วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

นักล่าจานบิน

On December 6, 2019

คอลัมน์ : ร้ายสาระ

ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่  6-13 ธันวาคม 2562)

ช่างภาพชาวสวิสสามารถถ่ายภาพจานบินได้จำนวนมาก บางภาพมีความคมชัดสามารถมองเห็นรายละเอียดอย่างชัดเจน ทุกภาพได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่มีการตกแต่งภาพ ทำให้ถูกนำมาใช้เป็นหลักฐานพิสูจน์ว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง

ปี 1942 เอ็ดเวิร์ด อัลเบิร์ต ไมเออร์ หรือที่ต่อมารู้จักกันในชื่อบิลลี่ ไมเออร์ เด็กชายวัย 5 ขวบ วิ่งเล่นอยู่ในบ้านไร่เมืองบูแลช ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยความซุกซนทำให้เลยเถิดถลำเข้าไปในป่าลึก บิลลี่พบชายชราคนหนึ่งสวมชุดคล้ายชุดประดาน้ำแต่ไม่มีหน้ากาก

บิลลี่ไม่รู้สึกตกใจที่เห็นคนแปลกหน้าในชุดประหลาด มิหนำซ้ำทั้งคู่ยังสนทนากันผ่านทางโทรจิต ชายชราแนะนำตัวว่าชื่อ “สเฟธ” ซึ่งนั่นคือครั้งแรกที่บิลลี่พบกับมนุษย์ต่างดาว หลังจากนั้นเขาก็พบกับสเฟธอีกหลายครั้ง บางครั้งสเฟธก็พาบิลลี่เข้าไปในจานบินพาไปท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆรอบโลก ได้พบบุคคลสำคัญของโลกหลายคน หนึ่งในนั้นคือ มหาตมะ คานธี

แม้ว่าบิลลี่และสเฟธจะสื่อสารกันด้วยการใช้โทรจิต แต่สเฟธก็ยังมอบอุปกรณ์แปลภาษามนุษย์ต่างดาวขนาดพกพาให้บิลลี่ติดไว้ที่อกเสื้อกันเอาไว้เผื่อเหนียว ตลอดระยะเวลา 2 ปี สเฟธอบรมสั่งสอนให้ความรู้กับบิลลี่จนกระทั่งบิลลี่มีความคิดความอ่านเทียบเท่าผู้ใหญ่วัย 35 ปี ขณะที่เขามีอายุเพียงแค่ 7 ขวบเท่านั้น

จากการที่สมองโตเกินวัย ทำให้บิลลี่ไม่สุงสิงกับเด็กวัยเดียวกัน การเข้ากับเพื่อนฝูงไม่ได้ทำให้บิลลี่ถูกเพื่อนๆแกล้งเป็นประจำแต่เขาก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร จนกระทั่งเข้าสู่วัยรุ่นความอดทนอดกลั้นที่สั่งสมมานานหลายปีก็พังทลายลง เมื่อหญิงคนหนึ่งใช้ผ้าเปียกฟาดเขาอย่างแรง บิลลี่จึงใช้กำลังโต้ตอบกลับไป จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้บิลลี่ถูกตำรวจจับและถูกส่งตัวไปยังสถานพินิจ

ศาสดาพยากรณ์

หลังจากพ้นโทษออกมาบิลลี่ตัดสินใจไปสมัครเป็นทหารสังกัดกองทหารต่างด้าวฝรั่งเศส แต่อยู่ได้ไม่นานก็รู้ตัวว่าตัดสินใจผิด บิลลี่หนีออกจากกองทัพเดินเท้าข้ามภูเขาและทะเลทราย ผ่านภูมิประเทศต่างๆจนกระทั่งไปโผล่ที่ดินแดนแถวตะวันออกกลาง

ช่วงเวลานั้นบิลลี่สวมวิญญาณซูเปอร์ฮีโร่ออกตามล่าฆาตกรต่อเนื่องและฆาตกรสังหารหมู่เพื่อนำตัวคนร้ายมารับโทษจนได้รับสมญานามว่า “ปิศาจ” บิลลี่เองก็ถูกคนร้ายหมายหัวด้วยเช่นกัน เขารอดตายจากการถูกคนร้ายลอบสังหาร 21 ครั้ง

บิลลี่ยังคงติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว เขาได้รับข้อมูลเกี่ยวกับอนาคตของมนุษยชาติและจุดจบของโลกอันเกิดจากกลุ่มคลั่งศาสนา บิลลี่จดบันทึกเรื่องราวที่เรียนรู้มาจากมนุษย์ต่างดาวรวมแล้วมากกว่า 24,000 ข้อความ ซึ่งต่อมาข้อความเหล่านี้ถูกนำไปตีพิมพ์เป็นภาษาเยอรมัน

ส่วนหนึ่งในจำนวนนี้เป็นบันทึกประสบการณ์เดินทางข้ามเวลาและพยากรณ์เหตุการณ์สำคัญๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แม้ว่าคำพยากรณ์ส่วนใหญ่จะผิดพลาด แต่ก็มีบางเหตุการณ์ที่ใกล้เคียงกับคำพยากรณ์ จึงทำให้เกิดผู้ศรัทธาและบิลลี่กลายเป็นศาสดาของกลุ่มบุคคลที่เชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาว

หลักฐานชัด

ช่วงทศวรรษ 1970 บิลลี่ได้ถ่ายภาพจานบินไว้เป็นจำนวนมาก แม้ภาพถ่ายเหล่านี้จะได้รับการยอมรับว่าไม่ได้ผ่านการตกแต่งภาพ แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับว่าสิ่งที่เห็นในภาพเป็นจานบินจริงๆด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น ภาพจานบินคมชัดเกินไป ถูกวางในตำแหน่งกลางภาพพอดิบพอดีเกินไป จานบินลอยขนานและตั้งฉากกับพื้นดินเกินไป ขนาดไม่สมส่วนเมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งอื่นๆในภาพ จานบินหลายลำถูกถ่ายภาพในวันเดียวกันและสถานที่เดียวกัน แต่ถ่ายจานบินคนละลำได้หลายภาพ ฯลฯ

แต่บิลลี่ยังคงยืนยันว่าเป็นภาพจานบินจริงๆ ปี 1964 เมื่อครั้งที่อยู่อินเดีย บิลลี่ได้พบตัวเป็นๆของมนุษย์ต่างดาว “แซมเจซี” เดินทางมาจากกลุ่มดาวลูกไก่ พร้อมกับโชว์ภาพถ่าย 2 มนุษย์ต่างดาวสาว “แอสเก็ต” และ “เนร่า” ซึ่งเขาถ่ายเองกับมือเมื่อปี 1975 แต่เพิ่งนำมาเปิดเผยในที่สาธารณะในปี 1983

ต่อมาในปี 2001 มีคนพบว่าแอสเก็ตจริงๆแล้วก็คือ มิเชล เดลลาเฟฟ นักร้องและนักเต้นชาวอเมริกัน คณะโกลดิกเกอส์ และดิงอะลิงซิสเตอส์ ส่วนเนร่าคือ ซูซาน ลันด์ เป็นนักเต้นคณะเดียวกัน ภาพที่บิลลี่เอามาอ้างว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวนั้นถ่ายไว้เมื่อราวปี 1971 ตอนที่ได้รับเชิญไปออกรายการดีน มาร์ติน โชว์

หลังจากรู้ตัวว่าถูกเปิดโปง บิลลี่ก็ออกมาแก้เกี้ยวว่า ภาพถ่ายมนุษย์ต่างดาวแอสเก็ตและเนร่าถูกชายชุดดำ Men In Black แอบนำภาพมิเชลและซูซานมาสลับสับเปลี่ยนโดยที่เขาไม่รู้มาก่อน

จานบินเค้กแต่งงาน

วันที่ 3 เมษายน 1981 บิลลี่ถ่ายภาพจานบินระยะใกล้ได้ลำหนึ่ง ภาพนี้ต่อมาถูกเรียกว่าภาพจานบินเค้กแต่งงาน เนื่องจากจานบินมีรูปร่างคล้ายกับเค้กทรงสูงที่นิยมใช้ในงานเลี้ยงวิวาห์ ภาพชุดนี้มีความคมชัดมาก ทำให้ง่ายต่อการวิเคราะห์

ลำดับแรกคือ ภาพจานบินเค้กแต่งงานมีวัตถุบางอย่างเช่นต้นไม้ที่พื้นด้านหลังจานบินเสมอ เชื่อว่าบิลลี่ใช้วัตถุพื้นหลังจานบินซ่อนสิ่งของที่ใช้แขวนจานบินให้ดูเหมือนลอยอยู่ในอากาศ ลำดับต่อมาคือฐานจานบินมีลักษณะเส้นริ้วซ้อนกัน 4 ชั้น ริ้วชั้นที่ 2 มีปีกขนาดเล็กยื่นออกมา

มีคนพบว่าฐานจานบินมีลักษณะเหมือนกับฝาถังยี่ห้อ Harcostar อย่างไม่ผิดเพี้ยน ปีกขนาดเล็กก็คือที่จับสำหรับเปิดฝาถัง บิลลี่โต้ข้อกล่าวหานี้โดยอธิบายว่า นักวิทยาศาสตร์เยอรมันเริ่มโครงการศึกษาและวิจัยจานบินชนิดนี้ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1920 ทำพิมพ์เขียวสำหรับสร้างจานบินขึ้นมาหลายชิ้น โดยตั้งเป้าจะสร้างจานบินให้ได้ก่อนปี 1970

โครงการถูกยกเลิกไปในช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 และถูกลืมเลือนไป จนกระทั่งราวปี 1965 มีคนไปพบพิมพ์เขียวบางชิ้น แต่แทนที่จะนำไปสร้างจานบิน พวกเขากลับนำไปสร้างฝาถัง ลองคิดดูว่าเมื่อก่อนนี้ฝาถังก็ผลิตแบบเรียบๆ ทำไมต้องทำให้เป็นลายริ้วซ้อน 4 ชั้น หากไม่เป็นเพราะแรงบันดาลใจจากการพบพิมพ์เขียวจานบิน

ภาพจานบินภาพหนึ่งแสดงให้เห็นว่าลูกทรงกลมเป็นมันวาวที่ติดอยู่รอบจานบินลูกหนึ่งหลุดออกจากกัน ทำให้มองเห็นส่วนปลายของลูกทรงกลมมีรูปร่างลักษณะเหมือนลูกบอลประดับต้นคริสต์มาสอย่างไม่ผิดเพี้ยน วัตถุสีทองที่คั่นระหว่างลูกทรงกลมชั้นที่ 2 ก็มีรูปร่างคล้ายกับหมุดปรับระดับชั้นวางหนังสือ

ปี 1997 ภรรยาของบิลลี่ออกมายอมรับว่าจานบินที่เห็นในภาพถ่ายนั้นล้วนทำมาจากข้าวของเครื่องใช้ที่หาได้ในบ้าน เช่น ฝาถังขยะและหมุดยึดพรม เรื่องเล่าการผจญภัยกับมนุษย์ต่างดาวก็เป็นเพียงสิ่งที่บิลลี่มโนขึ้นมา แต่อย่างน้อยกรณีของบิลลี่ทำให้กลุ่มนักจานบินวิทยามีความรอบคอบในการตรวจสอบหลักฐานให้รัดกุมมากยิ่งขึ้นก่อนที่จะปักใจเชื่ออะไรง่ายๆ

 

1

1.บิลลี่ ไมเออร์

2

2.ภาพถ่ายของบิลลี่ถูกนำไปใช้ในภาพยนตร์เรื่อง The X-Files

3

3.มนุษย์ต่างดาวแอสเก็ตและเนร่า

4

4.มิเชล เดลลาเฟฟ (ซ้าย) และซูซาน ลันด์ (กลาง)

5

5.จานบินเค้กแต่งงานบินผ่านต้นไม้

6

6.ภาพถ่ายจานบินเค้กแต่งงานระยะใกล้

7

7.ฝาถังยี่ห้อ Harcostar

8

8.เปรียบเทียบลูกทรงกลมเป็นมันวาวและลูกบอลประดับต้นคริสต์มาส

9

9.วัตถุสีทองคั่นระหว่างลูกทรงกลมชั้นที่ 2 มีรูปร่างคล้ายกับหมุดปรับระดับชั้นวางหนังสือ

10

10.ภาพขยายเห็นห่วงใช้แขวนจานบิน


You must be logged in to post a comment Login