วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ถึงจะทราม แต่อย่าเหยียดหยามศาสดา

On October 30, 2020

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 30 ต.ค. – 6 พ.ย. 63)

ขณะที่ประชาคมมุสลิมทั่วโลกกำลังเตรียมจัดงานระลึกถึงวันคล้ายวันเกิดของนบีมุฮัมมัด ซึ่งตรงกับวันที่ 29 ตุลาคม 2563 หรือวันที่ 12 เดือนเราะบีอุลเอาวัล ฮ.ศ.1442 ตามปฏิทินจันทรคติของอิสลาม นายเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้ออกมาพูดให้ท้ายสื่อมวลชนที่วาดภาพล้อเลียนนบีมุฮัมมัดโดยอ้างเรื่องเสรีภาพ มุสลิมทั่วโลกจึงไม่พอใจ และแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ด้วยการบอยคอตสินค้าฝรั่งเศส

การพูดจาดูหมิ่นเหยียดหยามหรือใส่ร้ายคนอื่นไม่อาจเรียกว่าเป็นวัฒนธรรม แต่ต้องเรียกว่าเป็นพฤติกรรมเลวทรามที่ออกมาจากใจสกปรกที่ต้องการทำลายฝ่ายตรงข้าม เพราะเกรงว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีอำนาจเหนือพวกตน

พฤติกรรมเลวทรามเช่นนี้มีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ โดยเฉพาะผู้นำทางศาสนาที่เรียกร้องผู้คนสู่กรอบของศีลธรรมความดี ทั้งนี้ เพราะความชั่วเกิดจากการที่มนุษย์ละเมิดขอบเขตทางศีลธรรม คนชั่วจึงมองว่ากรอบศีลธรรมคือกรงขังที่กักตัวเองไว้มิให้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ มิต่างจากลิงป่าที่ถูกจับขังกรง

เนื่องจากกรอบศีลธรรมมาจากคำสอนของศาสนา การจะทำลายศาสนาจึงต้องทำลายความน่าเชื่อถือของผู้นำศาสนา นี่คือเหตุผลว่าทำไมศาสดาหรือนบีทุกคนจึงถูกผู้คนในยุคสมัยของท่านพูดจาสบประมาทและดูหมิ่น

แต่เมื่อศาสดาตายไป คัมภีร์ที่บันทึกคำสอนและเกียรติประวัติของศาสดายังคงดำรงอยู่ ผู้นำทางสังคมที่สูญเสียผลประโยชน์จึงมีการสร้างเรื่องราวเสียหายให้แก่ศาสดา และนำไปสอดแทรกไว้ในคัมภีร์เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือในคำสอนของศาสนา

Boycott

ตัวอย่างเช่น ในคัมภีร์ไบเบิล โนอาห์ถูกบันทึกไว้ว่าดื่มเหล้าจนเมานอนหงายผ้าเปิด ลูกสาวของโลทไม่มีชายใดมาขอแต่งงานเพราะผู้ชายในเมืองโซดอมชอบมีเพศสัมพันธ์ในหมู่เพศชายด้วยกัน จึงเอาเหล้าไปมอมพ่อจนเมาและให้พ่อมีเพศสัมพันธ์กับตัวเอง โซโลมอนผู้ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวถูกบันทึกไว้ว่ากราบไหว้รูปเคารพเพื่อเอาใจผู้หญิง

การสอดแทรกเรื่องราวสกปรกเข้าไปในคัมภีร์ทางศาสนานี้เองเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้คนในยุโรปไม่สนใจในคำสอนของศาสนา เพราะเมื่อศาสดาผู้นำศาสนามาสั่งสอน แต่กลับประพฤติผิดศีลธรรมเสียเอง ใครเล่าจะนับถือศาสนา

ด้วยเหตุนี้คัมภีร์กุรอานจึงถูกส่งมายังนบีมุฮัมมัดเพื่อยืนยันคุณงามความดีของศาสดาหรือนบีที่ถูกทำลายความน่าเชื่อถือก่อนหน้านี้ และเนื่องจากคัมภีร์กุรอานเป็นคัมภีร์ที่ไม่เคยถูกสังคายนาหรือถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขใดๆนับตั้งแต่นบีมุฮัมมัดจากโลกนี้ไป การทำลายความน่าเชื่อถือของอิสลามจึงต้องทำที่นบีมุฮัมมัดผู้ได้รับคัมภีร์กุรอานมาสั่งสอนมนุษยชาติ

การที่นายเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส อ้างเรื่องเสรีภาพในการแสดงออกทางความคิดและการวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อมวลชน จึงเป็นการให้ท้ายสื่อมวลชนเหมือนกับจะพูดในทำนองว่า “เอาที่สบายใจ”

ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศต้นแบบของประชาธิปไตยที่ส่งเสริมเสรีภาพ แต่เสรีภาพที่ถูกนำมาใช้อย่างไร้ขอบเขตและล่วงเกินศาสนามิใช่เสรีภาพที่แท้จริง แต่มันคืออนาธิปไตย

ฝรั่งเศสเคยเป็นชาติคริสเตียนมาก่อน และไม่มีชาวคริสเตียนคนใดไม่รู้จักอับราฮัมหรืออิบรอฮีมผู้เป็นบรรพบุรุษแห่งความศรัทธาของชาวยิว ชาวคริสเตียน และมุสลิม ในการละหมาดประจำวัน 5 เวลา มุสลิมทุกคนทั่วโลกจะกล่าวคำวิงวอนต่อพระเจ้าให้ประสาทพรแก่นบีมุฮัมมัดและอับราฮัมรวมทั้งลูกหลานของมหาบุรุษทั้งสองด้วย เพราะหลักศรัทธาในอิสลามกำหนดว่า มุสลิมต้องศรัทธาในบรรดานบีที่มาก่อนหน้านบีมุฮัมมัด ซึ่งทั้งหมดเป็นลูกหลานของอับราฮัม

นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเมื่อนบีมุฮัมมัดถูกล้อเลียนหรือถูกดูหมิ่นเหยียดหยามโดยชาวยิวหรือชาวคริสเตียน แม้แต่มุสลิมที่ไร้การศึกษาหรือเลวทรามที่สุดจะไม่ลบหลู่ดูหมิ่นศาสดาของชาวยิวและชาวคริสเตียนเป็นการโต้ตอบ


You must be logged in to post a comment Login