วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

ข้อคิดจากคัมภีร์กุรอาน

On October 15, 2021

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 15-22 ต.ค. 64)

คัมภีร์กุรอานมีเรื่องราวของนบีต่างๆที่คัมภีร์ไบเบิลกล่าวไว้เช่นกัน หลายคนอคติหรือไม่เข้าใจ จึงคิดว่านบีมุฮัมมัดลอกคัมภีร์ไบเบิลมา

ความจริงแล้ว คัมภีร์ที่มีอยู่ในมือของชาวยิวและชาวคริสเตียนในเวลานั้นถูกบันทึกไว้เป็นภาษาฮิบรู  นบีมุฮัมมัดเป็นชาวอาหรับที่ไม่รู้หนังสือ ชาวอาหรับในเวลานั้นรู้เรื่องนี้ดี อย่าว่าแต่ภาษาฮิบรูเลย แม้ชาวยิวได้แปลคัมภีร์บางส่วนของตนออกมาเป็นภาษาอาหรับเพื่อเผยแพร่แก่ชาวอาหรับ แต่มีชาวอาหรับเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่พออ่านออกเขียนได้ ด้วยเหตุนี้ ชาวยิวจึงภาคภูมิใจว่าตัวเองเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้และดูถูกชาวอาหรับว่าล้าหลังกว่าตน

คัมภีร์กุรอานเองก็กล่าวว่านบีมุฮัมมัดเป็นนบีผู้ไม่รู้หนังสือ แต่เหตุผลที่พระเจ้าเลือกคนไม่รู้หนังสือขึ้นมาเพี่อรับคัมภีร์ที่เป็นสุดยอดวรรณกรรมอมตะไปอ่านให้ชาวโลกฟังก็เพราะต้องการให้รู้โลกรู้ว่านบีมุฮัมมัดไม่ได้เป็นผู้แต่งคัมภีร์กุรอาน แต่กุรอานเป็นการประทานวจนะครั้งสุดท้ายของพระเจ้าแก่มนุษยชาติไปจนถึงวันโลกาอวสาน และเพื่อให้คัมภีร์กุรอานเป็น “สิ่งมหัศจรรย์” หรือ “ปาฏิหาริย์” ของพระเจ้าที่ยังเหลือไว้ให้มนุษย์ได้เห็น ในขณะที่ “ไม้เท้ามหัศจรรย์” ของโมเสสหรือปาฏิหาริย์ของพระเยซูเกิดขึ้นแล้วก็หมดไป

ภารกิจของนบีมุฮัมมัดก็เหมือนกับภารกิจของพระเยซูหรือนบีอีซาที่กล่าวไว้ในคัมภีร์ไบเบิลว่าท่านไม่ได้มาลบล้างธรรมบัญญัติที่พระเจ้าประทานแก่โมเสสก่อนหน้านี้ ที่เป็นเช่นนั้น เพราะหลังสมัยของโมเสส วจนะของพระเจ้าที่ประทานแก่ลูกหลานอิสราเอลได้ถูกบิดเบือนและเสียหายไปเพราะมีการตัดเสริมเติมแต่งโดยพวกธรรมาจารย์ชาวยิว  พระเยซูจึงถูกพระเจ้าส่งมาเพื่อยืนยันธรรมบัญญัติเดิม

หลังสมัยพระเยซู คัมภีร์ที่มีอยู่ในมือของชาวยิวและชาวคริสเตียนได้ถูกแก้ไขหลายครั้ง  ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าองค์เดียวกับที่ประทานคำสอนแก่โมเสสและพระเยซูจึงส่งนบีมุฮัมมัดมาพร้อมกับคัมภีร์กุรอานเพื่อยืนยันสัจธรรมที่แท้จริงและถาวร

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่คัมภีร์กุรอานจะมีเรื่องราวของนบีและคำสอนบางอย่างที่เหมือนกับในคัมภีร์ไบเบิล แต่ในความเหมือนนั้นก็มีความแตกต่างกัน

ในคัมภีร์ไบเบิลมีเรื่องราวของการสร้างอาดัมและอีฟ ในคัมภีร์กุรอานก็มีเช่นกัน แต่การประทานเรื่องราวการสร้างอาดัมและอีฟแก่นบีมุฮัมมัดมีวัตถุประสงค์หลายอย่างที่ต่างกัน เช่น

คัมภีร์กุรอานต้องการบอกชาวยิวว่านบีมุฮัมมัดได้รับความรู้เรื่องการสร้างอาดัมและอีฟจากพระเจ้า เพราะนบีมุฮัมมัดเป็นที่รู้กันในหมู่ชาวยิวและชาวอาหรับว่าเป็นผู้ไม่รู้หนังสือ และความรู้เกี่ยวกับการสร้างมนุษย์คู่แรกของนบีมุฮัมมัดมีมากกว่าที่ชาวยิวรู้จากคัมภีร์ของพวกตนเสียด้วยซ้ำ แต่แทนที่จะยอมรับ พวกผู้รู้คัมภีร์ชาวยิวกลับปฏิเสธนบีมุฮัมมัดด้วยความทะนงตนว่าตัวเองเหนือกว่าชาวอาหรับ และนั่นก็คือการปฏิเสธพระเจ้าโดยปริยาย

การสร้างอาดัมก็มีปรากฏอยู่ในคัมภีร์ไบเบิล แต่คัมภีร์กุรอานเล่าเรื่องนี้อย่างมีวัตถุประสงค์ กล่าวคือ หลังจากพระเจ้าสร้างอาดัมเป็นตัวตนขึ้นมาแล้ว พระเจ้าได้สั่งให้อิบลีสหัวหน้าซาตานก้มกราบต่ออาดัม แต่มันไม่ยอมทำตามโดยอ้างอย่างโอหังว่าอาดัมถูกสร้างมาจากดิน แต่มันถูกสร้างมาจากไฟ มันถือว่าตัวเองมีต้นกำเนิดสูงกว่าอาดัม มันจึงฝ่าฝืนคำสั่งของพระเจ้าและการฝ่าฝืนนี้เองที่ทำให้มันถูกพระเจ้าลงโทษ

พระเจ้าประทานเรื่องราวตรงนี้ลงมาก็เพื่อเหน็บแนมชาวยิวว่าการถือตัวเองเหนือกว่ามนุษย์คนอื่นก็ไม่ต่างไปจากท่าทีของหัวหน้าซาตานที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าอาดัมทั้งๆที่ตัวมันเองก็เป็นสิ่งที่พระเจ้าสร้างมาเหมือนกับอาดัม

เนื่องจากคัมภีร์กุรอานถูกประทานมาเป็นคู่มือการใช้ชีวิตของมนุษย์ตราบจนถึงวันสิ้นโลก และใกล้ๆวันสิ้นโลก มนุษย์จะมีความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจนสามารถผลิตหุ่นยนตร์ที่ทำงานคล้ายมนุษย์ได้ แต่ในยุคนี้เองที่มนุษย์อ้างว่ามนุษย์เกิดขึ้นจากวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว คัมภีร์กุรอานจึงเล่าเรื่องราวการสร้างอาดัมก็เพื่อเหน็บแนมมนุษย์ผู้เจริญว่าในเมื่อหุ่นยนตร์ยังมีผู้สร้างขึ้นมา แล้วมนุษย์จะเกิดมาโดยไม่มีผู้สร้างได้อย่างไร


You must be logged in to post a comment Login