วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

มหัศจรรย์แห่งคัมภีร์กุรอาน

On April 22, 2022

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่  22 เม.ย.  65)

ไหนๆเดือนรอมฎอนเป็นเดือนแห่งการประทานคัมภีร์กุรอานและการถือศีลอดของมุสลิมทั่วโลก ก่อนจะสิ้นสุดเดือนรอมฎอน ผมขอนำเรื่องความมหัศจรรย์ของคัมภีร์กุรอานมานำเสนอแก่ท่านผู้อ่าน

คัมภีร์กุรอานถูกประทานมาเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของมนุษยชาติ เป็นเกณฑ์จำแนกแยกแยะความดีออกจากความชั่วและเป็นสิ่งคอยเตือนมนุษย์ให้นึกถึงการมีอยู่ของพระเจ้าที่มนุษย์จะต้องกลับไปรับการพิพากษาจากพระองค์หลังความตาย  เนื้อหาของคัมภีร์กุรอานจึงเป็นเรื่องของมนุษย์ล้วนๆ

เมื่อเป็นเรื่องของมนุษย์  พระเจ้าจึงต้องเลือกมนุษย์มารับคำสอนของพระองค์ไปปฏิบัติให้เป็นตัวอย่างก่อนและค่อยสั่งสอนผู้คน ภาษาอาหรับเรียกบุคคลผู้ทำหน้าที่นี้ว่า “นบี” (แปลว่าผู้บอกข่าว) แน่นอน  ภารกิจนี้เป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่  ดังนั้น พระเจ้าจึงต้องเลือกมนุษย์ที่มีคุณสมบัติทางศีลธรรมอันสูงสูงส่ง มีจิตวิญญาณที่เข้มแข็งและมีความอดทนเป็นเลิศ

นบีทุกคนบอกผู้คนในยุคของท่านว่าคำสอนของท่านมาจากพระเจ้า  แต่เมื่อนบีเป็นปุถุชนธรรมดาเหมือนมนุษย์ทั่วไป  ใครเล่าจะเชื่อและกล้าที่จะยอมทำตาม เหมือนกับเราจะเชื่อฟังแพทย์ก็ต่อเมื่อเห็นใบปริญญาและใบประกอบโรคศิลป์เป็นหลักฐานเสียก่อน  ดังนั้น พระเจ้าจึงประทานหลักฐานยืนยันให้แก่นบีซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจทำได้นอกจากพระเจ้าเท่านั้น นั่นคือสิ่งมหัศจรรย์หรือปาฏิหาริย์

โมเสสได้รับไม้เท้าที่โยนลงไปบนพื้นแล้วกลายเป็นงู พระเยซูสามารถรักษาคนตาบอดและคนโรคเรื้อนให้หายเป็นหลักฐานยืนยันว่าท่านทั้งสองมาจากพระเจ้า  นบีมุฮัมมัดก็ได้รับสิ่งมหัศจรรย์เช่นนี้เหมือนกันและได้รับมากกว่านบีคนอื่นๆด้วยซ้ำ แต่สิ่งมหัศจรรย์ประเภทนี้เกิดขึ้นตามพระประสงค์ของพระเจ้าเป็นครั้งคราวเพื่อเป็นหลักฐานให้แก่นบี เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็หมดไป

ในบรรดาสิ่งมหัศจรรย์นับร้อยอย่างที่พระเจ้ามอบให้แก่นบีมุฮัมมัดนั้น มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังคงเหลืออยู่ในปัจจุบัน นั่นคือ คัมภีร์กุรอานซึ่งถูกประทานแก่นบีมุฮัมมัดเมื่อประมาณ 1,500 ปีที่แล้ว

ความมหัศจรรย์ของคัมภีร์กุรอานคือ

คัมภีร์กุรอานถูกประทานแก่นบีมุฮัมมัดผู้ไม่รู้หนังสือ ผู้คนในเวลานั้นรู้เรื่องนี้ดี และคัมภีร์กุรอานก็ยืนยันว่านบีมุฮัมมัดมิได้เป็นคนเขียน  แต่คัมภีร์กุรอานเป็นวจนะของพระเจ้าและยังท้าให้มนุษย์ที่เก่งๆให้รวมหัวกันแต่งข้อความที่เหมือนกับกุรอานสักหนึ่งบท ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถทำตามคำท้าได้

คัมภีร์กุรอานไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือสังคายนานับตั้งแต่ถูกประทานมาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้น คนมุสลิมจึงอ่านคัมภีร์กุรอานเหมือนกับนบีมุฮัมมัดและสาวกในยุคของท่านอ่าน

พระเจ้าสัญญาว่าพระองค์จะรักษาคัมภีร์กุรอาน ขณะที่นบีมุฮัมมัดยังมีชีวิต ในเดือนรอมฎอนทุกปี ทูตสวรรค์ที่นำกุรอานมายังนบีมุฮัมมัดจะมาพบท่านเพื่อทบทวนว่าท่านอ่านถูกต้องตามพระประสงค์ของพระเจ้าหรือไม่ และในปีสุดท้ายของชีวิต  ทูตสวรรค์ได้มาพบท่านเพื่อวัตถุประสงค์นี้ถึงสองครั้ง

ปัจจุบัน การรักษาคัมภีร์กุรอานอยู่ในรูปของลายลักษณ์อักษรที่เป็นรูปเล่มและโดยการจดจำ  มีโรงเรียนสอนท่องจำกุรอานในประเทศมุสลิมทั่วโลก  ในเดือนรอมฎอน ประเทศมุสลิมบางแห่งจะมีการประกวดทั้งการอ่านและการท่องจำคัมภีร์กุรอานที่ประกอบด้วย 6,236 วรรคตอน  มีเด็กวัยสิบขวบในประเทศต่างๆทั่วโลกนับแสนคนสามารถท่องจำกุรอานได้ทั้งหมด และในเดือนรอมฎอนอีกเช่นกันที่ผู้ท่องจำกุรอานเหล่านี้จะถูกเชิญไปนำละหมาดเพื่ออ่านคัมภีร์กุรอานให้จบภายใน 30 คืน

คัมภีร์กุรอานถูกประทานมาเมื่อพันกว่าปีก่อน แต่มีหลายตอนที่พูดถึงสิ่งที่โลกเพิ่งรู้เมื่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีความเจริญก้าวหน้าสุดขีด เช่น

“พระองค์ทรงเริ่มต้นการสร้างมนุษย์มาจากดิน หลังจากนั้นก็ทรงแผ่ลูกหลานของเขาออกไปจากสิ่งที่ออกมาจากน้ำอันน่ารังเกียจ  หลังจากนั้น ได้ทรงทำให้เขาเป็นรูปร่าง และทรงเป่าวิญญาณเข้าไปในตัวเขา และพระองค์ได้ประทานหู ตาและหัวใจแก่พวกเขา แต่กระนั้นก็น้อยนักที่สูเจ้าจะขอบคุณ” (กุรอาน 32:7-9)

คำอธิบายวิวัฒนาการของมนุษย์ในครรภ์ดังกล่าวไม่อาจเป็นของมนุษย์ได้นอกจากพระเจ้า แม้ข้อความดังกล่าวดูเหมือนกับข้อมูลความจริงทางวิทยาศาสตร์  แต่สิ่งที่คัมภีร์กุรอานต้องการนำเสนอจากข้อมูลวิวัฒนาการในมดลูกก็คือ ในเมื่อโลกนี้เป็นโลกหน้าของทารกมนุษย์ในครรภ์ แล้วทำไมหลังโลกนี้จะไม่มีอีกโลกหนึ่งรอมนุษย์อยู่ และยังเตือนมนุษย์ให้รู้จักขอบคุณพระเจ้าผู้ทรงสร้างเขามา


You must be logged in to post a comment Login