วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2567

ตามหาซิกซ์ตี้ซิกซ์ การาจ

On August 9, 2019

คอลัมน์ : ร้ายสาระ

ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 916 สิงหาคม 2562)

หนุ่มนิรนามประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทีมแพทย์สามารถรักษาชีวิตไว้ได้แต่เขานอนเป็นผักไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆทั้งสิ้น ขณะที่ยังไม่สามารถระบุตัวตนคนไข้ได้ ทีมแพทย์ตั้งชื่อให้กับเขาว่า “ซิกซ์ตี้ซิกซ์ การาจ”

ปี 1999 ชายนิรนามคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสนอนจมกองเลือดอยู่บนถนนสายเปลี่ยวกลางทะเลทรายใกล้กับชายแดนอเมริกา-เม็กซิโก ภายในตัวพบแต่เพียงโทรศัพท์เม็กซิกันและเงินเปโซ ไม่มีบัตรประจำตัวใดๆทั้งสิ้น

ทีมแพทย์โรงพยาบาลซานดิเอโกสามารถช่วยชีวิตคนเจ็บได้สำเร็จ แต่เขานอนเป็นผักไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ โรงพยาบาลซานดิเอโกจึงส่งตัวคนไข้ไปยังวิลล่าโคโรนาโด สถาบันที่เชี่ยวชาญด้านดูแลผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

โดยปกติแล้วคนอเมริกันจะใช้ชื่อเรียกผู้ชายที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ว่า “จอห์น โด” เนื่องจากวิลล่าโคโรนาโดมีผู้ป่วยที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้หลายคน หากใช้ชื่อจอห์น โด กับทุกคนคงสับสนว่าหมายถึงผู้ป่วยคนไหน เอ็ด เคิร์กแพทริก ผู้อำนวยการวิลล่าโคโรนาโด จึงตั้งชื่อผู้ป่วยรายนี้ว่า “ซิกซ์ตี้ซิกซ์ การาจ”

ซิกซ์ตี้ซิกซ์ การาจ คือสถานที่ที่ตำรวจนำเศษซากรถยนต์คันที่ประสบอุบัติเหตุลากไปทิ้ง พยาบาลเรียกผู้ป่วยรายนี้สั้นๆว่า “ซิกซ์ตี้ซิกซ์” หรือไม่ก็ “การาจ”

การาจไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แม้แต่น้อย แพทย์ต้องเจาะคอเพื่อต่อเครื่องช่วยหายใจ และเจาะช่องท้องเพื่อให้อาหารเหลว ค่าใช้จ่ายในการดูแลเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 500-900 ดอลลาร์ต่อวัน เนื่องจากกฎหมายอเมริกากำหนดว่าการถอดเครื่องช่วยชีวิตจะต้องได้รับการยินยอมจากญาติเท่านั้น แต่ไม่มีใครรู้ว่าการาจเป็นใครมาจากไหนจึงไม่สามารถติดต่อญาติเขาได้

ดังนั้น สถาบันวิลล่าโคโรนาโดจึงมีหน้าที่ดูแลการาจไปจนกว่าจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาและสามารถติดต่อกับญาติให้ตัดสินใจ โดยที่ระหว่างนี้สถาบันวิลล่าโคโรนาโดสามารถเบิกค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้จากรัฐบาลภายใต้โครงการเมดิคัล

อย่างไรก็ตาม กฎหมายเปิดช่องให้กับทีมแพทย์ที่ทำการรักษาให้ทำหน้าที่ตัดสินใจถอดเครื่องช่วยชีวิตได้ในกรณีที่ไม่สามารถระบุตัวตนผู้ป่วยได้ แต่สถาบันวิลล่าโคโรนาโดไม่ได้ใช้สิทธินั้น เอ็ดให้เหตุผลว่ามันยากที่จะเลือกระหว่างทำตามกฎหมายกับทำตามจริยธรรม

จากการศึกษาผู้ป่วยนอนเป็นผัก 5 ราย พบว่าพวกเขายังมีสติสัมปชัญญะรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆตัว เพียงแต่พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือมีปฏิกิริยาตอบสนองได้ ด้วยเหตุนี้เองสถาบันวิลล่าโคโรนาโดจึงดูแลการาจไปจนกว่าจะมีญาติมาแสดงตน

ผีน้อยเม็กซิกัน

ปี 2015 เอ็ดสังเกตเห็นการาจขยับริมฝีปากเหมือนจะยิ้ม แต่นั่นบอกได้ยากว่าเขารู้สึกตัวหรือเป็นเพียงปฏิกิริยาทางร่างกาย เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่โจแอน ฟาร์ยอน นักข่าวจากหนังสือพิมพ์แอลเอไทม์ สนใจที่จะทำสกู๊ปเจาะลึกความเป็นมาและสืบหาตัวตนผู้ป่วยรายนี้

โจแอนสงสัยว่าทำไมโรงพยาบาลจึงเฝ้าดูแลการาจติดต่อกันนานถึง 15 ปี ขณะที่ไม่มีใครสนใจจะสืบหาตัวตนของชายคนนี้ แต่การสืบสวนไม่ง่ายนัก เนื่องจากตำรวจทางหลวงได้ทำลายเอกสารรายงานการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้นไปแล้ว โจแอนจึงเบนเข็มไปที่สำนักงานโยธาเขตอิมพีเรียล ซึ่งยังเก็บข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้นเอาไว้

ปี 1999 ชายแดนอเมริกา-เม็กซิโกบริเวณหุบเขาอิมพีเรียลยังไม่มีรั้วกั้น มันจึงเป็นจุดที่คนเม็กซิกันใช้เป็นสถานที่ลักลอบเข้าอเมริกาอย่างผิดกฎหมายโดยไม่เกรงกลัวตำรวจทางหลวงที่คอยซุ่มอยู่ข้างถนนเป็นระยะๆ

เขตอิมพีเรียลเป็นเขตเกษตรกรรม เป็นที่ตั้งของไร่นาหลายแหล่ง เป็นแหล่งที่ต้องการแรงงานราคาถูกจำนวนมาก ชาวเม็กซิกันเหล่านี้ลักลอบเข้าอเมริกาอย่างผิดกฎหมายเพื่อมาขายแรงงาน และการาจก็เป็นหนึ่งในนั้น

หนีไม่พ้น

วันที่ 10 มิถุนายน 1999 การาจและชาวเม็กซิกันอีกอย่างน้อย 9 คน ซ่อนตัวอยู่ท้ายรถกระบะโดยมีกระเป๋าเดินทางหลายใบสุมบังเอาไว้ไม่ให้คนภายนอกเห็น แสงไฟไซเรนจากรถตำรวจทางหลวงไล่หลังมาไกลๆ คนขับรถกระบะกระทืบคันเร่งพยายามขับหลบลงถนนท้องถิ่นบาวเกอร์

ในทิศตรงกันข้าม เอเบล รามิเรซ วัย 33 ปี ขับรถเก๋งโตโยต้ามากับเพื่อน เกรโกริโอ เมนเดซ วัย 33 ปี เพื่อไปทำงานในไร่แถวๆนั้น เอเบลกระทืบเบรก แต่ไม่ทันเสียแล้ว เขาพุ่งชนรถกระบะอย่างแรงจนกระทั่งพลิกคว่ำ คนขับรถกระบะและคนอื่นอีก 4 คน ลงจากรถก่อนจะวิ่งหนีตำรวจหายเข้าไปในไร่ข้างทาง

ชาวเม็กซิกัน 4 คนได้รับบาดเจ็บหมดสติอยู่กลางถนน หนึ่งในนั้นคือการาจ เอเบลปฏิเสธที่จะไปโรงพยาบาล เขาขอเดินทางไปทำงานต่อ ส่วนเกรโกริโอ ต้องนอนรักษาตัว 8 วัน ขณะที่การาจนอนเป็นผักนับตั้งวันนั้น อย่างไรก็ตาม 6 เดือนต่อมา เอเบลเสียชีวิตจากสาเหตุเลือดตกใน

เอนริเก โมโรเนส ผู้ก่อตั้งกลุ่มสิทธิผู้อพยพ บอร์เดอร์แอนเจิล ยื่นมือเข้ามาช่วยสืบหาตัวตนการาจหลังจากได้อ่านบทความของโจแอน เขาสันนิษฐานว่าการาจอาจไม่ได้หลบหนีเข้าอเมริกาเป็นครั้งแรก และอาจเคยถูกสายตรวจชายแดนจับตัวมาแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงทางตำรวจตระเวนชายแดนก็ต้องมีฐานข้อมูลของการาจ

คุ้ยจนเจอ

ข้อสันนิษฐานของเอนริเกเป็นความจริง ลายนิ้วมือของการาจตรงกับวัยรุ่นชาวเม็กซิกันชื่ออิกนาซิโอที่ถูกตำรวจจับได้เมื่อ 3 เดือนก่อนประสบอุบัติเหตุ จากข้อมูลนี้โจแอนสืบหาจนพบจูเลียน่า พี่สาวของการาจที่ลักลอบเข้าอเมริกามาทำงานในโรงงานแห่งหนึ่งในรัฐโอไฮโอ ด้วยเหตุที่ครอบครัวนี้ลักลอบเข้าอเมริกาอย่างผิดกฎหมาย โจแอนจึงขอไม่เปิดเผยนามสกุลของพวกเขา

อิกนาซิโอเป็นลูกคนสุดท้องจากจำนวนพี่น้อง 12 คนของครอบครัวยากจนในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง เขาเป็นลูกคนเดียวที่ได้เรียนหนังสือ จนกระทั่งเมื่ออายุได้ 15 ปี พ่อแม่ถูกสังหารจากเหตุการณ์ขัดแย้งทางการเมืองของคน 2 กลุ่ม อิกนาซิโอจึงต้องออกจากโรงเรียน

เดือนมีนาคม 1999 อิกนาซิโออายุได้ 17 ปี เขาวางแผนจะเดินทางมาขุดทองในอเมริกา 3 เดือนหลังจากนั้น อิกนาซิโอโทรศัพท์ไปบอกพี่สาวว่าถูกตำรวจจับฐานลักลอบเข้าประเทศ เขาบอกกับตำรวจว่าอายุ 18 ปี เพราะถ้าตำรวจรู้ว่าเขาอายุแค่ 17 ปี เขาจะต้องถูกควบคุมตัวเพื่อรอให้ผู้ปกครองมารับ

อิกนาซิโอบอกพี่สาวว่าจะกลับไปรับจ้างหาเงินเป็นค่าจ้างคนนำทางเข้าอเมริกา 200 ดอลลาร์ แล้วจะกลับมาอีกครั้ง หลังจากนั้นจูเลียน่าก็ไม่ได้ข่าวคราวอิกนาซิโออีกเลย จนกระทั่งโจแอนนำข่าวไปแจ้งกับเธอในปี 2016 ในที่สุดโจแอนก็บรรลุเป้าหมายภารกิจ เธอสามารถระบุตัวตนของชายนิรนามที่เป็นปริศนามานานถึง 16 ปี ปัจจุบันอิกนาซิโอสามารถลืมตา ขยับปาก ขยับมือได้บ้าง แต่ยังไม่สามารถสื่อสารได้

1

1.ป้ายข้อมูลซิกซ์ตี้ซิกซ์ การาจ หน้าห้องคนไข้

2

2.สถาบันวิลล่าโคโรนาโด

3

3.ซิกซ์ตี้ซิกซ์ การาจ นอนเป็นผักนานกว่า 15 ปี

4

4.ซิกซ์ตี้ซิกซ์ การาจ มีปฏิกิริยาครั้งแรกในปี 2015

5

5.สถานที่บริเวณที่เกิดอุบัติเหตุ

6

6.เอ็ด เคิร์กแพทริก

7

7.เอนริเก โมโรเนส

8

8.ภาพอิกนาซิโอจากแฟ้มประวัติสมัยถูกจับครั้งแรก

9

9.อิกนาซิโอกับแม่และหลานสาว


You must be logged in to post a comment Login