- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 2 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 3 months ago
- โลกธรรมPosted 3 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 3 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 3 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 3 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 3 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 3 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 3 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 3 months ago
“ดีป้า”จัดงาน”รวมพลคนเกษตรดิจิทัล”นำดิจิทัลมาปรับใช้
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือดีป้า สานต่อการสนับสนุนการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในภาคการเกษตร เปิดตัวกิจกรรม “รวมพลคนเกษตรดิจิทัล” สร้างความตระหนักรู้ถึงประโยชน์ของการนำดิจิทัลมาปรับใช้แก่เกษตรกร พร้อมเปิดเวทีนำเสนอแนวคิดในหัวข้อ “ดิจิทัลจะช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรไทยอย่างไร” เพื่อค้นหาวิธีเพิ่มรายได้และยกระดับเกษตรไทยสู่ “เกษตรอัจฉริยะ”
ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กล่าวว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ทุกภาคส่วนต้องปรับตัว โดยเฉพาะภาคการเกษตรที่จะต้องเปลี่ยนจากเกษตรพื้นฐานเป็นเกษตรมูลค่าเพิ่ม ซึ่งแข่งขันกันที่ต้นทุนและประสิทธิภาพการผลิต ดังนั้น เทคโนโลยีจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ
“ที่ผ่านมาดีป้ามีนโยบายการทำงานร่วมกับภาคการเกษตรและผู้ประกอบการที่ต้องการเปลี่ยนผ่านองค์กรไปสู่ดิจิทัล และเชื่อมั่นในศักยภาพของเกษตรกรไทยว่าจะสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลได้ เพราะอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ทุกคนสามารถเข้าถึงโลกออนไลน์ได้ด้วยสมาร์ทโฟนในมือ ในขณะเดียวกันเมื่อเราสร้างแพลตฟอร์มหรือเครื่องมือที่ดีและมีประโยชน์ให้เกษตรกร ความสามารถในการควบคุมผลผลิต ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และสร้างมูลค่าให้กับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ก็จะเกิดขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือ การสร้างการรับรู้ถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลมาปรับใช้ในการทำการเกษตร”
ดีป้าจึงได้จัดกิจกรรม “รวมพลคนเกษตรดิจิทัล” โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างความตระหนักถึงประโยชน์จากการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลมาประยุกต์ใช้แก่เกษตรกร เพื่อเป็นการยกระดับกระบวนการผลิต การแปรรูป ตลอดจนการตลาด ด้วยความเหมาะสม พอเพียง และมีแบบแผน สร้างความมั่นคงทางระบบเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของประเทศอย่างมีนัยสำคัญผ่านกิจกรรมต่างๆที่น่าสนใจ
ทั้งนี้ งาน “รวมพลคนเกษตรดิจิทัล” จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ (23 ก.ย.) ไปจนถึงวันที่ 25 กันยายนนี้ ณ อาคารดีป้า ลาดพร้าว โดยผู้เข้าร่วมงานจะได้พบกับกิจกรรมการนำเสนอแนวคิดในหัวข้อ “ดิจิทัลจะช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรไทยอย่างไร” ซึ่งเปิดโอกาสให้วิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้น (สตาร์ทอัพ) และบุคคลทั่วไป จำนวน 10 ทีมที่ผ่านการคัดเลือก ร่วมประชันความคิดในการนำดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในภาคการเกษตร เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร และยกระดับเกษตรไทยสู่ “เกษตรอัจฉริยะ” ต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อคัดเลือกทีมผู้ชนะ 3 ทีม ซึ่งทีมชนะเลิศและรองชนะเลิศอันดับที่ 1 และ 2 จะได้รับเงินรางวัล พร้อมโล่รางวัลและประกาศนียบัตรจากนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำหรับผลการแข่งขันการนำเสนอแนวคิดในหัวข้อ “ดิจิทัลจะช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรไทยอย่างไร” มีดังต่อไปนี้
1.รางวัลชนะเลิศ : นายณัฐพงศ์ ดัดสันเทียะ
ชื่อผลงาน : Cropperz ระบบประกวดราคาผลผลิตทางการเกษตร (e-bidding Platform for Agriculture)
ได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและประกาศนียบัตร
2.รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 : นายธีรพงษ์ กาญจนกันติกุล
ชื่อผลงาน : ศูนย์บริการการปลูกข้าวด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลแบบครบวงจรระดับท้องถิ่น
ได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและประกาศนียบัตร
3.รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 : นายธิติพันธ์ บุญมี
ชื่อผลงาน : QBP Farmbook Thai Nationality Platform โลกแห่งฟาร์มบุ๊คจะเชื่อมโยงทุกคนในโลกของเกษตรกรรม
ได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและประกาศนียบัตร
ภายหลังพิธีมอบรางวัล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้เป็นความคาดหวังของตนที่ต้องการให้เกิดขึ้น หากขาดซึ่งความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่ายแล้ว ความสำเร็จในลักษณะนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เนื่องจากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลกับการเกษตรเชื่อว่าหลายคนมองเป็นเรื่องไกลตัว เป็นเรื่องขายฝัน เกษตรกรส่วนใหญ่ก็คิดเช่นนั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการใช้ดิจิทัลสามารถเพิ่มมูลค่าผลผลิต คำนวณจุดคุ้มทุน และวางแผนการเพาะปลูกได้ด้วยระบบบิ๊กดาต้า
“โลกเปลี่ยนไปมาก เมื่อก่อนข้าวไทยนำเวียดนามแบบไม่เห็นฝุ่น แต่ปัจจุบันเวียดนามแซงไทยด้วยเหตุผล 2 ประการคือ การใช้เทคโนโลยีพัฒนาคุณภาพผลผลิตสามารถทำราคาได้ อีกประการหนึ่งคือ การที่ประเทศเวียดนามทำตลาดเก่งกว่าเรามาก ทำให้ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็ว สิ่งที่กังวลหลังจากนี้คือทุเรียนที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทยเป็นจำนวนมากและราคาไม่เคยตกเลยนั้น ในอนาคตอันใกล้เชื่อว่าจีนก็จะปลูกในบ้านเขาและสามารถทำได้ดีกว่าทั้งปริมาณและคุณภาพ หากเราไม่ปรับตัว อนาคตเกษตรกรไทยน่าเป็นห่วง” นายพุทธิพงษ์กล่าว
นอกจากนี้ภายในงานยังมีการออกร้านจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลภาคการเกษตรกับเกษตรกร และการออกร้านผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์ที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในกระบวนการผลิต
ส่วนวันที่ 24-25 กันยายน ดีป้าร่วมกับสภาเกษตรกรแห่งชาติจัดอบรมหลักสูตร “การวิเคราะห์ความคุ้มค่าในการลงทุนเทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่ รุ่นที่ 1” ให้กับเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนที่สนใจ เพื่อสร้างการรับรู้และสามารถวิเคราะห์ความคุ้มค่าในการลงทุน โดย น.ส.นวลละออง ศรีชุมพล Investor & Entrepreneur เจ้าของฟาร์มติดเทคโนโลยี ใช้ 8 คน ดูแล 800 ไร่ บริษัท ช็อกโกแลตเค้ก จำกัด จะมาร่วมมอบความรู้พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์แก่ผู้เข้าร่วมอบรม
You must be logged in to post a comment Login