วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2567

ที่มาของพิธีฮัจญ์

On July 8, 2022

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 8 ก.ค. 65)

จากเรื่องราวการสร้างอาดัมที่ปรากฏในคัมภีร์ไบเบิลและคัมภีร์กุรอาน  อาดัมรู้จักพระเจ้าว่าเป็นผู้ทรงสร้างเขาขึ้นมา  แต่เมื่ออาดัมถูกส่งมายังโลกนี้  มนุษย์ที่เป็นลูกหลานของเขาได้หันไปเคารพกราบไหว้วัตถุบูชาที่สร้างกันขึ้นมาเองแทนที่จะเคารพสักการะพระเจ้าที่เป็นผู้สร้าง  ดังนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าที่แท้จริงจึงขาดสะบั้นลง

เมื่อหลงกราบไหว้วัตถุบูชาที่ไม่สามารถให้คำสั่งสอนทางศีลธรรม มนุษย์ก็ทำอะไรตามใจชอบจนเกิดความเสื่อมทราม  แม้พระเจ้าจะส่งนบีมาตักเตือน  แต่ผู้คนกลับปฏิเสธ พระเจ้าจึงทำลายผู้คนในชุมชนเหล่านั้น เช่น ชุมชนของโนอาห์ในตอนเหนือของอิรัก  ชาวอ๊าดและชาวษะมูดในคาบสมุทรอาหรับ

หลังจากนั้น คัมภีร์กุรอานได้เล่าว่าการกราบไหว้วัตถุบูชาได้เกิดขึ้นอีกที่เมืองอูร์ริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรตีสในอิรักปัจจุบันเมื่อประมาณสามพันกว่าปีก่อน  พระเจ้าจึงให้หนุ่มน้อยที่ชื่อว่าอับราฮัม(อิบรอฮีม)มาเตือนสติผู้คนในชุมชนนั้น

พ่อของอับราฮัมเป็นคนทำรูปปั้นขายให้ผู้คนนำไปสักการบูชา อับราฮัมสงสัยตั้งแต่ยังเป็นเด็กแล้วว่ารูปปั้นที่พ่อของเขาทำขึ้นมาจะเป็นพระเจ้าได้อย่างไรในเมื่อรูปปั้นเหล่านั้นไม่สามารถขับไล่แม้แต่แมลงวันและหนูที่ไต่อยู่บนตัวและกินอาหารที่ผู้คนนำมาเซ่นไหว้ได้  เขาจึงเริ่มแสวงหาพระเจ้าที่แท้จริง

อับราฮัมมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและคิดว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นพระเจ้า  แต่เมื่อเขาเห็นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์หายลับขอบฟ้าไป  เขาก็สรุปได้ทันทีว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ไม่ใช่พระเจ้า  แต่ผู้สร้างและผู้วางกฎการโคจรของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ต่างหากที่เป็นพระเจ้า  เขาจึงเกิดความเชื่อมั่นว่าพระเจ้าที่แท้จริงต้องเป็นผู้สร้างและผู้ควบคุมทุกสิ่ง

ในเวลานั้น  อับราฮัมเป็นเยาวชนคนเดียวเท่านั้นที่เชื่อในพระเจ้าองค์เดียวและเขาต่อต้านการกราบไหว้บูชารูปปั้น   ผู้คนทั้งหมดจึงไม่พอใจเขา แม้แต่พ่อของเขาเองก็ไม่พอใจถึงขั้นขับไล่เขาออกไปจากบ้าน

เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้ชาวเมืองเห็นว่าวัตถุบูชาและรูปปั้นที่ผู้คนกราบไหว้นั้นไม่ใช่พระเจ้าและไม่มีความศักดิ์สิทธิ์พอที่จะป้องกันตนเอง  เขาได้แอบทำลายรูปปั้นที่ผู้คนกราบไหว้และให้ผู้คนถามรูปปั้นเหล่านั้นดูว่าใครเป็นคนทำ  ท่าทีของอับราฮัมสร้างความโกรธแค้นให้ผู้คนเป็นอย่างมาก ผู้คนจึงนำเขาไปให้กษัตริย์ตัดสินและเขาถูกพิพากษาลงโทษด้วยการเผาทั้งเป็น

คัมภีร์กุรอานเล่าว่าพระเจ้าได้ช่วยอับราฮัมไว้โดยการทำให้ไฟเย็นไม่เผาไหม้อับราฮัม  เมื่อผู้คนกลับไปแล้ว  อับราฮัมกับนางซาราห์ภรรยาของเขาและโลทลูกพี่ลูกน้องของเขาจึงออกจากเมืองอูร์มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปอาศัยอยู่ในดินแดนกันอานหรือปาเลสไตน์และโลทแยกตัวไปยังเมืองโซดอมในจอร์แดนปัจจุบัน

ระหว่างทาง  อับราฮัมวิงวอนต่อพระเจ้าให้เขามีลูกชายเพื่อสืบสานอุดมการณ์แห่งความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว  แต่เขาก็ยังไม่มีลูกกับนางซาราห์  ดังนั้น เขาจึงแต่งงานกับหญิงพื้นเมืองชาวอียิปต์คนหนึ่งชื่อฮาการ์(หรือฮาญัรฺ)และมีลูกคนแรกกับนางชื่ออิสมาอีลผู้เป็นต้นตระกูลเผ่ากุเรชที่นบีมุฮัมมัดถือกำเนิด

ขณะที่อิสมาอีลยังแบเบาะ  พระเจ้าได้บัญชาให้อับราฮัมนำนางฮาการ์และลูกน้อยไปยังหุบเขาบักก๊ะฮฺ(ในคัมภีร์ไบเบิลเรียกว่า บากาหรือเบกา) ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองมักก๊ะฮฺในปัจจุบันและทิ้งนางฮาการ์และอิสมาอีลลูกน้อยของเขาไว้ที่นั่น

เมื่ออิสมาอีลเติบโตเป็นเด็กหนุ่ม  อับราฮัมได้กลับมายังหุบเขาบักก๊ะฮฺอีกครั้งหนึ่ง และในการกลับมาครั้งนี้ พระเจ้าได้บัญชาให้เขาสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺขึ้นมาเป็นสถานที่สำหรับเคารพสักการะพระเจ้าองค์เดียว  สองพ่อลูกจึงช่วยกันลงมือสร้างตามคำบัญชาของพระเจ้า  เมื่อสร้างเสร็จ  พระเจ้าได้สั่งอับราฮัมให้ไปเรียกร้องผู้คนมาเวียนรอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺและละหมาดในสถานที่แห่งนี้

นับแต่นั้นมา  ก๊ะอฺบ๊ะฮฺได้กลายเป็นมัสยิดแห่งแรกที่ถูกสร้างขึ้นบนหน้าแผ่นดินและเป็นสถานที่ที่ผู้ศรัธาในพระเจ้าองค์เดียวจะมาเวียนรอบในพิธีที่เรียกว่าฮัจญ์


You must be logged in to post a comment Login