วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2567

ช่วยฉุดความเป็นธรรมกลับมา

On July 31, 2020

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 31 ก.ค. 63)

เมื่อข่าวต่างประเทศลงว่า ประเทศไทยเสียหายไม่น่ามาลงทุน ไม่น่าเชื่อถือ เราทำดีมา โควิดเราได้แชมป์โลก ได้คะแนนท่วมท้นประเทศไทย แต่มาหายหกตกต่ำสุด เขาทำกระบวนการยุติธรรมให้ไฟใหม้ทั้งอัยการและตำรวจ ตอนนี้ไฟกรุ่นลุกไหม้ 2 สถาบัน คือ อัยการและตำรวจเจ็บปวดแน่นอน อาตมาเชื่อล้านเปอร์เซ็นต์ว่า คนไทยเริ่มมองอะไรเป็นแล้ว ไม่ได้กินหญ้าเหมือนก่อน

โดยเฉพาะขออนุโมทนากับกลุ่มต่อต้านคอร์รัปชั่นทุจริตที่ออกมาชน มาขวิดได้บ้าง อย่าไปทำก๊อกแก็ก คราวนี้ควรจะออกมาจริงจัง ไม่งั้นกระบวนการยุติธรรมไทยพังแน่นอน เพราะบุคคลที่น่าติดตาม น่าพูดกับคนที่มาใหม่ อะไรคดีผ่านไป 7 ปี พยานเพิ่งโผล่มา ซึ่งพยานนี้เป็นพยานอวตารมาจากไหน ตอนนั้นไปหลับในกลีบเมฆอยู่ประเทศใดถึงไม่ออกมาให้การตอนแรก เรื่องมันจะได้ไม่มีค้างคาใจ นี่มาเกิดขึ้นทีหลัง อยากจะพูดคำเดียวว่า ช่างเสกสรรปั้นแต่งกันได้อย่างไม่ได้มี “หิริ โอตัปปะ”กันเลย

นึกว่า คนไทยกินหญ้าหรือไร 7 ปี มันก็เหมือนอย่างคดีอาตมา ปล่อยให้เราทำไปตั้ง 2 ปี 7 เดือน อันนี้ 7 ปี อาตมาซื้อที่ดินแล้วพัฒนาไป 2 ปี 7 เดือน ถึงจะได้มีพยานปากโน้น ปากไหนก็ไม่รู้เอามากันให้การว่า พระพะยอมหรือมูลนิธินี้ซื้อได้มาโดยไม่ชอบอะไรต่างๆนาๆ จนกระทั่งเป็นเรื่องขึ้นมา ตอนนี้เห็นเวรกรรมมีจริงกันหรือยังว่า ใครหากิน หากรรม หาโกง หาเวร แต่กฎหมายบ้านเมืองจึงต้องพบกับชะตากรรม ไฟไหม้บ้าน เรียกว่า ไหม้บ้านแน่ๆ ถ้าไม่ไหม้ก็กินไม่ได้นอน ไม่หลับ กุมหัวแทบแตกไปตามๆกัน

ใครที่คิดว่า ใช้เงินฟาดหัวกับใครที่คิดว่า งาบเงินที่เขาฟาดหัว แล้วตัวเองจะหัวไม่ร้อนก็ให้พึงสังวรกันไว้เถอะ คราวนี้มันเริ่มออกมาอย่างชนิดที่มืดฟ้ามัวดินที่จะไม่ยอมให้ใครโกงกินกันอย่างง่ายๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่ตั้งขึ้นมาเพื่อปราบปรามคอร์รัปชั่นทุจริต อย่ามัวแต่ประชุม ถึงปีทีก็จับแขน จับมือ คราวนี้ต้องจับให้ได้คาหนังคาเขาว่า ใคร คือ ตัวชักใยให้เขาปล่อยคนผิดลอยนวลได้ ใครเป็นคนชักใย เบื้องหลังใครช่วยกันเอามา ตอนนี้ก็เริ่มมีคนคุ้ยเขี่ยแคะกันขึ้นมาบ้างแล้ว

อาตมาก็นั่งติดตามดู คราวนี้มันจะหน้าด้าน หน้าทนกันไปถึงไหนที่จะช่วยคนผิดให้เป็นคนถูก ช่วยคนถูกให้เป็นคนผิด เอาไปร่วมผิด ร่วมประมาทด้วยกัน เพราะคนผิดตายพูดไม่ได้ จะอัดกันอย่างไร จะใส่กันอย่างไรมันก็ใครจะไปรู้ได้ เพราะคนตายพูดไม่ได้ ดังนั้น เราเริ่มเห็นกันแล้วว่า กระบวนการยุติธรรมไม่มียุคไหนตกต่ำ ต่ำตมจมอยู่กับอำนาจเงินเกินไป เลยทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ครูบาอาจารย์ นักวิชาการ แม้กระทั่งพวกเดียวกันเองคงจะรับกันไม่ได้ ถ้ารับได้ก็นึกว่า คนไทยกินหญ้าไปก็แล้วกัน

ยังไงก็ไปถามดู ถ้าพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ออกมาสร้างความจริงให้ปรากฏอีกซักท่านหนึ่งเนี่ย เชื่อว่า ตำรวจรุ่นนั้น คงสะทกสะท้านกันไปตามๆกัน ยังไงขอให้คราวนี้เป็นบทเรียนแก่ทุกฝ่ายเพื่อสร้างความมาตรฐานให้ประเทศไทย ไม่มีใครจะพูดต่อไปอีกว่า คนจนกับคนรวย เวลามีคดี คนรวยนอนบ้าน คนจนนอนคุก หรือที่พูดกันสั้นๆคำที่มันเจ็บปวดหัวใจแก่คนไทยมั้ย คนจนเขามีคุกไว้ขัง แต่คนรวยรอดกันเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้มีคนพูดกัน เดี๋ยวคดีเสือดำ คดีแพรวาอะไรต่างๆจะมากันอย่างไรอีก

เลยเริ่มเรียกว่า ชักเดือดแล้วละ คนที่รักความเป็นธรรม แต่ไมได้เดือดแบบโมโหเครียดแค้น เราเดือดแบบคุ้ยเอาความจริงให้ปรากฏกัน สักวันหนึ่งความจริงต้องปรากฏการณ์แน่จะช้าหรือเร็ว แต่นั่นแหละ เขาบอกว่า ข้าราชการเทพกับข้าราชการโจรไม่รู้อย่างนั้นมันมากกว่ากัน ตั้งกรรมการขึ้นมาใหม่ ใครจะกล้าค้าน กล้าแย้ง เพราะไปเจอคนใหญ่กว่า เหนือกว่า ก็ดูซิ ตัวใหญ่ฯ ไม่ยอมเซ็นเอง ให้รองเซ็น ให้ผู้ช่วยเซ็น แบบนี้ เขาเรียกว่า รู้ทางกันอยู่แล้ว

เรียกว่า รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี อันนี้ ตอนนี้ก็เรียกว่า คุณกนก รัตน์วงศ์สกุลช่องเนชั่น รู้สึกว่า เมื่อก่อนนี้ก็รู้สึกว่า ไม่ค่อยกระทบรัฐบาลมากเท่าไร แต่คราวนี้ออกมาเรียกว่า ปลายคางแทบน่วม ยังไงๆ ช่วยกันหลายๆช่อง หลายๆชุด ช่วยกันฉุดเอาความเป็นธรรมกลับมาให้ประเทศไทย ได้เกิดความเชื่อมั่นในความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมกันต่อไป

 

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login