- อย่าเอายศไปทำความอัปยศPosted 8 hours ago
- แนะพระอย่าลืม 4 รักPosted 1 day ago
- ยิ้มไว้ไม่ทุกข์สนุกดีPosted 2 days ago
- กวาดล้างพวกขี้เหล้า-เมายาPosted 4 days ago
- ฟังกันบ้างPosted 1 week ago
- เป้าหมาย “สงกรานต์”Posted 1 week ago
- ตำรวจน้ำดียังมีPosted 1 week ago
- อุทาหรณ์ลูกเนรคุณPosted 2 weeks ago
- อย่าลืมเรื่องศีลธรรมPosted 2 weeks ago
- ผีซ้ำกรรมซัดPosted 2 weeks ago
กำเนิดธนาคารอิสลาม
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการตื่นตัวทางศาสนาของมุสลิมในเอเชียอาคเนย์และในส่วนอื่นๆของโลกเป็นผลสืบเนื่องมาจากความตื่นตัวของนักวิชาการอิสลามในย่านตะวันออกกลางที่อยากจะเห็นอิสลามกลับมาเป็นวิถีชีวิตและระเบียบของสังคมอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ต้องตกอยู่ภายใต้ลัทธิอาณานิคมของชาติตะวันตก
หลังสมัยของนบีมุฮัมมัด อิสลามไม่ได้เป็นแค่เพียงศาสนาในความหมายแคบๆเท่านั้น แต่มันเป็นวิถีชีวิตที่ครอบคลุมพฤติกรรมของมนุษย์ทุกด้าน เป็นกฎหมายและเป็นอารยธรรมที่มีคัมภีร์กุรอานและคำสอนของนบีมุฮัมมัดเป็นธรรมนูญสูงสุด แต่การปกครองแบบอิสลามที่มีอายุยืนยาวมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 7 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 ได้สิ้นสุดลงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อการปกครองแบบคิลาฟะฮฺที่มีศูนย์กลางแห่งอำนาจอยู่ที่ตุรกีได้ถูกทำลายลงใน ค.ศ.1924
หลังจากแผ่นดินออตโตมานถูกมหาอำนาจชาติยุโรปแบ่งออกเป็นประเทศต่างๆแล้ว ชาติมหาอำนาจได้นำเอาระบบการเมือง การปกครองและเศรษฐกิจแบบเซคูลาร์มาใช้ ระบบนี้เป็นระบบที่เกิดขึ้นมาหลังยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการและเป็นระบบที่ไม่คำนึงถึงคำสอนของศาสนา
ชาติมุสลิมที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจอาณานิคมของชาติยุโรปได้รับความเจริญก้าวหน้าทางด้านวัตถุอย่างรวดเร็ว แต่ชีวิตด้านจิตวิญญาณและศีลธรรมของผู้คนกลับเสื่อมทรามลงอย่างน่าใจหาย ด้วยเหตุนี้ ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 จึงมีนักวิชาการอิสลามเคลื่อนไหวรณรงค์ให้มุสลิมในชาติต่างๆเริ่มตระหนักถึงพิษภัยของระบบเซคิวลาร์
แน่นอน การเคลื่อนไหวทางความคิดนี้ได้ไหลไปยังนครมักก๊ะฮที่เป็นต้นกำเนิดของอิสลามในช่วงการทำฮัจญ์และแพร่กระจายออกไปตามภูมิภาคต่างๆ
ในด้านเศรษฐกิจ ชาติยุโรปได้นำเอาดอกเบี้ยเข้ามาใช้ในระบบธนาคารทั้งๆที่ดอกเบี้ยเป็นที่ต้องห้ามในคัมภีร์กุรอานและแม้แต่ในคัมภีร์ไบเบิล ด้วยเหตุนี้ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงระบบดอกเบี้ย ใน ค.ศ.1960 ชาวมุสลิมอียิปต์จึงได้ตั้งธนาคารอิสลามที่ปลอดดอกเบี้ยขึ้นมาเป็นแห่งแรกในตำบลมิตฆ็อมร์หลังจากนั้น ใน ค.ศ.1963 มาเลเซียก็มีการตั้งตะบงฮาญีขึ้นมาทำหน้าที่เหมือนสถาบันการเงินที่ปลอดดอกเบี้ยเช่นกัน
แม้ชาวอียิปต์ในท้องถิ่นจะให้การสนับสนุนธนาคารอิสลามที่ปลอดดอกเบี้ย แต่น่าเสียดายที่ธนาคารอิสลามแห่งแรกได้ถูกชาติที่ปกครองอียิปต์แทรกแซงเพราะไม่ต้องการให้วิถีชีวิตของคนอยู่ในกรอบของศาสนาจนต้องปิดตัวลงไป แต่ใน ค.ศ.1980 ธนาคารอิสลามแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ได้เกิดขึ้นในมาเลเซีย หลังจากนั้น ธนาคารอิสลามก็เกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย บรูไนและแม้แต่ในฟิลิปปินส์
หลังจากนั้นอีกสองสามปี ธุรกิจตะกาฟุลหรือธุรกิจประกันแบบอิสลามก็ติดตามมา
ถึงแม้รัฐบาลมาเลเซียประกอบด้วยคณะรัฐมนตรีที่ส่วนใหญ่เป็นมุสลิมและต้องการนำมาเลเซียเข้าสู่ระบบอิสลาม แต่รัฐบาลมาเลเซียก็ไม่ได้เข้าไปทำลายระบบธนาคารแบบเดิม รัฐบาลเพียงแต่สนับสนุนให้พลเมืองมุสลิมมีทางเลือกที่จะใช้ระบบการเงินแบบอิสลามหากต้องการหลีกเลี่ยงดอกเบี้ยที่เป็นบาป
เมื่อไทยประสบวิกฤตการเงินใน ค.ศ.1997 (พ.ศ.2540) ซึ่งทำให้ผู้คนต้องตกงานเพราะธนาคารและสถาบันการเงินหลายสิบแห่งล้มระเนระนาดพร้อมกับการพังทลายของธุรกิจและส่งผลถึงเศรษฐกิจในประเทศข้างเคียงด้วย แต่ธนาคารอิสลามมาเลเซียกลับไม่ได้รับผลกระทบมากนัก มิหนำซ้ำยังยืนฝ่ากระแสมรสุมเศรษฐกิจและเติบโตต่อไปได้ ชาวมุสลิมจึงเกิดความมั่นใจและคนในแวดวงธุรกิจการเงินเริ่มให้ความสนใจในระบบการเงินอิสลาม วิกฤตการเงินครั้งนั้น มาเลเซียจึงถูกประเทศมุสลิมเรียกว่า “เรือธงทางการเงินแบบอิสลาม”
เมื่อมาเลเซียและอินโดนีเซียมีธนาคารอิสลาม และประเทศไทยได้ทำความตกลงกับสองชาติดังกล่าวในแผนพัฒนาเศรษฐกิจสามเหลี่ยมภาคใต้ IMT-GT ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม จึงมีข้อเรียกร้องให้จัดตั้งธนาคารอิสลามขึ้นในประเทศไทยบ้าง หลังจากที่ต้องต่อสู้ในเวทีการเมืองเป็นเวลาห้าปี ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยก็ได้ถูกตั้งขึ้นท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจใน พ.ศ.2546 ตาม พ.ร.บ.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยและตามมาด้วยธุรกิจตะกาฟุล(ธุรกิจประกันแบบอิสลาม)
You must be logged in to post a comment Login