วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ชูของขวัญวันเด็กปี66 “โรงเรียน….ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า”

On January 13, 2023

ทุกวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมได้ถูกกำหนดขึ้นให้เป็นวันเด็กแห่งชาติ ในหลายๆหน่วยงานได้จัดกิจกรรมต่างๆให้กับเด็กๆ จะมีใครคิดหรือไม่ว่าของขวัญที่ดีที่สุดของเด็กที่ผู้ใหญ่หยิบยื่นให้อาจจะไม่ใช่ของขวัญที่จับต้องได้ แต่เป็นการวางรากฐาน กฎ กติกา เพื่อให้เยาวชนมีสุขภาพที่ดีห่างไกลจากเสพติด โดยเริ่มจากโรงเรียนให้ทุกโรงเรียนจะเป็นโรงเรียน…ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า

ในประเทศไทย“บุหรี่ไฟฟ้า” เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ไม่สามารถซื้อขายกันได้ แต่ในความเป็นจริงในโลกโซลเซียลเรากลับเห็นการรขายบุหรี่ไฟฟ้าเกลื่อนไปหมด ในขณะเดียวกันกลุ่มผู้ผลิตบุหรี่รวมทั้งบุหรี่ไฟฟ้าต่างมีกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดคือ กลุ่มเยาวชนและคนรุ่นใหม่ ภาพลักษณ์ของการสูบบุหรี่ไฟฟ้าจึงทำให้ห็นว่า คนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าคือคนรุ่นใหม่ทันสมัย มีรสนินยมที่ดี รวมทั้งเป็นกลุ่มที่มีฐานะที่ดีในระดับหนึ่ง

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564  พบว่า  ประชากรไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป จำนวน 57 ล้านคน พบมีผู้สูบบุหรี่ 9.9 ล้านคน คิดเป็น 17.4% ผู้ชายสูบบุหรี่มากกว่าผู้หญิงถึง 20 เท่า ขณะที่ข้อมูลการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของคนไทย โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ เก็บข้อมูลผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าครั้งแรกเมื่อปี 2557 ซึ่งขณะนั้นประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายห้ามบุหรี่ไฟฟ้า พบคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปสูบบุหรี่ไฟฟ้า 49,180 คน คิดเป็น 0.09%  ซึ่งหลังจาก พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 เริ่มบังคับใช้ และมีการห้ามจำหน่าย นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว การสำรวจล่าสุดคือเมื่อปี 2564 จำนวนคนสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มเป็น 78,742 คน คิดเป็น 0.14% ซึ่งการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าเข้าสู่โรงเรียนรุนแรงมากขึ้นในปี 2565 ที่ผ่านมา  จากการโฆษณาส่งเสริมการขายทางอินเทอร์เน็ต การวางขายตามตลาดนัดและที่อื่น ๆ อย่างผิดกฎหมาย ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าว

จากข้อมูลของ ศ.นพ.ประกิต สะท้อนให้แห็นว่าบุหรี่ไฟฟ้าแม้จะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่กลับได้รับความนิยมและมีแนวโน้มจำนวนผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าสูงขึ้น ในเรื่องนี้ รศ.ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้แจงถึงสาเหตุของการสูบบุหรี่ไฟฟ้าว่า ข้อมูลงานวิจัยบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนไทยระดับมัธยมต้นอายุ 11-16 ปี (อายุเฉลี่ย 13 ปี) พบสาเหตุสำคัญ 5 ประการ ที่ทำให้เด็กไทยติดบุหรี่ไฟฟ้า 1.มีพ่อแม่หรือคนในครอบครัวสูบบุหรี่ไฟฟ้า 2.มีเพื่อนสูบบุหรี่ไฟฟ้า 3.เพื่อนและคนรอบตัวมองว่าการสูบบุหรี่เป็นเรื่องปกติ 4.เคยสูบบุหรี่ธรรมดามาก่อน 5.เข้าใจผิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีอันตราย โดยเด็กกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะสูบบุหรี่ธรรมดาเพิ่มขึ้นถึง 5.3 เท่า นอกจากนี้ ยังพบว่าเด็กที่ไม่เคยสูบบุหรี่ใด ๆ มาก่อน เมื่อเริ่มลองสูบบุหรี่ไฟฟ้าจนติดต้องสูบเป็นประจำ ภายในระยะเวลา 1 ปี จะมีแนวโน้มที่จะเริ่มลองสูบบุหรี่ธรรมดาเพิ่มขึ้น 5.4 เท่า และมีแนวโน้มที่จะติดทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ธรรมดา (dual use) เพิ่มขึ้นถึง 7 เท่า แสดงให้เห็นถึงปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Gateway effects ของบุหรี่ไฟฟ้า หรือประตูสู่สารเสพติดอื่น ๆ รวมถึงบุหรี่ธรรมดา

นอกจากนี้ ศ.นพ.ประกิต กล่าวต่อว่า  ข้อมูลล่าสุดจากต่างประเทศพบว่า  วัยรุ่นที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเกิดการเสพติดนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้ารุนแรงและเลิกยากกว่าบุหรี่ธรรมดา  ขณะที่การรณรงค์ในโรงเรียนลดอัตราการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้าได้  และจากข้อมูลที่นำเสนอไว้ข้างต้น  จึงอยากเน้นย้ำและขอเชิญชวนให้ทุกโรงเรียนทั่วประเทศร่วมกันประกาศและสื่อสารรณรงค์ให้  “โรงเรียน…ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” และร่วมกันขับเคลื่อนงานโรงเรียนปลอดบุหรี่เชิงลึก ดำเนินไปอย่างเป็นรูปธรรม ต่อเนื่อง และยั่งยืน  เพื่อแสดงเจตนารมณ์อันมุ่งมั่นในการควบคุมยาสูบในโรงเรียน มุ่งเน้นให้นักเรียนและบุคลากรของโรงเรียนได้มีส่วนร่วมในกระบวนการเฝ้าระวังและป้องกันการสูบบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า ในโรงเรียน เป็นของขวัญในวันเด็กที่จะถึงนี้

ทั้งนี้ สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย ขานรับแนวคิดของ ศ.นพ.ประกิตที่จะร่วมกันณรงรงค์ให้  “โรงเรียน…ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” โรงเรียนคาทอลิก 379 แห่ง พร้อมพัฒนาสู่ “โรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ โรงเรียนสีขาว” ปลอดสิ่งเสพติด-อบายมุข เป็นของขวัญวันเด็กให้กับเด็กและเยาวชน โดยที่ บาทหลวงเปาโล เอกรัตน์ หอมประทุม เลขาธิการสภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันเด็กและเยาวชนถูกคุกคามจากสิ่งเสพติดต่าง ๆ  บุหรี่เป็นหนึ่งในสิ่งเสพติด การตลาดของบุหรี่โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า ใช้การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ด้วยวิธีที่แนบเนียน จัดจำหน่ายอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์  ทำให้เด็กและเยาวชนตกเป็นเหยื่อของธุรกิจที่มุ่งเน้นผลกำไรทางเศรษฐกิจ และถูกมอมเมาด้วยค่านิยมที่ผิด ๆ ด้วยเหตุดังกล่าวขอมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายในการต่อต้านเสรีบุหรี่ไฟฟ้า และสนับสนุนให้ไทยควรเคร่งครัดในการห้ามจำหน่ายและการใช้บุหรี่ไฟฟ้า เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนไทยจากสิ่งที่ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว

 “ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เด็กและเยาวชนไทยตกอยู่ในสภาวะวิกฤตของการเรียนรู้ ถูกล่อลวง ยั่วยวนด้วยสื่อออนไลน์ที่ทำให้สูญเสียอัตลักษณ์และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่พึงได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสม และเติบโตในสิ่งแวดล้อมที่ดี  ปัญหาการติดบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กัญชาและสิ่งเสพติด เป็นสิ่งที่โรงเรียนคาทอลิกตระหนักและเห็นถึงอันตราย จึงให้ความสำคัญในการส่งเสริมให้สถานศึกษาปลอดสิ่งเสพติด รวมทั้งปลอดจากอบายมุขต่าง ๆ  ส่งเสริมการเป็นโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ โรงเรียนสีขาว” เลขาธิการสภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย กล่าว

อาร์ชบิชอปอันตน วีระเดช ใจเสรี ประมุขอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง และประธานสภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เนื่องในวันเด็กที่กำลังจะมาถึงนี้ ในนามของสภาการศึกษาคาทอลิกในประเทศไทย จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมกันสร้างสังคมและสภาพแวดล้อมที่ดีให้แก่เด็กและเยาวชน เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่และของขวัญวันเด็ก  ผู้ใหญ่มีหน้าที่ต้องปกป้องเด็กให้ห่างไกลจากสิ่งมอมเมาและสิ่งเสพติดต่าง ๆ เพื่อสุขภาวะของเด็ก ครอบครัว สังคมและประเทศไทย

สุดท้าย  “โรงเรียน…ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” จะดำเนินการได้อย่างเห็นผลได้นั้น ครูและผู้ปกครองจะต้องให้ความใส่ใจในบุตรหลานอย่างจริงจัง เพื่อให้เด็กและเยาวชนในวันนี้มีสุขภาพที่ดีในวันข้างหน้า  ทั้งนี้ โรงเรียน หน่วยงานที่ต้องการร่วมรณรงค์ หรือขอสื่อรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ สามารถติดต่อได้ที่ www.smokefreezone.or.th หรือ 0-2278-1828                           


You must be logged in to post a comment Login