วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

จดจำโควิด-19 ไปตลอดชีวิต

On April 15, 2020

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 15 เม.ย. 63)

ก็หวังว่าจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ของวัดสวนแก้ว ตั้งแต่ตั้งวัดมา 20 กว่าปี ไม่เคยมีสงกรานต์ปีไหนที่ทำให้วัดเงียบ เรียกว่า ไม่มีคนมาวัดเท่ากับครั้งนี้ เพราะการอยู่บ้านกักเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อชาตินั้นมาแรงจริงๆ มาแรงชนิดที่เรียกว่า อยู่บ้านกันจริงๆ ไม่ยอมมาวัด เพราะก็ต้องเชื่อฟังผู้บริหารประเทศและแพทย์แนะนำ ไม่งั้นเราจะหัวทิ่ม หัวตำกับโควิดนี่ ไม่สามารถที่จะลดจำนวนปริมาณได้

หวังว่า จะทำให้เราได้พบกับความจดจำ บทเรียน เราคงจะจำกันได้ตลอดชาติ ตลอดชีวิตว่า เจ้าไวรัสโควิด-19 มาครั้งนี้ ได้ทำลายเศรษฐกิจ ทำลายวิถีชีวิตไทย ขนบธรรมเนียมประเพณี มารดน้ำดำหัวกันไม่ได้ มีบางวัดจัด ผู้ใหญ่บ้าน กำนันอะไรก็โดนผู้ว่าฯตำหนิ เพราะเหมือนกับไม่รู้กาลเทศะ ไม่ดูจังหวะเวลาสถานการณ์ มันเป็นอย่างนี้ควรเลี่ยง ควรเว้น สำหรับที่วัดสวนแก้วก็คงเห็นกันแล้วล่ะว่า เราได้ทำเพื่อปลอดภัย คือ มีลักษณะตัดไม่ไผ่ตัดผ่าลำยาวแล้วทำให้น้ำไหลมาในท่อไม้ไผ่ห่างจากพระ 4-5 เมตร

โยมยืนห่างและทยอยกันเป็นแถวห่างตามกำหนด ปรากฏว่า ระยะห่างน่าจะปลอดภัยสบายแล้ว และทำบรรยากาศด้วยการเอามะม่วง เอาอะไรมาประดับ ทำเอาคนมาลูบคลำว่า ของจริงหรือของปลอม เพราะมะม่วงงาช้างแดง มะม่วงแดงอินโดฯและพันธุ์ต่างๆมาประดับเข้ากับไม้ดอก ไม้ประดับจัดอย่างสวยงาม คนมาเห็นก็ปลื้มชื่นใจ จัดเป็นปีที่ไม่มีอะไร เราก็คงคิดไม่ออก หรือทำอะไรกันไม่เป็น แต่ปรากฏว่า พอทำแล้วก็มีความสวยงามเกินคาด

ต้องเรียกว่า วิกฤตของเจ้าไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดโอกาส เกิดสติปัญญา และเกิดคิดประดิษฐ์ประติมากรรมใหม่ออกมา เพราะว่า เมื่อเขาไม่ให้ทำ เราจะไปฝ่าฝืนขืนอยู่ มันก็ดูเป็นเรื่องไม่เหมาะ แต่ถ้าเราทำ เราต้องเอาความปลอดภัยไว้ก่อนมาให้ได้ อย่าทำให้เกิดภาพหลุดไปแล้ว คนดู ข่าวออก บอกวัดแย่มาก เป็นวัดดื้อด้าน เป็นวัดไม่เชื่อฟังกฎหมายอะไรกันซะเลยก็ลำบาก และตั้งแต่ตั้งวัดสวนแก้วมา เทศกาลสงกรานต์แต่ละปีจำได้ว่า คนมาไม่ต่ำกว่า 1 พันคน แต่ปีนี้มาไม่ถึงร้อยคน หายไป 10 – 20 เท่า คนมาน้อยมา เรียกว่า วัดแทบจะร้างเลย

เหมือนที่สื่อรายงานว่า ถนนข้าวสารร้าง และถนนสายต่างๆที่เคยคึกคักในช่วงเทศกาลสงกรานต์ร้างหมด ไม่มีใครที่จะมาเที่ยว ทำให้เกิดความรู้สึกว่า แย่แล้ว แต่ก็ไม่เป็นไร เขาบอกคนไทยต้องฮึดสู้ เราต้องรู้วาระของชาติบ้านเมือง ของโลกว่า เหตุการณ์เหล่านี้มันก็เกิดทั้งโลก ไม่ใช่เกิดเฉพาะที่เรา บางประเทศน่าเศร้าอย่างสหรัฐอเมริกาไม่น่าเชื่อว่า มีคนติดเชื้อมากและตายกันอย่างไม่หวาด ไม่ไหว เก็บศพไม่ทัน ต้องใส่รถเทเลอร์ ตู้แช่ และขุดหลุมฝังศพขนาดใหญ่

เรียกว่า เหตุการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สหรัฐแซงประเทศอื่นไปแล้วเป็นอันดับ 1 ของโลก ซึ่งประเทศที่เจริญแล้วอย่างสหรัฐยังเอาไม่อยู่ เรียกว่า ประเทศไทยมีลักษณะดีกว่าเขาเยอะแยะ ก็ไม่น่าจะมาหวั่นไหว เสียใจอะไรนัก การที่รัฐบาลจะต้องเยียวยากันนี่ เราก็วิตกกังวัลกันว่า จะมีการโกงกิน เอางบประมาณมาผลาญกันอย่างไม่โปร่งใส่ ก็ไม่รู้ล่ะ ถ้างบประมาณมันเกิดทำให้มีการทุจริตคิดไม่ซื่อก็ต้องถือว่า คนไทยกินลงไปได้อย่างไร หากิน หากรรม หาโกง หาเวรกันกระทั่งคนเจ็บ คนป่วยก็จะเอาด้วย

อันนี้เป็นเรื่องที่ต้องถือว่า แย่ที่สุด ก็คิดว่า ใครคิดที่ช่วยกันกระโตก กระตาก กลุ่มต่อต้านโกง ก็ขอให้ออกมามีบทบาท อย่าให้โอกาสคนโกงฉวยโอกาสเอาวิกฤตเป็นโอกาสของเขาที่จะทำให้ชาติบ้านเมืองของเราสูญเสียงบประมาณไปเปล่าๆ ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น วัดแต่ละวัด หรือบริษัทห้างร้านก็เสียรายได้ไปไม่ใช่น้อย อาตมาไม่นึกเลยว่า จากเทศกาลสงกรานต์ปีหนึ่งเคยได้ 4-5 หมื่นบาท จะลดฮวบอย่างชนิดที่เรียกกันว่า ได้ไม่ถึงหมื่นบาท

ต้องเรียกว่า สุดๆของความสาหัสสากรรจ์ ถ้าเป็นบริษัทต้องเรียกว่า ต้องล้มละลาย แต่วัดก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟ และต้องเลี้ยงคนชรา เด็กกำพร้าด้วย ต้องถือว่า เอาตัวรอดลำบากเหมือนกัน อย่างปีนี้ก็ไม่ได้ตัดงบประมาณดูแลคนชรา งบฯคนสูงวัยก็ยังจะจัดให้คนชราที่มาช่วยเหลือวัดบ้าง อยู่ในวัดบ้างไปเกือบ 2 แสนบาท ก็ถือว่า ถึงแม้ว่า ตอนนี้รายได้ของวัดจะต่ำ แต่เราก็ควรที่จะเจียดเอาความที่ลำบากของเขามาใส่หัวใจเราไว้บ้าง

 

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login