้มีความแตกต่างกันทุกอย่าง 

ทูตสวรรค์(มลาอิก๊ะฮฺ)หรือที่ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Angels ถูกสร้างมาจากแสงสว่าง มีมาก่อนมนุษย์  ประชากรมลาอิก๊ะฮฺมีมากมายจนไม่อาจนับจำนวนได้ ถูกสร้างมาเพื่อรับใช้พระเจ้าในกิจการต่างๆ เช่น ญิบรีลทำหน้าที่นำสาส์นจากพระเจ้ามายังศาสนทูตของพระองค์  อิสรอฟีลทำหน้าที่เป่าแตรส่งสัญญาณวันสิ้นโลก  มุงกัรฺและนะกีรฺทำหน้าที่สอบสวนผู้ตายในหลุมฝังศพและอื่นๆ เป็นต้น

ชาวคริสเตียนได้รับข้อมูลความรู้มาก่อนว่าทูตสวรรค์มีปีก  คัมภีร์กุรอานก็ยืนยันในเรื่องนี้และบอกเพิ่มเติมว่ามลาอิก๊ะฮฺแต่ละกลุ่มมีจำนวนปีกไม่เท่ากัน  มลาอิก๊ะฮฺไม่กิน ไม่ดื่ม ไม่มีความต้องการทางเพศ รับใช้พระเจ้าโดยไม่ฝ่าฝืนหรือบิดพลิ้ว  มลาอิก๊ะฮฺบางองค์สามารถปรากฏตัวในร่างของมนุษย์ได้

ญินเป็นสิ่งมีชีวิตเร้นลับอีกอย่างหนึ่ง แต่เป็นคนละเผ่าพันธุ์กับมลาอิก๊ะฮฺ ญินถูกสร้างมาจากไฟ  มีเจตนารมณ์เสรีเหมือนมนุษย์ ญินจึงมีทั้งญินดีและญินชั่วเหมือนกับมนุษย์ ญินชั่วถูกเรียกว่าชัยฏอนหรือซาตาน   ถ้าอาดัมและเอวาเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์  อิบลีสก็เป็นบรรพบุรุษของญินที่มีอยู่ก่อนอาดัมและอิบลีสกับอาดัมเคยพบกันมาก่อนที่จะมายังโลกนี้  ถ้าอาดัมและเอวามีลูกมีหลาน  ญินก็มีทั้งเพศหญิงและเพศชายที่ออกลูกออกหลานอยู่บนโลกใบนี้เช่นกัน

ส่วนวิญญาณที่พระเจ้าเป่าเข้าไปในดินที่นำมาสร้างอาดัมนั้น  แม้เป็นสิ่งเร้นลับเช่นกัน  แต่พระเจ้าไม่ได้ให้ข้อมูลว่าสร้างมาจากอะไร  แม้นบีมุฮัมมัดจะได้รับความรู้เรื่องมลาอิก๊ะฮฺกับญิน  แต่เมื่อมีคนมาถามท่านเรื่องวิญญาณ  ท่านได้แต่ตอบไปว่าความรู้เรื่องวิญญาณนั้นอยู่ที่พระเจ้า  ดังนั้น จนทุกวันนี้จึงไม่มีใครรู้ว่าวิญญาณถูกสร้างมาจากอะไร  

คัมภีร์กุรอานกล่าวว่าอิบลีสถูกส่งมายังโลกนี้พร้อมกับอาดัมและเอวา ก่อนถูกส่งมา  พระเจ้าได้กำชับอาดัมและเอวาว่าอิบลีสจะเป็นศัตรูกับคนทั้งสองและมนุษย์ผู้เป็นลูกหลานของเขาทั้งสองจนถึงวันสิ้นโลก  ส่วนอิบลีสเป็นศัตรูกับคนทั้งสองเพราะเหตุใด กรุณาติดตามในตอนต่อไป 


You must be logged in to post a comment Login