วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

“จตุพร”ชี้การเลือกตั้งส่อโมฆะปมวินิจฉัย”บิ๊กตู่”นั่งแคนดิเดตนายกฯ

On March 2, 2019

นายรยุศด์ บุญทัน โฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง พรรคเพื่อชาติ พร้อมสมาชิกและนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ลงพื้นที่ช่วยนายสนองพล การะเกษ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคเพื่อชาติ เขตลาดกระบัง เบอร์ 13 หาเสียง โดยได้มีการขึ้นรถแห่ไปตามหมู่บ้าน และเดินตลาดบ้านเอื้ออาทร ร่มเกล้า ตลาดเกรียงไกร เคหะร่มเกล้า โซน 11 และโซน 12 ตลาดกลาง เขตลาดกระบัง เป็นต้น

ทั้งนี้ นายจตุพร ให้สัมภาษณ์กรณีที่ กกต. อนุญาตให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. สามารถปราศรัยหาเสียงให้กับพรรคพลังประชารัฐได้แล้วว่า ความจริง พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ไปปราศรัยก็ได้เปรียบมากกว่าพรรคอื่นอยู่แล้ว เพราะทุกวันศุกร์ ท่านก็ได้ออกโทรทัศน์ทุกช่องยกเว้นช่องต่างประเทศ ไม่นับเวลาเดินหน้าประเทศไทยทุก 18:00 น. นั่นยิ่งกว่าการปราศรัยใดๆ สิ่งที่ตนเป็นห่วงคือ เรื่องสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จะนำมาสู่การเลือกตั้งโมฆะ เหตุใด กกต. จึงไม่นำเรื่องนี้มาวินิจฉัยก่อน เพราะหากมีการวินิจฉัยภายหลัง วันที่ 24 มี.ค. ว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หากปล่อยให้เดินไปถึงวันดังกล่าว แล้วมาวินิจฉัยเรื่องสถานะของพล.อ.ประยุทธ์ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐมีคุณสมบัติเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ก็จะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ความจริงแล้วไม่มีอะไรสลับซับซ้อน เพราะเรื่องข้อกฎหมายไม่ได้ต่างจากกรณีพรรคไทยรักษาชาติ ส่วนจะวินิจฉัยอย่างไรก็ว่าไปตามนั้นและควรจะปฏิบัติต่อพรรคพลังประชารัฐเช่นเดียวกับพรรคไทยรักษาชาติเพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปข้างหน้าได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อ กกต. ปล่อยให้พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในบัญชีนายกของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งกฎหมายห้ามมิให้เจ้าหน้าที่รัฐมาทำหน้าที่ ดังนั้นรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ก็ออกแบบไว้ มีความหลากหลายมาก ยกตัวอย่างเช่น 4 รัฐมนตรีที่เป็นแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ที่ลาออกจากรัฐมนตรี ไม่สามารถลง ส.ส. ได้แม้แต่คนเดียว ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์วันนี้ ถามใครก็ได้ว่าท่านเป็นบุคคลสาธารณะ หรือท่านเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ การเป็นบุคคลสาธารณะก็เป็นแบบตน ไม่มีเงินเดือน ไม่มีอำนาจการบัญชาการ สั่งราชการ ไม่มีเครื่องแบบ พล.อ.ประยุทธ์มีเครื่องแบบ มีเงินเดือน ครบถ้วนทุกประการ ที่เข้าคุณสมบัติเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ การพยายามอธิบายว่าเป็นชั่วคราว ตนบอกว่า จะชั่วคราวหรือชั่วถาวร ไม่ได้มีอะไรต่างกันเลย ดังนั้นแม้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะตัดสินใจลาออกในวันนี้ก็ตาม แต่ความผิดสำเร็จขึ้นมาแล้ว เพราะถ้าประชาชนตัดสินใจ ไปเลือกพรรคพลังประชารัฐ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ถือว่าความผิดได้ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว

นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณี นางอรวรรณ ชูดี พิธีกรรายการดีเบตช่อง 9 ถูกบอร์ด อสมท. ปลดฟ้าผ่า หลังถูกกล่าวหารูปแบบรายการที่จัด เป็นการชี้นำและโจมตีรัฐบาล ว่า คนไทยฟังพล.อ.ประยุทธ์พูดฝ่ายเดียว มาตั้ง 5 ปี แต่ว่านางอรวรรณพึ่งจัดรายการในกรณีนี้ทำไมทนไม่ได้ และที่สำคัญที่สุดเวลานี้ พยายามหยิบยกคำว่าเผด็จการรัฐสภามาพูดถึง แล้ว การที่พ.ร.บ.ไซเบอร์ ผ่านโดยไม่มีไม่มีเสียงคนคัดค้านแม้แต่เพียงเสียงเดียว ภายใต้สภาที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. ที่ไม่มีฝ่ายค้าน ก็จะมีสภาพเหมือนวุฒิสภา ซึ่งก็จะไปโหวตเลือกพล.อ.ประยุทธ์ทั้ง 250 คน ไม่มีใครคิดว่าจะมีเสียงแตกแต่อย่างใด เพราะว่า ในวันนี้ เรื่องของพล.อ.ประยุทธ์ เหมือนถูกวางเพาะเชื้อเอาไว้ เพื่อทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ การเลือกตั้งหากมีการทิ้งติ่งเรื่องของพล.อ.ประยุทธ์เอาไว้ วันไหนวินิจฉัยสถานะเรื่องราวจะไม่ได้แตกต่างไปจากกรณีพรรคไทยรักษาชาติ

“เพราะเป็นเรื่องข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ที่มิต้องพิสูจน์อะไรกันอีก พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐจริง อยู่ในตำแหน่งนายกจริง อยู่ในตำแหน่งหัวหน้า คสช.จริง ไม่มีอะไรที่จะต้องไปแสวงหาหลักฐานเพิ่ม แต่ปรากฏว่าวันนี้พยายามอธิบายว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ และที่ออกคำสั่งทุกเรื่อง หรือไปทำอะไรก็แล้วแต่ ที่เป็นอำนาจรัฐทั้งหมด หรือคำสั่งอื่นใดนั้น ล้วนแต่เป็นอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งบุคคลสาธารณะไม่สามารถใช้อำนาจ ตามพระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน ดังนั้นถ้ายังมีการวินิจฉัยกรณีพล.อ.ประยุทธ์และปล่อยให้เลือกตั้ง นี่คือจุดที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะซึ่งมันได้ถูกออกแบบไว้สำเร็จแล้วเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย” นายจตุพร กล่าว


You must be logged in to post a comment Login