วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

นิราศตุปัดตุเป๋ไปสะหวันนะเขต

On October 25, 2022

คอลัมน์ :โลกอสังหาฯ

ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย    

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 25 ต.ค.  65)

ไปสะหวันนะเขต ลาว 1 กลางวันบวกเดินทาง 2 คืน คนแก่อย่างผมทำอย่างไรใน 36 ชั่วโมง บททดสอบสังขารครับ

หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จ ผมก็ออกเดินทางจากบริษัทเวลา 18:15 น ของวันพุธที่ 19 ตุลาคม 2565 โดยนั่งวินไปรถไฟฟ้า BTS ช่องนนทรีย์ วิ่งแค่ 15 นาทีก็ถึง สนนราคาก็ 60 บาท จากนั้นก็ต่อรถไฟฟ้า รวดเร็วทันใจดี แต่มาใจหายตอนต่อรถไฟฟ้าอีกสายที่สยามสแควร์เพราะคนเข้าคิวยาว โชคดีที่คนอยู่หน้าผมถอดใจไม่ขึ้นเพราะเห็นรถแน่ ยืนรอขบวนต่อไป ผมจึงรีบเบียดขึ้นรถไฟฟ้าไปเพราะมีคนลงมากเช่นกัน ค่าโดยสารรถไฟฟ้าก็อีก 45 บาท

รถไฟฟ้าวิ่งมาถึงหมอชิด ผมก็ลง และเจอวินพอดี บอกเขาว่าไปนครชัยแอร์ จตุจักร วินรีบบอกเลยว่า 80 บาทซึ่งถือว่าแพงมาก ระยะทางก็ติดเดียว แต่ก็ต้องยอม ไม่ต่อสักคำ เพราะถือว่า “ผีถึงป่าช้าแล้ว ยังไงก็ต้องเผา”  น้องวินก็ขับแบบด่วนๆ (คงเผื่อจะได้ไปรับลูกค้ารายใหม่) แต่ผมก็พยายามบอกเขาว่าลุงไม่ต้องรีบ และสุดท้ายก็มาถึงสถานีเวลา 19:10 น รวมแล้วใช้เวลา 55 นาทีจากที่ทำงานถึงสถานี) ซึ่งก็ยังทันเวลาเพราะรถออกเวลา 19:41 น

ผมนั่งรอรถสักพักก็ได้ขึ้นรถ พนักงานสาวสวยก็ดูแลดีมาก และโชคดีได้นั่งคู่กับสาวสวยอีกนางหนึ่ง ไม่รู้โชคดีไหมเพราะผมหวังว่าจะได้นั่งคนเดียวในเก้าอี้คู่ในวันธรรมดา แต่ก็ยังดีที่เธอไม่ใช่ผู้ชายตัวใหญ่ๆ ไม่งั้นคงอึดอัดแย่ ที่น่าประทับใจคือพอถึงเวลา 19:41 รถก็ออกเลย นับว่าตรงเวลามาก  น่าแปลกมากที่วันธรรมดาแท้ๆ ก็ยังมีคนนั่งรถทัวร์เต็มคันรถ ทั้งนี้คงเป็นโชคดีของบริษัทรถทัวร์ ที่มุกดาหารไม่มีเครื่องบินลง ต้องลงอุบลราชธานี ซึ่งต้องใช้เวลาอีกราว 3 ชั่วโมงโดยทางรถยนต์จึงจะถึงมุกดาหาร ครั้นจาะลงนครพนม ก็มีเที่ยวบินน้อย

รถถึงมุกดาหารเวลา 06:10 น ก็นับว่าตรงเวลา พอลงรถก็ซื้อตั๋วรถ บขส 99 ข้ามไปฝั่งสะหวันนะเขต ลาว (อันทีจริงพึงเรียกว่านครไกสอน พมวิหาน) รถออก 06:30 น  พอถึงฝั่งลาวก็มีผู้ประสานงานมารับไปทำงานสำรวจ ประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ นับว่าโชคดีเป็นอย่างมากที่คนรู้จักที่ดี เป็นรุ่นน้อง “เทพศิรินทร์” ของผม และท่านมีภริยาเป็นวิศวกรสาวชาวลาว  ผมอยู่สะวันนะเขตถึงราวบ่ายสามโมงก็ข้ามกลับมาฝั่งไทย ทุกอย่างราบรื่นดี

ระหว่างอยู่ฝั่งลาว ผมยังได้มีโอกาสแวะไปดูนิคมอุตสาหกรรมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินค่าทรัพย์สิน แวะชมกาสิโนสะหวันรีสอร์ตซึ่งอยู่ติดกับทรัพย์สินที่ผมไปประเมิน นอกจากนี้ยังไปดูการจัดสรรที่ดินในพื้นที่นี้เพื่อเป็นข้อมูลที่ชี้ให้เห็นว่าตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ราคายังไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมาก  ยิ่งกว่านั้นยังมีโอกาสไปไหว้พระและทำบุญที่วัดพระธาตุอิงฮังเพื่อเป็นสิริมงคลก่อนกลับมาฝั่งไทยอีกด้วย

ผมมีเวลาอีกนานกว่าจะขึ้นรถกลับกรุงเทพมหานคร ก็ราวสองทุ่มครึ่ง เลยแวะไปหาพี่สาวของเพื่อนที่เป็นเจ้าของโรงแรมเคียงพิมาน และเพื่อน “เทพศิรินทร์” อีกคนที่เป็นเจ้าของร้านอะไหล่จักรยานยนต์รายใหญ่ของเมืองมุกดาหาร (ร้านชัยเจริญพาณิชย์) จากนั้นก็ยังได้ไปนวดตัว 2 ชั่วโมง สนนราคาแค่ 400 บาท คือผมตั้งใจไปหลับพักผ่อนก่อนจะนั่งรถทัวร์ตุปัดตุเป๋กลับ นวดเสร็จราว 6 โมงเย็น ผมได้อาบน้ำด้วยก่อนขึ้นเครื่อง (แต่ยังใส่ชุดเดิม โชคดีที่อากาศไม่ร้อน ไม่มีเหงื่อมากนัก)

จากสถานที่นวด (Lb Massage) ตรงข้ามร้านชัยเจริญพาณิชย์ ถนนสมุทรศักดารักษ์ ใจกลางเมืองมุกดาหาร ผมพอมีเวลาอีก 2 ชั่วโมงครึ่ง เลยตัดสินใจเดินราว 2.3 กม ใช้เวลา 40 นาทีก็ถึงสถานีขนส่งมุกดาหาร (ค่อยๆ เดินผ่านตลาดราตรี-ตลาดกลางคืนประจำมุกดาหารไปด้วย) ช่วงนี้อากาศดี ฟ้าโปร่ง ไม่มีฝน อุณหภูมิอยู่ที่ 25 องศา เมื่อเดินถึงก็นั่งรอ พอถึงเวลา 20:29 รถก็ออก (ออกก่อนเวลา 1 นาทีเพราะคนครบแล้ว)

สุดท้ายก็เดินทางมาถึงกรุงเทพมหานคร ก่อนเวลา 06:00 น ของวันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2565 ผมก็รีบขึ้นแท็กซี่มาถึงตลาดรุ่งเจริญ เขตยานนาวา ค่าโดยสารก็เพียง 130 บาท (จ่ายไป 140 บาท) มาถึงก็ซื้ออาหารคาวหวานไป “หม่ำ” กับแม่และน้องชายที่บ้านน้องชายตามปกติสุขทุกวันยามเช้า เสร็จแล้วก็กลับมาอาบน้ำพักผ่อนสักหน่อยก่อนมาลุยงานต่อในวันเดียวกัน

ที่เล่ามานี้บางท่านอาจสงสารหรือถึงขั้นสมเพชที่ผมแก่ขนาดนี้ (อายุ 64 ปี) ยังออกตรากตรำทำงานเอง แต่ผมมองว่าเป็นการทดสอบสังขารและยังรักงานสำรวจวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามอยู่ครับ


You must be logged in to post a comment Login