วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567

‘มงคลกิตติ์’ รอผลทางการก่อน ‘ร่วม – ไม่ร่วม’รัฐบาล

On March 30, 2019

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวภายหลังจากการประกาศคะแนนเสียงอย่างไม่เป็นทางการ
ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งในการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปรากฏว่า พรรคไทยศรีวิไลย์ อาจจะได้ 1 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนขอขอบคุณประชาชนทุกคะแนนที่มอบให้กับพรรคไทยศรีวิไลย์ แต่ตนก็ไม่มั่นใจว่า พรรคจะได้ที่นั่งในสภา
เพราะในการนับคะแนนแต่ละช่วง ก่อนที่ทาง กกต. จะประกาศออกมานั้น ทางพรรคก็ลุ้นอยู่ตลอดว่า จะได้ที่นั่งหรือไม่ ดังนั้น ตนจึงอยากจะรอให้ถึงวันที่ 9 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการเสียก่อน จึงจะได้แสดงความเห็นว่าทิศทางอนาคตของพรรคจะไปทางไหน

“ขณะนี้ยอมรับว่า มี 2 ขั้วการเมือง ที่มีโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาล โดยขั้วแรกได้แสดงให้เห็นแล้วว่า เมื่อรวมเสียงกันแล้วก็ได้เสียงสนับสนุนแบบปริ่มน้ำ คือทุกพรรคที่เข้ามาร่วมจะต้องคุมไม่ให้ ส.ส. ลุกหนีไปไหนระหว่างประชุมสภา ส่วนอีกขั้วหนึ่ง
ถึงแม้พยายามจะอ้างถึงเสียงประชาชนที่เลือกพวกเขามามาก แต่จำนวน ส.ส. ก็ไม่เท่ากับขั้วการเมืองแรก เพราะบางพรรค
ก็มีทีท่าที่จะสงวนท่าทีก่อนการตัดสินใจ ดังนั้น หากพรรคไทยศรีวิไลย์จะเข้าร่วมกับขั้วไหน ผมก็ต้องสอบถามความคิดเห็นของ
สมาชิกพรรคเสียก่อน เพราะถึงแม้ว่า ผมจะมีเสียงเดียว ซึ่งสามารถจะตัดสินใจด้วยตัวเองเลยก็ได้ แต่ผมต้องการส่งเสริมให้พรรคมีกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตย ดังนั้น เมื่อถึงเวลาเหมาะสม ก็จะให้คำตอบว่า พรรคไทยศรีวิไลย์จะไปอยู่ขั้วไหน โดยคำนึงถึงการตัดสินใจของสมาชิกและประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ ” นายมงคลกิตติ์กล่าว

นายมงคลกิตติ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ หากขั้วการเมืองใด ยอมรับเงื่อนไขให้พรรคไทยศรีวิไลย์ สามารถตรวจสอบการทุจริตทั้งโครงการในอดีต เช่น โครงการสินบนโรล์สรอยซ์ โครงการทุจริตรับจำนำข้าว และโครงการใหม่ที่รัฐบาลมีขึ้นในอนาคต เพื่อให้โครงการต่างๆ ของทางรัฐบาลมีความโปร่งใส เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย อีกทั้ง หากเปิดโอกาสให้พรรคไทยศรีวิไลย์ นำนโยบาย 10 ข้อที่หาเสียงกับประชาชน มานำเสนอต่อรัฐบาล เพื่อนำไปพิจารณาและสามารถผลักดันนโยบายเป็นรูปธรรมแล้ว ก็สามารถร่วมรัฐบาลได้ แต่ถ้าหากได้ทำงานเป็นฝ่ายค้าน ก็จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพราะพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ชูแนวคิดที่สำคัญในช่วงการหาเสียงว่า ‘เรามาเพื่อปราบโกง’ ดังนั้น ตนจะทำงานในสภาอย่างเต็มที่ เปรียบเสมือนเป็นยามเฝ้าแผ่นดินเพื่อป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบ และจะสร้างบทบาทในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ประชาชนสามารถจดจำการทำงานของตนและพรรคไทยศรีวิไลย์ โดยหวังว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า ประชาชนจะสนับสนุนพรรคไทยศรีวิไลย์ จนมี ส.ส. ในสภาเพิ่มมากขึ้น

++++++++++++++++++++++++++++++++++++


You must be logged in to post a comment Login