- ระลึกถึงพ่อหลวง ร.9Posted 15 hours ago
- 5 ธ.ค.วัดสวนแก้วแตกแน่Posted 1 day ago
- จะกลับมาแบบไหนPosted 2 days ago
- เลือกงานให้โดน บริหารคนให้เป็น ตาม“ลัคนาราศี”Posted 2 days ago
- ต่างศาสนา ต่างชาติพันธุ์ อยู่ร่วมกันภายใต้ความแตกต่างPosted 2 days ago
- โลภ•ลวง•หลง เกมพลิกชีวิต รีแบรนด์หรือรีบอร์นPosted 2 days ago
- กูไม่ใช่ไก่ต้มเว้ย! อย่ามาต้มกูเลย..Posted 2 days ago
- หยุดความรุนแรง-ลวงโลกPosted 3 days ago
- อ.เบียร์ช่วยวัดสวนแก้วPosted 6 days ago
- เลิกเสียเงินกับเรื่องโง่ๆPosted 1 week ago
ผื่นแดงที่หน้า
คอลัมน์ : พบหมอศิริราช
ผู้เขียน : ศ. พญ.วรัญญา บุญชัย
คลินิกผื่นแพ้สัมผัส ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ผื่นแดงที่หน้า (Red face syndrome) มีลักษณะเป็นผื่นแดงเล็กๆคล้ายผดบริเวณใบหน้า อาจมีอาการคันหรือไม่ก็ได้ เวลาลูบจะรู้สึกสาก อาจมีอาการแสบคัน ระคายเคือง ไวต่อแสงแดดและเหงื่อ
ผื่นแดงที่หน้าเป็นปัญหาที่พบบ่อยในปัจจุบัน ส่วนมากพบในผู้หญิง เนื่องจากผิวหนังบริเวณใบหน้าเป็นบริเวณที่มีโอกาสสัมผัสสารต่างๆหลายชนิด รวมทั้งในปัจจุบันมีการใช้ผลิตภัณฑ์และเครื่องสำอางที่ใช้กับใบหน้ามากขึ้น ทำให้พบผื่นแดงที่หน้าได้บ่อย และเป็นปัญหาในการวินิจฉัยและรักษาในปัจจุบัน สาเหตุของผื่นแดงที่หน้านั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ ที่สำคัญคือ
1.ผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณผิวมัน (Seborrheic dermatitis) ลักษณะเป็นผื่นแดงคัน มีขุยสีเหลืองเป็นมัน มักพบบริเวณข้างจมูก คิ้ว ใบหู และหนังศีรษะมีรังแค
2.ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีผิวแห้ง มีผื่นแดงคันบริเวณหน้า คอ ข้อพับของแขนและขา พบในผู้ป่วยที่มีประวัติกรรมพันธุ์เป็นโรคในกลุ่มภูมิแพ้ เช่น แพ้อากาศ คันตา หอบหืด เป็นต้น
3.ผื่นแพ้สัมผัส (Allergic contact dermatitis) เกิดมีผื่นแดง ผิวหน้าคัน อักเสบบริเวณที่สัมผัสกับสารที่แพ้ เช่น เครื่องสำอาง ส่วนมากมักเกิดอาการหลังใช้เครื่องสำอางหรือสารที่แพ้ประมาณ 2 สัปดาห์ถึง 3 เดือน
4.ผื่นระคายสัมผัส (Irritant contact dermatitis) เกิดขึ้นกับคนที่สัมผัสสารมีฤทธิ์ก่อระคายปริมาณมากและระยะเวลานานพอ พบผื่นแดงอักเสบที่มีขอบเขตชัดเจนในบริเวณที่มีการสัมผัส ซึ่งจะมีอาการบวม แดง ร่วมด้วย นอกจากนี้อาจเกิดขึ้นได้ในผู้ที่ใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบเป็นกรดวิตามินเอ กรดผลไม้ หรือสารที่มีฤทธิ์ลอกผิวต่อเนื่องเวลานาน
5.ผื่นสัมผัสจากสารร่วมกับแสง (Photo contact dermatitis) มีการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ เช่น ครีมกันแดด น้ำหอม ร่วมกับโดนแสงแดด ซึ่งจะพบผื่นอักเสบได้บริเวณที่ได้รับแสงนอกร่มผ้า เช่น ใบหน้า หน้าอก แขน
6.ผื่นผิวหนังอักเสบรอบปาก (Perioral dermatitis มีลักษณะเป็นผื่นแดง ตุ่มแดง ตุ่มน้ำ หรือตุ่มหนอง พบบ่อยรอบริมฝีปาก
7.ผื่นผิวหนังอักเสบชนิด Rosacea พบมากในคนผิวขาว จะมีอาการหน้าแดง ตุ่มแดงอักเสบ ตุ่มหนอง หลอดเลือดฝอยขยายที่บริเวณใบหน้า มักมีประวัติว่าเป็นผื่นมากขึ้นเมื่อโดนความร้อน แสงแดด มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
8.สิว ผู้ที่เป็นสิวมักมีผิวมัน พบสิวบนใบหน้าได้หลายรูปแบบ เช่น ตุ่มแดงอักเสบ ตุ่มหนอง ถุงใต้ผิวหนัง หรือพบเป็นสิวหัวเปิดมีจุดดำตรงกลาง
9.ผิวหนังบางและหลอดเลือดฝอยขยายจากยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid atrophy and telangiectasia) เป็นผลข้างเคียงจากการทายาหรือกินยาที่มีส่วนประกอบของคอร์ติโคสเตียรอยด์ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน พบในผู้ที่ใช้ยานี้นอกการควบคุมของแพทย์
จะเห็นได้ว่าอาการผื่นแดงที่หน้าเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนั้น เพื่อให้ได้การวินิฉัยและรักษาได้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องอาศัยประวัติ การตรวจร่างกาย และบางครั้งอาจต้องทำทดสอบภูมิแพ้ผิวหนัง โดยวิธีปิดสารทดสอบบนผิวหนัง (Patch test) เพื่อพิสูจน์ว่าผื่นแดงที่หน้าเกิดจากผื่นภูมิแพ้ผิวหนังหรือผื่นแพ้สัมผัส
ประโยชน์ของการทำทดสอบภูมิแพ้ผิวหนังคือ หากตรวจพบสารที่แพ้จะทำให้สามารถหลีกเลี่ยงและป้องกันการสัมผัสสารที่แพ้ได้
สารก่อภูมิแพ้ผิวหนังที่เป็นต้นเหตุของผื่นแดงที่หน้าที่พบบ่อย ได้แก่
– ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับใบหน้า เช่น เครื่องสำอาง สบู่ล้างหน้า ครีมบำรุงผิวหน้า ซึ่งส่วนประกอบที่มักเป็นสาเหตุของผื่นแพ้สัมผัส ได้แก่ สารกันเสีย น้ำหอม สารลาโนลิน (Lanolin) สารที่ทำให้เกิดฟอง (Cocamidopropyl betaine) เป็นต้น
– แชมพูสระผม และผลิตภัณฑ์อื่นๆที่ใช้กับเส้นผม
– โลหะและแผ่นยางที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอาง เช่น โลหะในถาดแป้ง ขอบแปรงที่ทาตาและปาก แผ่นยางที่ใช้เป็นพัฟทาหน้า
– สารที่มาจากผื่นแพ้สัมผัสบริเวณมือ เช่น โลหะนิกเกิล ทอง สารในยาทาเล็บ เป็นต้น
ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้มีผื่นแดงที่หน้า คือ
1.หยุดใช้เครื่องสำอางและสารที่สงสัยว่าเป็นต้นเหตุทันที เพราะการใช้สารที่แพ้ต่อไปจะทำให้มีผื่นที่หน้ามากขึ้น
2.ไม่ควรซื้อยามาทาเอง ควรมาพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง
3.พบแพทย์เพื่อทำการทดสอบภูมิแพ้ผิวหนัง โดยวิธีปิดสารทดสอบบนผิวหนัง (Patch test)
โดยชุดทดสอบเครื่องสำอาง (Cosmetic series) พร้อมกับนำผลิตภัณฑ์ที่สงสัยว่าทำให้เกิดผื่นแดงที่หน้ามาร่วมทดสอบด้วย
หากท่านมีผื่นแดงที่หน้า ต้องการปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อการดูแลรักษาที่ถูกต้อง หรือต้องการทำการทดสอบภูมิแพ้ผิวหนังโดยวิธีปิดสารทดสอบบนผิวหนัง (Patch test) โปรดติดต่อนัดหมายล่วงหน้า โทร.0-2419-7380-1 ระหว่างเวลา 13.00-15.00 น. หรือ ID Line: @wes2561m สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www2.si.mahidol.ac.th/km/cop/clinical/derma/7891/
You must be logged in to post a comment Login