วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2567

“การเสื่อมทรุดครั้งใหญ่” โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย

On November 11, 2020

จะมีใครอยากเห็นประเทศชาติเสื่อมทรุด แต่แนวโน้มมีว่าประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม จะมีการเสื่อมทรุดครั้งใหญ่ เราคนไทยย่อมไม่อยากให้เกิดหายนะแก่ประเทศไทย แต่หายนะกำลังจะมาหากเราไม่เตรียมตัวเตรียมใจและเตรียมแก้ไข

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) มองจากข้อมูลของธนาคารโลก สรุปได้ว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่ภาวะหายนะอย่างแน่นอน ข้อนี้เป็นสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่อาจเกิดขึ้นได้ในไม่ช้านี้ เพราะ

1.เศรษฐกิจไทยปี 2563 อาจติดลบ 8.3-10.4% ต่ำที่สุดในอาเซียน (ไม่รวมบรูไน) ปี 2563 เศรษฐกิจจะฟื้นตัว แต่ก็ฟื้นตัวต่ำกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคนี้

2.ไทยใช้งบเยียวยาสูงสุดในภูมิภาค โดยใช้ถึง 13% ของจีดีพี แต่ยังไม่ตรงจุดมากนัก แสดงว่าเงินกู้มากมายหลายล้านล้านบาทที่รัฐบาลไทยอ้างว่ากู้มาเพื่อแก้วิกฤตนั้นเป็นการสร้างหนี้อย่างไม่มีประสิทธิผล ไม่มีประสิทธิภาพ และจะส่งผลร้ายแก่ประชาชนไทยในระยะยาว

3.ครึ่งปีแรกการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนต่างชาติลดลง 34% แสดงว่ารัฐบาลไม่สามารถกระตุ้นการลงทุนได้จริง สู้เวียดนามและอินโดนีเซียไม่ได้เลย กลุ่มทุนต่างๆย้ายหนีจากไทยไปโดยที่รัฐบาลไทยไม่สามารถทำอะไรได้เลย แสดงว่าการไปโรดโชว์ต่างประเทศในช่วง ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ล้วนไร้ประสิทธิผล

4.ประเทศไทยขาดการปกครองในระบอบประชาธิปไตย มีการเรียกร้องอันเนื่องจากมีรัฐประหาร จึงทำให้ประเทศมีปัญหาในสายตาต่างประเทศ ประเทศอื่นก็มีการประท้วงรัฐบาล แต่รัฐบาลประเทศอื่นไม่ได้ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจัดการแบบประเทศไทย ทำให้บรรยากาศการลงทุนเสียหาย ทุนต่างชาติยิ่งย้ายไหลออกไปไม่หยุด

ในขณะที่เมื่อ 10 ปีก่อน อินโดนีเซียที่เคยมีรายได้ประชาชาติต่อหัวเพียงครึ่งเดียวของไทย และเวียดนามมีรายได้เพียง 1/3 ของไทย แต่ในขณะนี้กลับเติบโตอย่างรวดเร็วจนใกล้ทัดเทียมไทยแล้ว ในอนาคตคนไทยอาจต้องไปขายแรงงานในเวียดนามหรืออินโดนีเซียเฉกเช่นที่ประเทศในยุโรปตะวันตกไปทำงานในยุโรปตะวันออกในช่วงบูมก็อาจเป็นไปได้ ความเสื่อมทรุดของประเทศในทุกด้านก็จะตามมา พอนึกภาพออกหรือยังครับ หายนะกำลังคืบคลานมาหากเรายังมีบรรยากาศการเมืองแบบนี้

ตลอดยุคที่ผ่านมาไทยเคยรุ่งเรืองเป็น “เสือตัวที่ 5” ของเอเชีย อันมีเกาหลีใต้ ฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน ตอนนี้มาเลเซียแซงไทยไปกว่าช่วงตัวแล้ว รายได้ประชาชาติต่อหัวก็สูงกว่าไทยถึงเกือบเท่าตัวแล้ว ไทยเคยเป็นแหล่งที่ปลอดภัยเพราะ

1.ยาบ้าหายไปแทบเกลี้ยง

2.หวยใต้ดินก็หมดไป แถมล็อตเตอรี่ก็ไม่ขายเกินราคาเช่นปัจจุบัน

3.อาวุธปืนหรืออาวุธสงครามอื่นถูกเรียกเก็บโดยทางราชการ

เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นในยุคที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ปรากฏว่าหลังจากการทำรัฐประหารโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะ กลับกลายเป็นว่ายาบ้าเกลื่อนเมือง หวยใต้ดินระบาด ล็อตเตอรี่ขายเกินราคา อาวุธปืนก็เกลื่อนไปหมด สังคมแบบนี้ย่อมไม่สงบสุข แสดงถึงความเสื่อมทรุดทางด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างเห็นได้ชัดเจนเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคน

จะเห็นได้ว่าประเทศที่มีระบอบเผด็จการทรราชที่ผูกขาดอำนาจและผลประโยชน์แก่พวกพ้องมักจะไม่เจริญ เช่น

1.ฟิลิปปินส์ หลังโค่นประธานาธิบดีมาร์กอสแล้ว ประเทศก็เจริญรุดหน้าเป็นอย่างมาก

2.อินโดนีเซีย หลังโค่นประธานาธิบดีซูฮาร์โตแล้ว ประเทศก็เจริญขึ้นเป็นอย่างมากเช่นกัน

3.เมียนมา หลังโค่นรัฐบาลทหารเต็งเส่งแล้ว ประเทศก็ค่อยๆเข้ารูปเข้ารอย ดีขึ้นกว่าเก่า แต่ในรัฐธรรมนูญเมียนมา ทหารก็ยังมีบทบาทอยู่มาก ทำให้ประเทศเจริญช้า

ในประเทศไทยที่เราโค่นล้ม 3 ทรราชไปแล้ว แต่ทำไมจึงมีทรราชเข้ามาอีกมากมายเป็นระยะๆ มีรัฐประหารอยู่ร่ำไป ข้อนี้คงไม่อาจตอบได้ชัดเจนในวันนี้ แต่ที่แน่นอนก็คือรัฐประหารทำให้ประเทศชาติเสื่อมทรามลง เศร้าหมองลง ระบอบเผด็จการที่ไม่เป็นประชาธิปไตยย่อมเอื้อเฟื้อต่อพวกพ้อง ทำให้ไม่เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม ผู้รับกรรมก็คือประชาชนนั่นเอง

ในวันหน้าอินโดนีเซีย เวียดนาม ก็คงใกล้จะแซงไทยอยู่แล้ว เมื่อนั้นคนไทยเราก็คงมีรายได้น้อย ฝันร้ายก็คือ ไทยที่มีการต่อสู้กับระบอบเผด็จการอย่างยืดเยื้อก็อาจยิ่งเสื่อมทรุดคล้ายเมียนมา ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียในอดีต ลูกหลานคนไทยอาจต้องไปเรียนต่อที่ฮานอย โฮจิมินห์ซิตี หรือไปทำงานขายแรงงานยังประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อนั้นไทยคงอดสูน่าดู

ต้องทำประเทศให้เป็นประชาธิปไตย ก่อนที่ไทยจะเสื่อมทรุดลงไปกว่านี้


You must be logged in to post a comment Login