วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

สาวนักวางยา

On October 25, 2019

คอลัมน์ : ร้ายสาระ

ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่  25 ตุลาคม -1 พฤศจิกายน 2562)

ฝูงชนจำนวนมากมารวมกันอยู่ที่ลานหน้าเรือนจำปราสาทแลงคาสเตอร์เพื่อรอดูการประหารชีวิตสาววัย 22 ปี ผู้วางยาฆ่าพ่อและแม่ของตัวเอง อีกทั้งยังรับสารภาพว่าเป็นคนฆ่าลูกของตัวเองและลูกพี่สาวเมื่อหลายปีก่อน

ต้นศตวรรษที่ 19 จอห์นและแมรี่ สก็อตต์ เปิดร้านขายสินค้าทั่วไปบนถนนบริดจ์ เมืองเพรสตัน ประเทศอังกฤษ พวกเขามีลูกสาว 3 คน ชื่อ แมรี่ เจน และมาเรีย แต่มาเรียเสียชีวิตในปี 1821 ด้วยวัยเพียงแค่ 8 ขวบ

ในปีเดียวกันนี้เอง เจน ลูกสาวคนกลางวัย 15 ปี ตั้งท้องไม่มีพ่อ ให้กำเนิดลูกสาวชื่อแอนน์ แต่ทารกน้อยลืมตาดูโลกได้เพียงไม่นานก็เสียชีวิต ขณะที่เจนยังครองตัวเป็นโสดแต่ก็ตั้งท้องไม่มีพ่ออีกครั้งในปี 1824 คราวนี้ได้ลูกชาย ตั้งชื่อให้ว่าจอห์น แต่ใน 3 ปีต่อมาลูกของเธอก็มาด่วนตายลงอีกคน

เวลาผ่านไปเพียงปีเดียว เจนตั้งท้องไม่มีพ่อเป็นครั้งที่ 3 ให้กำเนิดลูกสาวชื่อแฮร์เรียต แต่เพียงไม่กี่เดือนหลังคลอดแฮร์เรียตก็เสียชีวิตเหมือนกับพี่ๆของเธอ หลายคนเริ่มแคลงใจ แต่อัตราการเสียชีวิตของทารกอายุต่ำกว่า 5 ขวบในยุคสมัยนั้นสูงกว่า 50% จึงไม่มีใครเฉลียวใจว่าเป็นฝีมือของมารดาผู้ให้กำเนิด

เดือนมิถุนายน 1825 แมรี่พี่สาวคนโตก็เจริญรอยตามน้องสาว ให้กำเนิดทารกไม่มีพ่อ และทารกเสียชีวิตในเวลาเพียงไม่กี่เดือนต่อมา แต่โชคชะตาของเธอดีกว่าเจน เนื่องจากอีก 18 เดือนต่อมา แมรี่ได้แต่งงานกับเจมส์ วูดส์ และแยกครอบครัวออกไป ในที่สุดครอบครัวสก็อตต์ก็มีลูกสาวที่แต่งงานถูกต้องตามประเพณี

ครอบครัวสก็อตต์ดำเนินชีวิตไปตามปกติ จนกระทั่งอีก 4 เดือนต่อมาจอห์นและแมรี่ก็เสียชีวิตในวันเดียวกันอย่างน่าสงสัย ส่งผลให้ผู้รักษากฎหมายยื่นมือเข้ามาสืบสวนสาเหตุการตาย

เมื่อวานยังดีๆอยู่

วันที่ 13 พฤษภาคม 1827 จอห์นและแมรี่เชิญชวนฮานนาฮ์ เกรจจ์ เพื่อนบ้านมาร่วมดื่มน้ำชาที่บ้าน ก่อนที่แมรี่จะเดินไปส่งฮานนาฮ์ที่บ้านเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. เวลานั้นจอห์นและแมรี่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีวี่แววของอาการเจ็บไข้ได้ป่วยแต่อย่างใด เวลา 21.00 น. ของวันต่อมา เจนวิ่งหน้าตาตื่นมาที่บ้านฮานนาฮ์ บอกว่าแม่เธอกำลังจะตาย ฮานนาฮ์บอกให้เจนกลับไปดูแม่ก่อนประเดี๋ยวเธอจะรีบตามไป

ฮานนาฮ์พบแมรี่นั่งฟุบอยู่บนโต๊ะกินข้าวในห้องครัว มองไปนอกหน้าต่างเห็นจอห์นกำลังอาเจียนอยู่บนสนามหญ้าก่อนจะเดินมาสมทบในห้องครัว แมรี่บอกฮานนาฮ์ด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่าเธอถูกวางยาเบื่อในโจ๊ก อย่าเพิ่งเอามันไปทิ้ง เจนเดินเข้ามาได้ยินพอดี เธอรีบเทโจ๊กทั้งหมดทิ้งทันที

นายแพทย์โรเบิร์ต บราวน์ เดินทางมาถึง สั่งให้เจนแยกหม้อโจ๊กออกมาอย่าเพิ่งล้าง เจนออกไปตามเดวิด กราแฮม พี่ชายต่างบิดา ให้มาดูอาการแม่และพ่อเลี้ยง เมื่อเดวิดมาถึงก็พบว่านายแพทย์โรเบิร์ตกำลังทำการล้างท้องแมรี่ และตามด้วยการล้างท้องจอห์น

นายแพทย์โรเบิร์ตบอกให้เดวิดคอยเฝ้าดูอาการคนป่วยก่อนจะกลับไปเวลาประมาณเที่ยงคืน แมรี่เสียชีวิตในเวลา 03.00 น. ขณะที่จอห์นอาการไม่ดีขึ้น จอห์นเรียกให้เดวิดมาใกล้ๆและกระซิบบอกว่าเขาถูกเจนวางยาเบื่อในโจ๊ก จอห์นเสียชีวิตอีกคนเมื่อเวลา 05.30 น.

ที่บ้านหนูเยอะ

เภสัชกรโทมัส เอมเม็ต ให้การกับตำรวจว่าเจนเคยมาซื้อยาเบื่อหนู โดยบอกกับเขาว่าจะนำไปเบื่อหนูที่บ้าน 2 สัปดาห์ต่อมาเจนกลับมาซื้อยาเบื่อหนูอีกโดยบอกว่าหนูยังตายไม่หมด ก่อนจอห์นและแมรี่เสียชีวิตเพียงไม่กี่วัน เจนกลับมาซื้อยาเบื่อหนูเป็นครั้งที่สาม คราวนี้บอกว่าจะเอาไปฆ่าแมลง

จอร์จ ริชาร์ดสัน ให้การว่ารู้จักกับเจนได้ประมาณ 2 เดือน คืนก่อนวันเกิดเหตุเจนบอกให้เขาไปหาแล้วถามเขาว่าเมื่อไรจะมาขอเธอแต่งงาน จอร์จตอบว่าเขายังไม่คิดเรื่องนั้นในตอนนี้ เพราะเขายังไม่มีทรัพย์สินเงินทอง เจนบอกเรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา เพราะพ่อเขียนพินัยกรรมมอบทรัพย์สินให้กับเธอหมดแล้ว

นายแพทย์โรเบิร์ตให้การว่าเดินทางไปถึงบ้านครอบครัวสก็อตต์เวลาประมาณ 21.30 น. เขาขอน้ำอุ่นเพื่อนำมาใช้ล้างท้องคนป่วย จอห์นบอกว่าปวดบริเวณหน้าท้อง แมรี่บอกว่าเธอคลื่นไส้และเป็นตะคริวที่ขาทั้งสองข้าง นายแพทย์โรเบิร์ตบอกให้เจนแยกหม้อทำโจ๊กเอาไว้ก่อนอย่าเพิ่งล้าง แต่เจนกลับตอบว่าล้างไปแล้ว เพราะต้องเอาหม้อไปต้มน้ำให้หมอใช้ล้างท้องคนป่วย

นายแพทย์โรเบิร์ตแย้งว่าเขาเห็นเจนใช้หม้ออีกใบต้มน้ำมาให้ ไม่ใช่หม้อใบที่ใช้ทำโจ๊ก เจนไม่ยอมตอบ เมื่อวินิจฉัยอาการท้องร่วง อาเจียน และเป็นตะคริวรุนแรงที่ขา นายแพทย์โรเบิร์ตลงความเห็นว่าคนป่วยถูกสารพิษประเภทยาเบื่อหนู

แยกพิจารณาคดี

แมรี่ พี่สาวคนโต ให้การว่าพ่อของเธอเปิดร้านขายสินค้าทั่วไปและขายขนมปังด้วย ทำให้ที่บ้านมีหนูเยอะ จำเป็นต้องมียาเบื่อหนูติดบ้านไว้เสมอ ก่อนหน้าเกิดเหตุไม่กี่วันเธอเดินทางมาเยี่ยมบ้านเห็นห่อยาเบื่อหนูอยู่ในลิ้นชักใต้อ่างล้างจาน เธอยังเตือนแม่ว่ามีของอันตรายแบบนี้ในบ้านให้ระวังด้วย

แมรี่บอกอีกว่า เจนมีโรคประจำตัวเป็นลมชักบ่อยๆ ซึ่งทำให้เธอมีสุขภาพอ่อนแอ และอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของเธอเช่นกัน แต่เจนรักพ่อแม่มากกว่าที่พ่อแม่รักเจนเสียอีก อลิซ เบอร์เชลล์ เพื่อนบ้านคนหนึ่งยืนยันคำให้การของแมรี่ว่าครั้งหนึ่งเธอเคยช่วยพาตัวเจนไปส่งโรงพยาบาลเพราะโรคลมชัก

ศาลพิจารณาคดีฆาตกรรมจอห์นก่อน ศาลแนะนำคณะลูกขุนว่า หลักฐานที่นำมาใช้ชี้ความผิดจำเลยมีเพียงคำให้การของพยาน ยังไม่มีหลักฐานพิสูจน์ชี้ชัดว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริง ขอให้คณะลูกขุนอย่าลืมคิดถึงข้อเท็จจริงนี้

คณะลูกขุนลงความเห็นว่าเจนไม่มีความผิดเนื่องจากเธอมีสภาพจิตใจอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม เจนถูกนำตัวกลับเข้าเรือนจำเพื่อรอวันพิจารณาคดีฆาตกรรมแมรี่อีกหนึ่งคดี

สารภาพหมดเปลือก

วันที่ 20 มีนาคม 1828 เจนถูกนำตัวขึ้นศาลเพื่อพิจารณาคดีฆาตกรรมแมรี่ เนื่องจากอัยการไม่มีหลักฐานใหม่เพิ่มเติมจึงมีความเป็นไปได้สูงว่าเธอจะถูกตัดสินว่าไม่มีความผิดเหมือนกับคดีก่อนหน้านี้ แต่คราวนี้คณะลูกขุนใช้เวลาปรึกษากันเพียง 5 นาที ลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าเจนมีความผิด ศาลลงโทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ

แมรี่เดินทางมาเยี่ยมน้องสาวเป็นครั้งสุดท้าย ถามเจนว่ามีอะไรจะพูดระบายเป็นครั้งสุดท้ายไหม เจนเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะปกปิดอีกต่อไป เธอสารภาพว่าเป็นคนวางยาลูกของแมรี่เมื่อหลายปีก่อนโดยกรอกยาฝิ่นให้ทารกเพื่อแก้แค้นที่มีปากเสียงกับพี่สาวก่อนหน้านี้ แต่คนอื่นคิดว่าทารกเสียชีวิตเพราะโรคลมชัก

เจนยังสารภาพอีกว่าเธอเป็นคนวางยาพิษลูกชายของตัวเองโดยใช้ยาเบื่อหนูผสมในน้ำเชื่อมทาบนขนมปัง ป้อนให้ลูกน้อยกินเพื่อประชดพ่อของเด็กที่ไม่ยอมมาขอเธอแต่งงาน เจนเริ่มก้าวสู่ด้านมืดเมื่ออายุได้ 14 ปี ตอนนั้นเธอรู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง เริ่มขโมยเงินจากพ่อมาให้ผู้ชาย

ก่อนหน้าที่จะวางยาพิษพ่อแม่ 1 วัน จอร์จแฟนหนุ่มบอกให้เจนไปขโมยเงินพ่อ ตอนแรกเจนบอกปฏิเสธ แต่จอร์จรบเร้าแกมบังคับจนเจนใจอ่อน ในที่สุดเธอตัดสินใจวางยาเบื่อในโจ๊กให้พ่อแม่กินเพื่อหวังจะได้มรดก หลังจากนั้นเธอรีบไปตามเพื่อนบ้านมาช่วยเพื่อกลบเกลื่อนความผิด

เวลา 10.00 น. วันที่ 22 มีนาคม 1828 เจนถูกนำตัวขึ้นตะแลงแกงในเรือนจำปราสาทแลงคาสเตอร์ ตั้งแต่ถูกคุมขังเจนไม่ยอมกินข้าวกินปลา ร่างกายซูบผอมไม่มีเรี่ยวแรง ผู้คุมต้องนำตัวเจนนั่งบนเก้าอี้เข็นเพื่อนำตัวมาลานประหาร ใช้ผู้คุม 2 คนประคองร่างเธอไปบนตะแลงแกง เป็นการประหารชีวิตที่มีชาวบ้านมาเป็นสักขีพยานมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์อังกฤษ

1

1.แพทย์ทำการล้างท้องผู้ป่วย

unknown artist; Preston Market Place, 1820

2.ตลาดเมืองเพรสตันปี 1820

3

3.ปราสาทแลงคาสเตอร์

4

4.ด้านในปราสาทแลงคาสเตอร์

5

5.ลานประหาร

6

6.เก้าอี้เข็นที่ใช้นำตัวเจนมายังลานประหาร


You must be logged in to post a comment Login