วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ทำเกินกว่าเหตุ

On April 23, 2020

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 23 เม.ย. 63)

การกระทำที่เกินขอบเขต เกิดเหตุ เราเรียกกันว่า กระทำเกิดเหตุ ก็มักจะมีเหตุให้ต้องได้รับโทษ รับกรรมต่อการกระทำ เช่น ที่จ.นครพนม มีทหาร 7 นายไปทารุณกรรม เรียกว่า เป็นทหารเท้าโหดกักขัง ทำร้ายร่างกาย ที่สำคัญใส่กุญแจมือ และมีการซ่อม 2 พี่น้อง จนพี่ชายตาย ส่วนน้องชายก็สะบักสะบอม ซี่โครงหัก อาการหนักอยู่ ถ้าตายทั้งคู่ก็คงจะลำบาก ตอนนี้นายทหารใหญ่ระดับพันเอกก็ไปเยี่ยม ไปดูแลให้กำลังใจแก่ผู้ถูกกระทำ

แต่ว่า คนที่เสียชีวิต ที่ตายกับคนที่อยู่ก็รับสารภาพว่า เคยสูบเสพยา แต่ว่า ไม่ได้ขาย ข้อสำคัญอยู่ตรงที่ว่า ค้นหาไม่เจอ เขาไม่ได้มีอยู่ที่ตัว แต่แล้วไปทำเข้า อย่างนี้ เรียกว่า ทำเกินเหตุ จนเขาต้องเสียชีวิต และบาดเจ็บ สำคัญร้ายที่สุด คือ ใส่กุญแจมือ ซึ่งเขาไม่มีทางสู้ รุมสกรัมเขาจนเสียชีวิต ต้องเรียกกันว่า ทำเกินกว่าเหตุ ก็คงได้รับโทษ รับทัณฑ์ ทหารที่ไปทำร้ายร่างกายประชาชนที่ไม่สามารถจะพิสูจน์ได้ว่า เขาครอบครองยาเสพติด จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แต่ไปเล่นงานเขาเสียสะบักสะบอม

แม่ของผู้เสียชีวิต ออกมาเรียกร้องไปยังหน่วยงานทหารต้นสังกัด 7 ทหารที่ทำร้ายลูกชาย ว่า มาถึงวันนี้อยากฝากไปยังหน่วยงานทหารต้นสังกัด รีบนำตัวกลุ่มทหารที่กระทำผิดซ้อมลูกชายของตนจนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บมารับผิด รวมถึงกลุ่มทหารที่ทำผิด ต้องกล้ารับผิด อยากให้รักษาเกียรติชายชาติทหาร ทำผิดกล้ารับผิด ออกมายืดอกรับผิดชอบกับผลกรรมที่ก่อไว้ ไม่ต้องให้คนอื่นเสียเวลา ขอร้องอย่าคิดสู้คดี เพราะครอบครัวตนสูญเสียลูกชายทั้งคน มาถึงขนาดนี้แล้ว

แม่ของผู้เสียชีวิต บอกอีกว่า อยากให้ความเป็นธรรม เข้าใจในความสูญเสีย เพราะการกระทำดังกล่าว มันถือว่าเลยร้ายเกินไป โหดร้ายที่สุด เกินจะรับได้ ทำร้ายคนไม่มีทางสู้ ส่วนคนเจ็บยังต้องรักษาตัวอีกนาน กว่าจะปลอดภัย ไม่สามารถทำงานช่วยพ่อแม่ได้ อีกคนเสาหลักต้องตาย พ่อแม่ อายุมาก มีลูกแค่ 2 คน ที่ช่วยดูแล กับมาสูญเสียอีก นึกถึงวันที่ไปรับลูกชายยังรับไม่ได้ ทั้งที่ลูกชายเจ็บถูกทำร้ายจะตายอยู่แล้ว ยังบอกว่าปลอดภัย แถมยังไม่อยากให้เอาตัวคืนมา หากไม่พยายามไปขอตัวลูกคืน ช้าอีกวัน ดิฉันคิดว่าลูกชายอาจถึงตาย เพราะดูแล้วไม่มีความปรานีเลย

ด้านคดีที่พนักงานสอบสวน สภ.ธาตุพนม เจ้าของพื้นที่ที่เกิดเหตุ กำลังเตรียมจะตั้งข้อหาไว้ 2 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ 2.ร่วมกันทำร้ายผู้อื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายบาดเจ็บสาหัส ซึ่งต้องรอประมาณ 45 วัน ผลการผ่าชันสูตรศพจากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ขอนแก่น จึงจะออกมาอย่างเป็นทางการว่า นายยุทธนาเหยื่อคอมแบทโหดเสียชีวิตจากสาเหตุใด

ส่วนทหารผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 7 นาย ได้รับคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ทุกอย่าง รอให้สอบสวนหาข้อเท็จจริงนายทหารพระธรรมนูญ ซึ่งอาจจะนำตัวทหารทั้ง 7 นาย ดำเนินคดีด้วยการขึ้นศาลทหาร หากผลชันสูตรชี้ชัดเจนว่ากระทำเกินกว่าเหตุ จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่เสียชีวิต มีโทษไล่ออกจากราชการ

อาตมามองว่า กรณีอย่างนี้คงจะต้องไล่ออก หรือว่า อาจจะมีโดนคดีทำร้ายร่างกายจนเขาบาดเจ็บก็คงจะต้องได้รับการลงโทษ ไม่ติดคุก ไม่ติดตะรางก็คงจะอยู่รับใช้ชาติลำบาก เพราะว่า การทำเกินเหตุจนเขาตาย ต้องเรียกว่า เกินหลายเท่า แล้วเขาก็ถูกใส่กุญแจมืออยู่ เขาไม่มีทางสู้ พูดถึงเรื่องคนค้ายาติดยาเสพติด ก็มีคนที่เหี้ยมโหด แต่ว่า ก็ได้ผลไปอย่างหนึ่ง คือ ประธานาธิปดีโรดริโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ เรื่องยาเสพติดนี่เฉียบขาด

จนกระทั่งเขาบอกว่า ในฟิลิปปินส์เรื่องปัญหายาเสพติดนี่เหลือน้อยมาก แทบจะไม่มี เพราะถูกปราบปรามอย่างเฉียบขาด เรียกว่า ถ้าถูกจับได้ไม่ต้องเอาเข้าคุก เข้าตะราง แต่โดนศาลเตี้ยปลิดชีวิตก่อนอะไรทำนองนี้ ประเทศฟิลิปปินส์เจอคนนี้เข้า เรียกว่า ต้องจอด พวกพ่อค้ายาเสพติด เสพยา ถึงกลับต้องวิ่งเข้าหารัฐบาลให้ช่วยระงับ ช่วยรักษา ช่วยเยียวยาให้เขาหายจากการติดยา ต้องเรียกกันว่า ความเฉียบขาด ความเด็ดขาดของเขาเล่นเอาประเทศเขาอยู่อย่างสงบไปได้

มาเฉียบขาด เด็ดขาดแบบของเรามาไล่ทุบ ไล่ตี ทำร้ายเขา เรียกว่า คนละแบบคนละอย่างกัน และรัฐบาลก็ยังไม่ได้อนุญาตให้จัดการกับขบวนการค้ายา ติดยานี่แบบนั้น เรายังคงใช้ระบบทำไปตามขอบเขตของกฎหมาย เอาไปบำบัด หรือเอาเข้าคุก เข้าตะราง จัดการไปตามระบบแบบแผนในประเทศของเรา ถ้าเราทำแบบฟิลิปปินส์บ้าง แต่มันต้องทำแบบเป็นระบบมาก่อน ไม่ใช่จู่ๆจะมาทำแค่รายสองราย แล้วก็ทำไม่แนบเนียน ไม่สมเหตุ สมผลว่างั้นเหอะ

จับเขาไม่ได้ เขาไม่มียาไปบังคับให้เขารับสารภาพ ไปทุบ ไปตี ไปกระทืบทำร้ายจนเขาต้องบาดเจ็บ ล้มตาย อย่างนี้มันคนละระบบกัน ถ้ารัฐบาลเอาจริงแบบประธานาธิปดีโรดริโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ บ้างแล้วให้เป็นระบบมาว่า ถ้าให้แน่ชัด คือ พูดง่ายๆว่า ไม่ผิดตัว ไม่มีผิดฝา ผิดตัวและมั่วผิดพลาดต้องรับผิดชอบเหมือนกัน ปัญหาที่เกิดขึ้นทำแบบนี้ก็คงจะอยู่ยากแล้วล่ะในตำแหน่งหน้าที่ ก็ทำให้ผู้บังคับบัญชาต้องเดือดร้อน ผู้บัญชาการทหารบกก้นก็ไม่ค่อยติดเก้าอี้เท่าไร

เพราะเมื่อลูกน้องไปกระทำการแบบนี้ ก็ต้องเรียกกันว่า สร้างความเดือดร้อนให้ภาพลักษณ์ของทหาร ซึ่งทหารดีๆก็มีมาก แต่ทหารที่ไปทำแบบนี้ก็เสียภาพพจน์ของทหาร และสร้างภาพพจน์ รักษาชื่อเสียง เกียรติศักดิ์ เกียรติประวัติไว้อย่างดีงามนั้นทำยาก แต่ว่าก็มีทหารรักษาภาพพจน์ เกียรติศักดิ์ของทหาร ให้ประชาชนเคารพและยำเกรง ไม่ใช่มีพฤติกรรมทำร้ายกันอย่างนี้ไม่ได้ ขอย้ำว่า ทหารกลุ่มนี้ต้องถูกลงโทษตามกรรมที่ตัวเองได้กระทำ เพราะทำรุนแรงเกินเหตุนั่นแหละ

 

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login