วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

กำเนิดลูกหลานอิสราเอล

On May 21, 2021

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 21-28 พ.ค. 64)

ในคัมภีร์กุรอานมีเรื่องราวของชนชาติต่างๆในอดีตที่เคยรุ่งเรืองสุดขีดและล่มสลายไปโดยที่ยังมีซากบ้านเมืองเป็นหลักฐานยืนยันการมีอยู่ของชนชาติเหล่านี้ให้เห็นในปัจจุบัน เช่น กลุ่มชนของโนอาห์ กลุ่มชนของลูฏ กลุ่มชนชาวอ๊าด ชาวษะมูดและแม้แต่อาณาจักรอียิปต์อันยิ่งใหญ่

เรื่องราวของชนชาติเหล่านี้ถูกเล่าเพื่อให้บทเรียนแก่มนุษย์ว่าอารยธรรมหรืออาณาจักรที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่ เข้มแข็งเกรียงไกรเพียงใด ในที่สุดก็ต้องล่มสลายด้วยเหตุผลง่ายๆคือ ผู้คนทะนงในความมั่งคั่งเข้มแข็งของตัวเองจนละเมิดขอบเขตศีลธรรมทุกอย่าง เมื่อพระเจ้าส่งคนของพระองค์มาเตือน ผู้คนกลับปฏิเสธและท้าทายหรือต่อต้านโดยหารู้ไม่ว่าการต่อต้านศาสนทูตของพระเจ้าคือการต่อต้านพระเจ้า ในที่สุด พระเจ้าจึงต้องลงโทษด้วยการทำลายอารยธรรมหรืออาณาจักรเหล่านั้นด้วยพระองค์เอง

โมเสสไม่มีแสนยานุภาพทางทหารที่จะต่อกรกับฟาโรห์แห่งอียิปต์ เขามีแค่ไม้เท้าธรรมดา แต่อาณาจักรอียิปต์ล่มสลายหลังจากฟาโรห์รามเสสจบชีวิตจากการจมน้ำในทะเลที่แยกเป็นทางให้โมเสสและพวกลูกหลานอิสราเอลเดินข้าม แต่ท้องทะเลเดียวกันนี้เองที่เป็นสุสานของฟาโรห์

คัมภีร์กุรอานเล่าว่าหลายชุมชนได้ถูกทำลายจนเหมือนกับว่าที่นั่นไม่เคยมีคนอาศัยอยู่บนโลกใบนี้มาก่อน แต่ยังมีชุมชนหนึ่งที่เรียกกันว่าลูกหลานอิสรออีลหลงเหลืออยู่ให้มนุษยชาติได้เห็นถึงความดื้อด้านต่อพระเจ้าและศาสนทูตที่พระองค์ส่งมาตักเตือนจนถึงปัจจุบัน

อิสรออีลหรืออิสราเอลแปลว่าบ่าวของพระเจ้า เป็นฉายานามของยาโกบ(หรือนบียะกู๊บ) ยาโกบเป็นหลานปู่ของนบีอิบรอฮีมผู้เป็นบิดาแห่งความศรัทธาของชาวยิว ชาวคริสเตียนและมุสลิม

บันทึกประวัติศาสตร์ของอิสลามกล่าวว่าหลังจากนบีอิบรอฮีมกับอิสมาอีลลูกชายคนแรกสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺตามคำบัญชาของพระเจ้าในมักก๊ะฮฺเสร็จแล้ว หลังจากนั้นอีกสี่สิบปี นบีอิบรอฮีมได้ไปสร้างมัสยิดอัลอักซอในแผ่นดินคะนาอันหรือกันอานซึ่งต่อมาคือแผ่นดินปาเลสไตน์

ยาโกบมีลูกชาย 12 คนจากภรรยา 4 คนและเนื่องจากยาโกบได้ฉายาว่าอิสรออีล ลูกหลานของเขาทั้งหมดจึงถูกคัมภีร์กุรอานเรียกว่า “บนีอิสรออีล” หรือ “วงศ์วานอิสรออีล” ลูกชายคนที่ 11 ของยาโกบชื่อยูซุฟหรือโยเซฟ รูปร่างหน้าตาและนิสัยดี จึงเป็นที่รักของพ่อ แต่เป็นที่อิจฉาของพวกพี่ๆ

คัมภีร์กุรอานเล่าว่าขณะที่อยู่ในแผ่นดินกันอาน พวกพี่ๆของยูซุฟวางแผนกำจัดยูซุฟด้วยการชวนเขาออกไปเล่นและจับเขาโยนลงไปในบ่อน้ำแห่งหนึ่งที่แห้งขอด แต่พระเจ้าได้ช่วยชีวิตเขาไว้โดยที่มีกองคาราวานมาพบเขาและนำตัวเขาไปขายให้แก่ขุนนางคนหนึ่งในอียิปต์

ด้วยคุณสมบัติแห่งความซื่อสัตย์และเกรงกลัวพระเจ้า ยูซุฟไม่เพียงแต่ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้เท่านั้น แต่พระเจ้าได้กำหนดอนาคตให้เขาเป็นทั้งนบีและกษัตริย์ปกครองอียิปต์ในเวลาต่อมา

เมื่อเขาได้เป็นกษัตริย์ เขาได้เชิญพ่อแม่และพี่ๆที่เคยวางแผนฆ่าเขามาอาศัยอยู่ในอียิปต์ ขณะที่เป็นกษัตริย์ เขาสามารถจะลงโทษพวกพี่ๆของเขาที่เคยทำกับเขาอย่างไรก็ได้ แต่เขากลับให้อภัย ไม่เพียงเท่านั้น เขายังให้พวกพี่ๆของเขาดำรงตำแหน่งสำคัญๆในการปกครองอาณาจักรอียิปต์ก่อนยุคฟาโรห์ด้วย

ก่อนยาโกบเสียชีวิต เขาเรียกลูกชายของเขาทั้งหมดมาถามว่าหากเขาจากโลกนี้ไป พวกเขาจะนับถือศาสนาอะไร ลูกชายทั้งหมดของเขาตอบว่าพวกเขาจะนับถือศาสนาที่พ่อของเขาและบรรพบุรุษของพวกเขานับถือ นั่นคือศาสนาแห่งการศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว

หลังสมัยของยูซุฟ พวกลูกหลานอิสราเอลที่อาศัยอยู่ในอียิปต์คุ้นเคยกับคนอียิปต์ที่นับถือผีสางเทวดา กราบไหว้บูชาดวงดาวและรูปเคารพมากมายจนส่วนใหญ่หันไปปฏิบัติตามความเชื่อของชาวอียิปต์ท้องถิ่นโดยลืมคำสัญญาที่บรรพบุรุษของตนได้ยืนยันว่าจะนับถือศาสนาที่ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว

เมื่อผิดสัญญากับบรรพบุรุษผู้เป็นนบีก็เท่ากับผิดสัญญากับพระเจ้า ดังนั้น พวกลูกหลานอิสราเอลจึงถูกพระเจ้าลงโทษด้วยการที่ชาวอียิปต์ท้องถิ่นได้ลุกขึ้นมาโค่นอำนาจของพวกลูกหลานอิสราเอลและกดคนพวกนี้ลงเป็นทาสใช้แรงงานในสมัยของฟาโรห์ที่สืบอำนาจต่อกันมายาวนานนับหลายศตวรรษ

ในช่วงเวลาที่ถูกลงโทษด้วยการตกเป็นทาสของฟาโรห์นี้เองที่พวกลูกหลานอิสราเอลต่างระทมทุกข์ แต่ก็มีบางคนที่ยังรักษาความศรัทธาในพระเจ้าได้วิงวอนขอพระเจ้าให้ส่งคนมาช่วยเหลือพวกตน ในที่สุด พระเจ้าก็ตอบรับคำวิงวอนของพวกบนีอิสรออีลด้วยการส่งโมเสสมาช่วย


You must be logged in to post a comment Login