วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ให้อภัยเร็วๆ

On August 13, 2020

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 13 ส.ค. 63)

เราได้ติดตามข้อมูลข่าวสารทั้งสบายใจและไม่สบายใจ ความวิตกกังวล คนเราเขาบอกได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา แต่คนให้กับคนขอทำยังไงถึงจะขอๆให้ๆกันแบบชนิดที่วินๆ คนให้ก็วิน คนขอก็วิน แต่กลัวเหลือเกินคนขอเจ็บตัว คนให้ก็เจ็บใจ อันนี้จะลำบาก นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และมหาวิทยาลัยทั่วๆไป เวลานี้จากเดิมจะขอแค่ 3 ข้อ แต่ตอนนี้กลายเป็นขอ 10 ข้อ

เอาละ เรื่องที่ขอมองดูมันก็เป็นความจริงอยู่บ้าง แต่ความจริงบางอย่างมันคงจะซ่อนปัญหาความเสียหายเจ็บปวดอะไรกันในบางช่วงได้ เช่น ไม่อยากให้คนทำบุญกับพระราชา สมัยก่อนเขาเรียกกันว่า ราชพลี ประชาชนพลีทรัพย์ของตนเพื่อพระราชา เพราะพระราชานำไปทำคลอง สะพานข้ามคลอง บ่อน้ำ ศาลาพักร้อน สาธารณูปโภคต่างๆ ก็กลายเป็นเรื่องที่เรียกกันว่า เป็นเรื่องใช้ได้ ถ้าเรื่องเอาผิด เอาถูกกัน ยังไม่รู้ว่า จ้วงจาบ ล่วงเกิน เกินเลยไปในบางเรื่อง

ถ้าหากว่า ไม่ให้คนบริจาค ไม่ให้คนร่วมถวายเป็นพระราชกุศลกับพระเจ้าแผ่นดิน เวลาเกิดอุทกภัยและภัยต่างๆจะนำเงินจุดไหนเอาไปช่วยได้เร็ว ได้ไว เหมือนพระราชทานถุงยังชีพต่างๆ ต้องเรียกกันว่า มีการถึงขั้นจะเอาผิดนักศึกษากันแล้วละ เช่น มีส.ว.จะเอาผิดแกนนำม็อบจาบจ้วงสถาบันอะไรทำนองนี้ ถ้าหากว่า เขาถือคำเดิมได้มั้ย ฝ่ายโน้นก็รีบขอโทษไวๆ ฝ่ายนี้ก็ให้อภัยไวๆ เปลวนรกก็จะไม่เผาอก เผาใจ และจะไม่เผาบ้าน เผาเมืองกันต่อไปด้วย

แต่ถ้าฝ่ายหนึ่งมีอีโก้ อัตตาตัวตนจัดเหตุผลเป็นรอง อัตตาเป็นใหญ่มันก็ลำบาก จะจบลงยาก มันจะกลายเป็นเหมือนที่เคยเตือนกันไว้ “น้ำผึ้งหยดเดียว” มันบานปลายขึ้นมา ถ้าปล่อยให้ถึงจัดนั้น แล้วมีมือที่ 2 และ 3 เข้าไปยุยงอีกจะยิ่งไปกันใหญ่ เอาละ มีม็อบตรงข้ามก็พูดดีว่า ถ้าไล่รัฐบาลอะไรเขาไม่ว่า แต่อย่าล้มล้างสถาบัน แต่นักศึกษาฟังดูก็เหมือนกับว่า ไม่ได้คิดล้มล้างสถาบันซะสิ้นเชิง เพียงแต่ว่า ขออะไรๆจากสถาบันค่อนข้างจะโดนใจหรือได้ใจบอกไม่ถูก

คิดว่า 50-50 หรือเปล่า ได้ใจกลุ่มหนึ่ง โดนใจกลุ่มหนึ่ง แต่ไปแทงใจอีกกลุ่มหนึ่ง ไปโดนใจ โดนเต็มอะไรกับอีกฝ่ายหนึ่งขึ้น ทีนี้คงจะลำบาก แต่ทุกครั้งอาตมาเห็นทุกยุค ทุกสมัย เขาเรียกอารมณ์พาไป อาตมาก็เคยโดนทนายความคนหนึ่งอย่าเอยชื่อเขาเลย ตอนเรื่องโฉนดถุงกล้วยแขกเกิดใหม่ๆ เขาบอกเดี๋ยวจะแฉพระพยอมให้เละว่า พระพยอมส่งคนไปซื้อที่ดิน แล้วนอมินีเชิดเงินหาย พระพยอมก็บอกกรมที่ดิน ศาลอะไรต่างๆ

อันนี้เอาละ คนเรามีทั้งคนที่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย และวิพากษ์วิจารณ์จะเอาถูก เอาผิดอะไรกันขึ้นมาแต่ละข้อๆ พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงตรัสว่า ความจริงไม่ได้ควรพูดได้เสมอไป เราพูดกันว่า ความจริงเป็นของไม่ตาย แต่คนพูดความจริงผิดจังหวะ ผิดกาลเทศะ ก็อาจจะเจ็บตายเอากันง่ายๆเหมือนกัน และยิ่งเขาไปประกัน และขอร้องว่า อย่าทำอย่างนั้นๆ ไปทำเขาอีก คนประกันก็เสียหาย แล้วคราวหน้าใครจะประกันมั้ย

ถ้าไม่ให้ประกันจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวกันอีกหรือเปล่า ตรงนี้เป็นเรื่องยกเป็นเหตุ เป็นผลที่จะชนกันละ ทำไมถึงหลีกเลี่ยงกันได้ยากเหลือเกิน ทำไมถึงจบยากเหลือเกิน เอาละ ทั้งหมด ทั้งสิ้น ตามหลักพระพุทธศาสนาก็คือ คนเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง ความเห็นแก่ตัวมันชั่วร้าย คนที่ขอเขาบอกว่า ไม่มีใครที่ถูกขอแล้วชอบ และคนที่เขาขอแล้วไม่ให้ก็เป็นที่ไม่พอใจกับคนที่ขอ เพราะฉะนั้น เราจะขอกันยังไงให้วินๆ ไม่ต้องมานั่งเจ็บใจ เพราะขอแล้วไม่ได้

หรือให้ไปแล้วจะย่ามใจกันอีก จะเอากันใหญ่อีก ก็เจ็บปวดอีกเหมือนกัน ดังนั้นอาตมาขอให้นึกถึงคำว่า คนจะขออะไรหรือคนจะให้ได้ ไม่ได้ มันอยู่ที่ตรงไหนกันแน่ ถ้าไม่ใช่อัตตา ตัวตน อีโก้แล้วมันยังไม่รู้ว่า จะไปลงตรงไหน ถ้าคนไม่มีอีโก้มาก เมื่อรู้สึกก้าวล่วงผิดไปแล้ว ก็ต้องรีบขอโทษไวๆ และอีกฝ่ายหนึ่งก็อย่าตามไล่ล่าฆ่ากัน มันควรรีบให้อภัยเร็วๆเพื่อเปลวนรกจะได้ไม่เผาอก เผาใจ เผาบ้าน เผาเมืองต่อไป

 

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login