วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

INSET มั่นใจเทรดวันแรกนักลงทุนประทับใจ ตั้งราคาไอพีโอดึงดูดใจที่ P/E เพียง 13.70 เท่า

On October 7, 2019

นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ของบริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) หรือ INSET เปิดเผยว่า INSET เป็นน้องใหม่ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน นอกจากจะเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งแล้ว การดำเนินธุรกิจในอนาคตมีโอกาสเติบโตสูงตามภาวะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม รวมทั้งการกำหนดราคาไอพีโอในระดับที่เหมาะสม โดยราคาไอพีโอที่ 2.69 บาท มีค่า P/E ที่ระดับ 13.70 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่า P/E ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯที่มีธุรกิจที่ใกล้เคียงกันอยู่ที่ระดับ 16 เท่า หากเปรียบเทียบกับบทวิเคราะห์ที่มีการประเมินราคาที่เหมาะสมกับพื้นฐานประมาณ 3.10-3.68 บาท จะเห็นว่าราคาไอพีโอยังมีส่วนลดในระดับที่น่าสนใจ อีกทั้งในการจัดสรรหุ้นที่ผ่านมาพบว่ามีนักลงทุนสถาบันและรายย่อยแสดงความสนใจเข้าลงทุนเป็นจำนวนมาก แม้จะเป็นหุ้นขนาดเล็กแต่มีความโดดเด่นด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต

ทั้งนี้ INSET เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 146 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 26.1% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และหลังจากการเสนอขายหุ้นกลุ่มตระกูลพุกกะณะสุตจะถือหุ้นสัดส่วน 49.21% โดยบริษัทมีทุนจดทะเบียนหลังไอพีโอจำนวน 280 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหุ้นทั้งหมด 560 ล้านหุ้น

นายศักดิ์บวร พุกกะณะสุต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) หรือ INSET เชื่อมั่นว่าหุ้น INSET ที่มีกำหนดซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่  8 ตุลาคม 2562 นี้ จะสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนได้ เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ประกอบกับแนวโน้มอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่มีการขยายตัวที่โดดเด่นมากทุกปีจากการที่ภาครัฐให้การสนับสนุน และการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีสื่อสารจากระบบ 4G เป็น 5G รวมทั้งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทมีการส่งมอบงานได้ตรงตามเวลาที่กำหนด และสามารถทำผลงานได้ดีกว่าที่ลูกค้าคาดหวังอยู่เสมอ

ทั้งนี้ INSET ถือเป็นผู้ประกอบการโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่มีการดำเนินการแบบครบวงจรเพียงรายเดียวในตลาดหลักทรัพย์ mai ที่ผ่านมาสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้ปีละ 10-20% ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 2.7 พันล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ต่อเนื่องในช่วง 3 ปีนับจากนี้ ประกอบด้วย งานโครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดิน กทม. และงานบำรุงรักษาโครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (โซน C) หรือ USO ทั้งเฟส 1 และ 2 เป็นต้น

“แนวโน้มอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมในช่วง 4-5 ปีหลังจากนี้ เชื่อว่าจะมีจำนวนงานออกมาเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นการเตรียมความพร้อมด้านการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีใหม่ ขณะที่ภาครัฐต้องการผลักดันระบบโครงข่ายเพื่อกระจายความเจริญไปทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้บริษัทได้รับงานต่อเนื่อง ช่วยสนับสนุนผลประกอบการให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้”

นายศักดิ์บวรกล่าวอีกว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดครึ่งแรกของปี 2562 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 577.69 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 46.57 ล้านบาท และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 8.06% ขณะที่โครงสร้างรายได้หลักมาจากธุรกิจก่อสร้างศูนย์ข้อมูลและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 88% ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคม 10% งานซ่อมบำรุงและบริการอื่นๆ 2%

ขณะเดียวกันบริษัทได้ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้งานซ่อมบำรุงและบริการให้แตะระดับ 10% เนื่องจากจะเป็นส่วนที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ (Recurring income) เพื่อสนับสนุนให้บริษัทมีการเติบโตอย่างมั่นคง


You must be logged in to post a comment Login