วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567

อุมัรฺ แบบอย่างของผู้ปกครอง

On June 24, 2022

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่  24 มิ.ย.  65)

อุมัรฺ บุตรของค็อฏฏอบ เป็นเพียงไม่กี่คนในเมืองมักก๊ะฮฺที่อ่านออกเขียนได้ในสมัยนบีมุฮัมมัดเริ่มเผยแผ่อิสลาม  เขาเกิดในครอบครัวชั้นสูงและได้รับหน้าที่เป็นผู้เจรจากับเผ่าอื่นๆ  แต่กระนั้น อุมัรฺก็เป็นคนจริงจัง เด็ดขาดและห้าวหาญจนเป็นที่เกรงขามของชาวเมืองมักก๊ะฮฺ

เมื่อนบีมุฮัมมัดเผยแผ่อิสลามและมีชาวอาหรับหันมานับถืออิสลามมากขึ้น การต่อต้านจึงทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน  ในที่สุด เมื่ออุมัรฺรับรู้ปัญหาที่สร้างความไม่พอใจให้แก่กลุ่มผู้นำ เขาจึงอาสากำจัดนบีมุฮัมมัดผู้ถูกถือว่าเป็นต้นเหตุด้วยตัวเอง  แต่เมื่อเขาได้อ่านกุรอานเพียงสองสามข้อความจากแผ่นหนังที่น้องสาวของเขาถืออยู่  เขาได้รีบตรงไปหานบีมุฮัมมัดพร้อมกับดาบในมือ เมื่อไปถึง แทนที่จะใช้ดาบสังหารนบีมุฮัมมัดตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก  เขากลับวางดาบไว้ต่อหน้านบีมุฮัมมัดและกล่าวคำปฏิญาณตนเข้ารับอิสลาม

การเข้ารับอิสลามของอุมัรฺทำให้ศัตรูตัวฉกาจของนบีมุฮัมมัดหมดไปหนึ่งคน แต่ในขณะเดียวกัน นบีมุฮัมมัดกลับได้คนสำคัญมาเสริมความเข้มแข็งให้อิสลาม  เพราะหลังจากนั้น อุมัรฺได้ติดตามรับใช้นบีมุฮัมมัดในทุกสถานการณ์จนกระทั่งนบีมุฮัมมัดเสียชีวิต

หลังการเสียชีวิตของนบีมุฮัมมัด  อบูบักรฺสหายสนิทของนบีได้ขึ้นมาเป็นเคาะลีฟะฮฺคนแรกสืบทอดตำแหน่งผู้ปกครองมุสลิม  หลังจากอยู่ในตำแหน่งได้สองปีกว่า เคาะลีฟะฮฺอบูบักรฺได้จบชีวิตลง  อุมัรฺได้รับการคัดเลือกให้ขึ้นมาเป็นเคาะลีฟะฮฺคนที่สองปกครองประชาคมมุสลิมต่อ

ยุคสมัยการปกครองของเคาะลีฟะฮฺอุมัรฺถือเป็นยุคทองของอิสลาม เพราะอาณาจักรเปอร์เซียที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีตถูกมุสลิมพิชิตได้และความมั่งคั่งของอาณาจักรเปอร์เซียได้หลั่งไหลเข้าสู่เมืองมะดีนะฮฺ

ถึงแม้มุสลิมเริ่มมีความมั่งคั่ง แต่เคาะลีฟะฮฺอุมัรฺกลับใช้ชีวิตสมถะและรับผิดชอบต่อผู้อยู่ใต้ปกครองเป็นอย่างมาก  ครั้งหนึ่ง เมื่อเกิดภาวะอดอยากขาดแคลนทั่วแผ่นดินอาหรับ  เขาทนลำบากเพื่อให้แน่ใจว่าการบรรเทาทุกข์จะต้องไปถึงประชาชนทุกคนและจะต้องไม่มีใครเข้านอนด้วยความหิว

คืนหนึ่ง อุมัรฺออกตระเวนรอบเมืองตามปกติโดยมีอัสลัมคนรับใช้ของเขาติดตามไปด้วย ตอนดึกของคืนนั้นมีแต่ความเงียบจนอุมัรฺคิดว่าคงไม่มีใครในเมืองเดือดร้อนจากความหิว  แต่เมื่อเขาเลี้ยวเพื่อไปยังอีกเส้นทางหนึ่ง เขาเห็นกระท่อมหลังหนึ่งมีแสงไฟอยู่และเขาได้ยินเสียงร้องของเด็กจากที่นั่น  เมื่อเขาตรงไปยังกระท่อมหลังนั้นและเห็นผู้หญิงในบ้านกำลังปรุงอาหารอยู่ท่ามกลางเสียงร้องของเด็ก

อุมัรฺเคาะประตูกระท่อมและถามผู้หญิงข้างในว่า “ทำไมเด็กถึงร้องไห้?”  นางกล่าวว่า “เด็กๆหิวกัน”   อุมัรฺจึงถามว่า “นางกำลังทำอะไรอยู่?”  นางตอบว่า “ในกาใบนี้มีน้ำกับหิน ฉันแกล้งทำเป็นปรุงอาหารเพื่อให้เด็กๆหยุดร้องเพราะคิดว่าฉันกำลังปรุงอาหารอยู่”  อันที่จริงแล้ว เธออยากให้เด็กร้องจนเหนื่อยเพื่อที่เด็กจะได้หลับไปเอง

เมื่อได้ยินเช่นนั้น  อุมัรฺรู้สึกผิดที่ดูแลคนใต้การปกครองของเขาไม่ทั่วถึง  เขาบอกหญิงคนนั้นว่า ”ฉันจะช่วยเหลือครอบครัวของนางเดี๋ยวนี้เลย”

อุมัรฺกลับไปยังกองคลังสาธารณะและรวบรวมปัจจัยยังชีพใส่ถุงแบกมายังกระท่อมหลังนั้นด้วยตัวเอง  อัสลัมคนรับใช้ของเขารบเร้าจะแบกถุงเสบียงแทนเขา  แต่อุมัรฺกล่าวว่า “ในวันโลกหน้าไม่มีใครแบกความรับผิดชอบแทนฉัน” เมื่อมาถึงกระท่อม เขาได้มอบถุงเสบียงให้แก่ผู้หญิงคนนั้นนำไปทำอาหารให้เด็กๆกินทันที

นางเล่าให้อุมัรฺฟังว่าพ่อของเด็กๆเสียชีวิตและไม่มีใครดูแล อาหารที่เหลืออยู่ได้ถูกนำมากินจนหมดและเด็กๆอดอาหารมาสองวันแล้ว

อุมัรฺถามผู้หญิงคนนั้นว่าทำไมนางไม่ไปร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือต่อเคาะลีฟะฮฺ นางตอบว่านางก็มีศักดิ์ศรีพอที่จะไม่ไปขอใครและกล่าวว่ามันเป็นหน้าที่ของเคาะลีฟะฮฺเองที่จะต้องรับผิดชอบประชาชนไม่ให้หิวโหย นางพูดโดยที่นางไม่รู้ว่าคนที่นางพูดด้วยคือเคาะลีฟะฮฺผู้ปกครองประชาคมมุสลิม

เมื่ออุมัรฺได้ยินเช่นนั้น เขาจึงกล่าวว่า “นางพูดถูก ขอโทษด้วยสำหรับความบกพร่องผิดพลาดของฉัน และในอนาคต ฉันจะรับผิดชอบดูแลนางและคนอื่นๆไม่ให้หิวโหย”


You must be logged in to post a comment Login