วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2567

สนช.ผ่านกม.ไซเบอร์รัฐคุมเบ็ดเสร็จ-ตัดอำนาจศาล

On February 28, 2019

ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. … โดยมีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช. คนที่ 1 เป็นประธานในการประชุม โดยบรรยาศในที่ประชุม สนช. นั้น ไม่มีสมาชิก สนช. ติดใจหรือขอสงวนคำแปรญัตติ มีเพียงการขอให้กรรมาธิการชี้แจงในรายละเอียดของเนื้อหาเท่านั้น ทำให้การอภิปราย การลงมติเป็นรายมาตราในวาระ 2 และการลงมติให้ความเห็นชอบในวาระ 3  ของร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. … ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง 15 นาที ที่ประชุม สนช. จึงลงมติให้ความเห็นชอบให้ร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. … ประกาศใช้เป็นกฎหมาย ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 133 เสียง ไม่เห็นชอบไม่มี และงดออกเสียง 16 เสียง

สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์นั้น เป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีหน้าที่กำหนดนโยบายให้หน่วยงานของรัฐและหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ รวมถึงนโยบายการบริหารจัดการที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ นอกจากนี้ยังให้คณะกรรมการกำกับดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (กกม.) ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นประธานกรรมการสามารถออกคำสั่งให้สำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ดำเนินการได้ในหลายประการตามที่มาตรา 60 กำหนด อาทิ รวบรวมข้อมูล หรือพยานเอกสาร พยานบุคคล พยานวัตถุที่เกี่ยวข้อง เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์และประเมินผลกระทบจากภัยคุมคามทางไซเบอร์ ในกรณีที่ปรากฏแก่ กกม. ว่าเกิดหรือคาดว่าจะเกิดภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับร้ายแรง

ในมาตรา 61 ยังให้อำนาจเลขาธิการ กมช. สั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปในอสังหาริมทรัพย์หรือสถานประกอบการที่เกี่ยวข้อง หรือคาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ของบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยได้รับความยินยอมจากผู้ครอบครองสถานที่นั้นด้วย สำหรับในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนและเป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับวิกฤต มาตรา 67 ให้ กมช. มอบหมายให้เลขาธิการมีอำนาจดำเนินการได้ทันทีเท่าที่จำเป็นเพื่อป้องกันและเยียวยาความเสียหายก่อนล่วงหน้าได้โดยไม่ต้องยื่นคำร้องต่อศาล แต่หลังจากการดำเนินการดังกล่าวให้แจ้งรายละเอียดการดำเนินการต่อศาลที่มีเขตอำนาจทราบโดยเร็ว

สำหรับกรณีร้ายแรงหรือวิกฤต เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและลดความเสี่ยง ให้เลขาธิการมีอำนาจขอข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและต่อเนื่องจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ โดยผู้นั้นต้องให้ความร่วมมือและให้ความสะดวกแก่คณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ หรือคณะกรรมการกำกับดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์โดยเร็ว อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการมีข้อสังเกตแนบท้ายไปถึงรัฐบาลด้วย โดยให้หน่วยงานที่มีภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์จัดหลักสูตรพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการปฏิบัติหน้าที่ และเพื่อให้การทำงานด้านดังกล่าวซึ่งถือเป็นของใหม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฏหมาย ขณะที่การทำงานของสำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ซึ่งต้องเชื่อมโยงกับการทำงานระหว่างประเทศ ควรทำเป็นข้อตกลงระหว่างหน่วยงานแทนความตกลงที่มีผลผูกพันระหว่างรัฐ รวมถึงการทำข้อตกลงต้องอยู่ภายใต้อำนาจและหน้าที่ของสำนักงานเท่านั้น


You must be logged in to post a comment Login