วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

แมวช่วยจับหนู

On December 20, 2019

คอลัมน์ : ร้ายสาระ

ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่  20-27 ธันวาคม 2562)

ทาสแมวทุกคนต่างรู้ดีว่าหน้าที่สำคัญของแมวคือการไล่จับหนู แต่แมวในเรื่องนี้ไม่ได้ช่วยจับหนูทั่วๆไป หากแต่เป็นอาชญากรฉายา “เจ้าหนู” ทำให้ตำรวจสามารถคลี่คลายคดีฆาตกรรมได้อย่างรวดเร็ว

วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 1912 มีคนพบร่างหญิงสาวถูกห่อด้วยผ้าปูที่นอนและผ้าปูโต๊ะในบ่อน้ำโรงสีกิลเบิร์ตและเบนเนต เมืองจอร์จทาวน์ รัฐคอนเนตทิคัต ศีรษะมีบาดแผลฉกรรจ์เป็นรอย 4 รู ผ้าปูที่นอนปักอักษรย่อ “CG” ทำให้ตำรวจคาดคะเนว่าอาจเป็นร่างของโสเภณีเกรซ คาร์โบน ที่หายตัวไปเมื่อ 4 สัปดาห์ก่อน

ก่อนหน้านี้เกรซและเพื่อนสาว เจนิวีฟ คาวาลิเอรี ได้รับหมายเรียกตัวไปให้ปากคำที่ศาลในฐานะพยานคดีค้ามนุษย์ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เธอถูกคนร้ายฆ่าปิดปาก แต่นั่นเป็นเพียงแค่การเดาสุ่มเบื้องต้นของตำรวจ อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้กระจายกำลังกันค้นทุกตารางนิ้วของบ่อน้ำเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมและสอบถามคนที่อาศัยในละแวกนั้นว่ามีใครที่มีชื่อย่อ “CG” หายตัวออกจากบ้านหรือไม่

หลายวันต่อมาช่างไม้เลสเตอร์ โอล์มสเตด แจ้งตำรวจว่า ขณะที่เขาเดินหาไม้ก็พบซากหีบถูกไฟไหม้ใบหนึ่งในป่าห่างจากสถานีรถไฟบรานช์วิลประมาณ ¼ ไมล์ เมื่อตำรวจเดินทางไปถึงก็พบว่าห่างออกไปไม่ไกลทางทิศตะวันตกมีกระท่อมสีเหลืองอยู่หลังหนึ่งและมีลำธารสายหนึ่งไหลผ่าน ซึ่งลำธารนี้เชื่อมต่อกับบ่อน้ำโรงสีกิลเบิร์ตและเบนเนต

เมื่อคุ้ยกองเถ้าถ่านก็พบแถบสังกะสี (ลายเส้นบนหีบ) เศษไม้ที่ยังไหม้ไม่หมด รองเท้าผู้หญิงข้างหนึ่ง กระดุม 3 เม็ด เข็มกลัดซ่อนปลาย และที่สำคัญที่สุดคือเศษเชือกยาว 6 นิ้ว ซึ่งเป็นเชือกชนิดเดียวกับที่ใช้มัดผ้าปูที่นอนห่อร่างหญิงสาวที่พบในบ่อน้ำโรงสีกิลเบิร์ตและเบนเนต ห่างไปไม่ไกลมีรอยเหมือนมีคนพยายามขุดหลุมขนาดใหญ่แต่คนขุดล้มเลิกความตั้งใจไปเสียก่อน

หนึ่งหญิงสองชาย

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์รายงานข่าวว่า หีบใบดังกล่าวถูกขนส่งจากเมืองนิวยอร์ก รัฐนิวยอร์ก ไปยังเมืองบรานช์วิล รัฐคอนเนตทิคัต โดยขบวนรถด่วน ขณะที่พยานหลายคนในเมืองบรานช์วิลอ้างว่าเห็นชาย 2 คน กับหญิงสาว 1 คน ช่วยกันขนหีบขึ้นรถเข็นแล้วลากไปที่กระท่อมสีเหลืองบนเนินเขากลางป่า

เมื่อได้ข้อมูลใหม่ตำรวจก็เบนเข็มสืบสวนไปที่เมืองนิวยอร์ก จอร์จ ซามูเอล โดเฮอร์ตี้ รองอธิบดีกรมตำรวจ สั่งการให้สายสืบควานหาที่มาของหีบ โดยให้สายสืบคลินตัน วูด และราล์ฟ มิเทลลี จากกรมตำรวจนิวยอร์ก ประสานงานกับตำรวจคอนเนตทิคัต

จากการสืบสวนพบว่า กระท่อมสีเหลืองบนเนินเขาเป็นกระท่อมสำหรับคนงานซ่อมบำรุงทางรถไฟ เมื่อตอนต้นปี ซัลวาทอเร่ จีราชี หรือฉายา “เจ้าหนู” เข้ามาพักอาศัยในกระท่อมสีเหลืองขณะทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวของบริษัทเดินรถไฟ และหลายวันก่อนมีคนเห็นซัลวาทอเร่กับคนอีก 2 คน ช่วยกันขนหีบใบหนึ่งมาวางไว้ที่หลังกระท่อม

ขณะเดียวกันตำรวจนิวยอร์กพบร้านขายของเก่าร้านหนึ่งที่เพิ่งขายหีบใช้แล้วให้กับชายคนหนึ่ง หีบใบนั้นถูกส่งไปที่อาคารเลขที่ 315 ถนน 40 ตะวันออก เมืองนิวยอร์ก ตำรวจจึงเดินทางไปสอบปากคำแม่บ้านผู้ดูแลอาคารแห่งนั้น

หายไปกันหมด

แม่บ้านจอห์น เพรสตัน ให้การว่า ชั้นล่างของอาคารดังกล่าวเช่าโดยคาร์เมลิน่า จีราชี ช่างเย็บผ้าวัย 40 ปี อาศัยอยู่กับสามี ซัลวาทอเร่ จีราชี วัย 54 ปี และลูกสาววัย 15 ปี ทูริดดี จีราชี แต่ครอบครัวจีราชีไม่ได้อยู่กันตามลำพัง มีชาย 2 คนอาศัยอยู่ด้วยชื่อ กุยเซปเป และซัลวาทอเร่ ลอมบาร์ดิ

ไม่มีใครเห็นกลุ่มคนดังกล่าวมาเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว เกรงว่าอาจเกิดเรื่องร้ายกับ 2 แม่ลูก เนื่องจากคุณนายลินช์ ซึ่งเช่าห้องฝั่งตรงกันข้ามอ้างว่าได้ยินเสียงผู้หญิงร้องเมื่อเวลาประมาณ 22.30 น.ของคืนวันที่ 5 พฤศจิกายน โดยมีเพื่อนบ้านอีกคนยืนยันว่าได้ยินเสียงผู้หญิงร้องในคืนดังกล่าวเช่นกัน

สิ่งของภายในห้องเช่ากระจัดกระจายเหมือนมีการต่อสู้ พบรอยเลือดบนเตียงนอนซึ่งตรงกับรอยเลือดบนผ้าปูที่นอนที่ใช้ห่อร่างศพหญิงสาวที่พบในบ่อน้ำ และพบตะปูเปื้อนคราบเลือดกระจายทั่วห้อง ซึ่งมีขนาดตรงกับบาดแผลบนศีรษะเช่นเดียวกัน แต่ไม่พบอาวุธที่ใช้สังหาร

ตำรวจมั่นใจว่าศพหญิงสาวที่พบในบ่อน้ำคือ คาร์เมลิน่า จีราชี และเริ่มเป็นห่วงความปลอดภัยของทูริดดี เกรงว่าเธออาจถูกคนร้ายสังหารด้วยอีกคน ผู้ต้องสงสัยคนสำคัญคือตัวสามี ซัลวาทอเร่ จีราชี ขณะที่กุยเซปเปและซัลวาทอเร่ ลอมบาร์ดิ น่าจะมีส่วนร่วมในการประกอบอาชญากรรม ตำรวจจึงเริ่มสืบสวนหาตัวชายทั้ง 3 คน

มือโปรมาช่วย

วันที่ 18 พฤศจิกายน “ทิปซี่” แมวตัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ในอาคารเดียวกัน เดินเข้าไปในห้องที่เกิดเหตุขณะที่ตำรวจกำลังเก็บหลักฐาน ทิปซี่เดินไปเดินมารอบห้องสักพักก่อนที่จะหายเข้าไปในซอกเล็กๆใต้อ่างล้างจาน ตำรวจเรียกให้ทิปซี่ออกมาเพราะเกรงว่ามันจะถูกขังอยู่ในห้องหลังจากที่ตำรวจกลับออกไปแล้ว

แต่ทิปซี่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน นอนนิ่งเฉยอยู่กับที่ ไม่ยอมขยับเขยื้อนตัว ทำให้ตำรวจต้องลงคลานเข่ามุดเข้าไปใต้อ่างล้างจานเพื่อดึงตัวทิปซี่ออกมาจากซอกมืดๆ แต่ตำรวจต้องประหลาดใจที่เห็นทิปซี่นอนขดอยู่ข้างๆกระบองหนามหัวตะปู อาวุธของคนร้ายที่ตำรวจพยายามค้นหาอยู่หลายวัน

คราบเลือดบนกระบองหนามยืนยันได้ว่ามันคืออาวุธที่คนร้ายใช้สังหารคาร์เมลิน่า ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานว่า ซัลวาทอเร่ จีราชี อาจพัวพันกับธุรกิจค้ามนุษย์ เขาพยายามบังคับทูริดดี ลูกสาววัย 15 ปีให้ขายตัว แต่คาร์เมลิน่าผู้เป็นแม่ไม่ยินยอม อีกทั้งจะนำเรื่องไปแจ้งตำรวจ ทำให้ซัลวาทอเร่ลงมือสังหารภรรยาเพื่อปิดปาก

จับได้โดยละม่อม

ตำรวจตามพบกุยเซปเปได้ไม่ยาก เนื่องจากเขามีรูปร่างเล็กกว่าชาวยุโรปทั่วไป ทำให้ยากต่อการหลบซ่อนจากสายตาผู้คน แต่ดูเหมือนว่ากุยเซปเปจะไม่รู้เรื่องเหตุฆาตกรรม และไม่รู้ว่าครอบครัวจีราชีที่เขาเคยไปอาศัยอยู่ด้วยย้ายไปอยู่ที่ไหน

วันที่ 25 มีนาคม 1913 ตำรวจสามารถจับกุมตัวซัลวาทอเร่ จีราชี ได้ที่เมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก สิบตำรวจเอกวินเซนต์ ดี ไกด์ เดินทางไปรับตัวซัลวาทอเร่มาสอบปากคำที่เมืองนิวยอร์ก ซัลวาทอเร่ปฏิเสธว่าไม่รู้ว่าภรรยาหายตัวไป และไม่รู้ว่ามีคนพบศพหญิงสาวในเมืองจอร์จทาวน์ รัฐคอนเนตทิคัต

หลังจากสอบปากคำอย่างเข้มข้นนาน 3 ชั่วโมง จู่ๆซัลวาทอเร่ก็ล้วงไม้กางเขนออกมาจากในเสื้อ เขาก้มลงจูบไม้กางเขนแล้วพูดกับตำรวจว่า “เมื่อผมจูบไม้กางเขน ผมจะพูดแต่ความจริง” เขาสารภาพว่าภรรยาไม่ได้ทำอาชีพช่างเย็บผ้าอย่างที่คนอื่นเข้าใจ อาชีพที่แท้จริงของเธอคือเป็นโสเภณี

เขาต้องกล้ำกลืนฝืนทนมานาน จนกระทั่งวันหนึ่งเขากับลูกสาวและเพื่อนร่วมห้อง ซัลวาทอเร่ ลอมบาร์ดิ ล้อมวงปรึกษากันลงความเห็นตรงกันว่าควรกำจัดเธอเสีย ดังนั้น ในคืนวันหนึ่งหลังจากที่คาร์เมลิน่ากลับมาบ้าน เธอไล่สามีออกจากห้องนอน ซัลวาทอเร่รอจนกระทั่งคาร์เมลิน่าหลับย่องกลับเข้าไปในห้องนอนแล้วใช้กระบองหนามหวดเข้าที่ศีรษะคาร์เมลิน่าอย่างแรงจนเธอเสียชีวิต

ซัลวาทอเร่ยืนยันว่าเขาทำในสิ่งที่ถูกต้องและตั้งใจจะมอบตัวกับตำรวจ แต่ลูกสาวและเพื่อนร่วมห้องแนะนำให้เอาศพไปทิ้งและหนีไปอยู่ที่อื่น ซึ่งพวกเขาประกอบไปด้วยซัลวาทอเร่กับลูกสาว และซัลวาทอเร่ ลอมบาร์ดิ ช่วยกันนำศพใส่หีบขนไปทิ้งที่บ่อน้ำเมืองจอร์จทาวน์ รัฐคอนเนตทิคัต ก่อนจะหนีไปอยู่ด้วยกันที่เมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก

อย่างไรก็ตาม ทูริดดีและซัลวาทอเร่ ลอมบาร์ดิ ย้ายออกจากห้องเช่าเมื่อวันที่ 23 มีนาคม หรือเพียง 2 วันก่อนที่ตำรวจจะบุกเข้าจับกุมตัว โดยซัลวาทอเร่อ้างว่าไม่รู้ว่าพวกเขาย้ายไปอยู่ที่ไหน หลายวันต่อมาตำรวจอิตาลีสามารถรวบตัวซัลวาทอเร่ ลอมบาร์ดิ ได้ที่ซิซิลี ประเทศอิตาลี

ซัลวาทอเร่ จีราชี หรือฉายา “เจ้าหนู” ถูกตัดสินต้องโทษจำคุก 20 ปี แต่ไม่มีบันทึกว่าซัลวาทอเร่ ลอมบาร์ดิ ได้รับโทษอย่างไรบ้าง และตำรวจสามารถจับกุมตัวทูริดดี จีราชี ได้หรือไม่

1

1.บ่อน้ำโรงสีกิลเบิร์ตและเบนเนต

2

2.สถานีรถไฟบรานช์วิล

3

3.จอร์จ ซามูเอล โดเฮอร์ตี้

4

4.กระบองหนามคล้ายกับอาวุธของคนร้าย

5

5.ข่าวแมวพบอาวุธสังหาร

6

6.เหยื่อถูกสังหารขณะนอนหลับ

7

7.ซัลวาทอเร่ จีราชี รับสารภาพหมดเปลือก

8

8.ตำรวจตามหาตัวทูริดดี จีราชี


You must be logged in to post a comment Login