วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

เมื่อเริ่มต้นยิ่งใหญ่ การจบลงจึงต้องยิ่งใหญ่

On January 28, 2022

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่  28 ม.ค.  65)

ในจักรวาลที่ประกอบด้วยดาวขนาดเล็กและใหญ่นับหลายแสนล้านดวงนั้น โลกของเราเป็นดาวเล็กๆดวงหนึ่ง แต่มีลักษณะพิเศษต่างไปจากดาวดวงอื่นๆ นั่นคือ โลกของเราเป็นดาวที่มีชีวิตอาศัยอยู่โดยเฉพาะมนุษย์

ชีวิตอื่นๆในรูปของพืชและสัตว์เป็นส่วนประกอบที่มีขึ้นเพียงเพื่อรับใช้การดำรงอยู่ของชีวิตมนุษย์บนโลกใบนี้  แต่กระนั้น ชีวิตทั้งหมดบนโลกใบนี้จำเป็นต้องอาศัยปัจจัยจากภายนอกโลกอีกมากมายที่ทำงานประสานกันอย่างเป็นระเบียบและมีระบบ

พืชและต้นข้าวจะเติบโตเป็นอาหารของสัตว์และมนุษย์ได้ต้องอาศัยผืนดิน น้ำ อากาศ แสงแดดจากดวงอาทิตย์  ทั้งหมดนี้ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับมนุษย์และสัตว์ที่เป็นประชากรโลกมาก่อนแล้ว

โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์และโคจรรอบดวงอาทิตย์โดยไม่เคยหยุดแม้แต่วินาทีเดียวเพื่อให้มนุษย์ได้มีเวลากลางวันสำหรับทำงานและกลางคืนสำหรับพักผ่อน  มีฤดูกาลที่ทำให้มนุษย์ได้กินผลไม้ต่างๆตลอดทั้งปี  ดวงจันทร์โคจรอยู่รอบโลกก่อให้เกิดแรงดึงดูดที่ช่วยถ่ายเทน้ำบนผืนโลกผ่านปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงจนมนุษย์สามารถคำนวณได้

กระบวนการทั้งหมดนี้ มนุษย์ไม่ได้เป็นผู้สร้าง และไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ

มนุษย์สงสัยมาตลอดว่าจักรวาลและโลกนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร คำอธิบายล่าสุดของนักวิทยาศาสตร์คือทฤษฎีการระเบิดครั้งใหญ่หรือที่เรียกกันว่า “บิ๊กแบง”  แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถตอบได้ว่าใครเป็นผู้จุดระเบิดที่ทำให้มวลสสารขนาดมหึมาแตกกระจายออกมาเป็นดวงดาวที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ

แต่ในคำสอนของทุกศาสนาที่มีมาก่อนวิทยาศาสตร์กล่าวว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างจักรวาลและสร้างขึ้นมาอย่างมีวัตถุประสงค์  มิได้สร้างขึ้นมาเพื่อความสนุกสนาน ในคัมภีร์กุรอานกล่าวว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์และจักรวาลขึ้นมาเพื่อดูว่าในหมู่มนุษย์จะมีใครที่ศรัทธาในพระองค์และทำความดี

การสร้างทุกสรรพสิ่งในจักรวาลขึ้นมาเพื่อรับใช้มนุษย์จึงเป็นการสร้างที่ยิ่งใหญ่  แม้นักวิทยาศาสตร์จะอธิบายการเกิดขึ้นของจักรวาลด้วยทฤษฎี “บิ๊กแบง”  แต่มุสลิมไม่เคยให้ความสนใจทฤษฎีนั้นเพราะเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่งและเชื่อว่าถ้าพระองค์ประสงค์จะสร้างสิ่งใด เพียงแค่พระองค์กล่าวว่า “จงเกิดขึ้น” ทุกสิ่งก็บังเกิดขึ้นตามพระประสงค์ของพระองค์ทันทีตาที่คัมภีร์กุรอานกล่าวไว้  แต่มุสลิมจะให้ความสนใจเรื่องวัตถุประสงค์ของการสร้างว่ามีความสำคัญมากกว่าและเตรียมตัวเพื่อสิ่งนั้น

แน่นอน เมื่อการสร้างมีความยิ่งใหญ่  การสิ้นสุดก็ต้องยิ่งใหญ่ด้วยเช่นกัน เมื่อการเกิดของมนุษย์มีความหมาย  การตายของมนุษย์ก็ต้องมีความหมายเช่นเดียวกัน

การระเบิดครั้งใหญ่หรือ “บิ๊กแบง” ที่นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่าเป็นสาเหตุให้เกิดจักรวาลและดาวนับแสนล้านดวงเป็นปรากฏการณ์ที่มนุษย์ไม่เคยเห็น  แต่การที่โลกนี้จะจบลงอย่างไร นักวิทยาศาสตร์เองก็ยังไม่รู้ เพราะมนุษย์ไม่ได้เป็นผู้สร้างโลก แค่ภูเขาไฟจะระเบิดเมื่อใด มนุษย์เองก็ยังไม่รู้

ดังนั้น เพื่อให้มนุษย์ได้รู้ว่าโลกจะสิ้นสุดลงในสภาพใดและมนุษย์จะอยู่ในสภาพใดหลังจากนั้น พระเจ้าผู้สร้างโลก สร้างจักรวาลและสร้างมนุษย์จึงได้บอกมนุษย์ไว้ในคัมภีร์กุรอานบทที่ 99 ว่า

“เมื่อแผ่นดินถูกสั่นสะเทือนด้วยการสั่นสะเทือนอย่างสุดแรงของมัน และเมื่อแผ่นดินโยนทุกสิ่งที่มันแบกเอาไว้ข้างในออกมา  มนุษย์จะถามว่า ‘เกิดอะไรขึ้นกับมัน?’  ในวันนั้น มันจะบอกเล่าถึงสิ่งที่

ได้เกิดขึ้น เพราะพระเจ้าของเจ้าทรงบัญชามัน ในวันนั้น มนุษย์จะออกกันมาเป็นหมู่ๆเพื่อที่จะได้เห็นการงานของพวกเขา  ดังนั้น ใครก็ตามที่ได้ทำความดีไว้แม้เพียงอณูหนึ่งจะได้เห็นมัน  และใครก็ตามที่

ได้ทำความชั่วไว้แม้เพียงอณูหนึ่งก็จะได้เห็นมัน”

แม้จะไม่มีใครเห็นปรากฏการณ์บิ๊กแบงที่นักวิทยาศาสสตร์เชื่อกันว่าเป็นสาเหตุทำให้เกิดโลกและจักรวาล  แต่การได้เห็นการระเบิดของภูเขาไฟในหมู่เกาะตองกาและภูเขาไฟลูกอื่นๆก่อนหน้านี้  คงจะพอให้มนุษย์จินตนาการได้ถึงการระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆของโลกเมื่อวันโลกาอวสานมาถึง

ความตายอาจดูน่ากลัว  แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นมากมายคือสิ่งที่จะตามมาหลังความตาย


You must be logged in to post a comment Login