วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2567

กห.ย้ำเลิกเกณฑ์ทหารไม่ได้กระทบภารกิจมั่นคง

On February 27, 2019

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองนำประเด็นยกเลิกการเกณฑ์ทหารไปหาเสียงว่า ต้องทำความเข้าใจต่อสังคม เพราะเรื่องนี้เป็นมิติของความมั่นคงที่มีผลกระทบรอบด้าน รัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับ โดยเฉพาะฉบับล่าสุดปี 2560 กำหนดหน้าที่ของรัฐในการพิทักษ์รักษาซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ การรักษาเอกราช อธิปไตย ผลประโยชน์ของชาติ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน ทั้งนี้ ภาพรวมของทหารใช้กำลัง 1 ใน 3 ไปปฏิบัติภารกิจการป้องกันชายแดน รวมถึงพื้นที่ภาคใต้ อีก 2 ใน 3 เป็นการฝึกตามวงรอบ

โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า เหตุผลที่กองทัพต้องเกณฑ์ทหาร เพราะในกฎหมายรัฐธรรมนูญทุกฉบับบัญญัติไว้ และมี พ.ร.บ.การรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 ระบุว่า เนื่องจากมิติความมั่นคงต้องรักษาดุลยภาพเป็นพลังอำนาจ หน้าที่ทหารคือทำตามนโยบายรัฐบาล โดยใช้กำลังทหารป้องกันประเทศ พัฒนาประเทศ และเตรียมกำลังในการดูแลชายแดน ช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติรวมทั้งภัยคุกคามรูปแบบใหม่ และที่ผ่านมาก็มีการปรับแก้หลายครั้ง

“ยืนยันว่าประเทศไทยมีทั้งการเกณฑ์ทหารและสมัครใจเป็นทหาร โดยแต่ละปีมีคนสมัครใจมากขึ้น จนถึงปัจจุบันมีถึงร้อยละ 45 หรือมีทหารเกณฑ์ประมาณปีละ 70,000 นาย ซึ่งการเกณท์ทหารแต่ละปีจะดูตามภารกิจ นอกจากนี้ยังมีระบบนักศึกษาวิชาทหารที่หากเรียนครบตามหลักสูตรก็ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร ปัจจุบันประเทศแถบยุโรปและมหาอำนาจ 39 ประเทศยังคงเกณฑ์ทหาร ส่วนที่ยกเลิกไปแล้วมี 13 ประเทศ และอีก 29 ประเทศไม่มีเกณฑ์ทหาร ขณะที่ประเทศสิงคโปร์ผู้ชายทุกคนต้องเป็นทหาร”

โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า หากยกเลิกการเกณฑ์ทหารแล้วจะรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ เพราะถ้ายกเลิกแล้วไม่มีคนปฏิบัติงานหรือไม่มีกำลังดูแลผลประโยชน์ของประเทศชาติ ดังนั้น ต้องศึกษาและทำความเข้าใจ ไม่อยากให้ไปพูดกันลอยๆ เพราะจะกระทบกับจิตใจของผู้ปฏิบัติหน้าที่ พลทหารทุกคนก็เป็นรั้วของชาติ เป็นรั้วที่มีชีวิตมีจิตใจ วันนี้จึงอยากให้คำนึงถึงจิตใจที่ทุ่มเทเสียสละในการทำหน้าที่

พล.ท.คงชีพกล่าวอีกว่า กองทัพรับฟังทุกข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ กองทัพเป็นกองทัพของประชาชน และเป็นกลไกของรัฐบาลในการดูแลความมั่นคง เมื่อรัฐบาลมีนโยบายที่จะปรับลดคน หากเห็นว่ามีความจำเป็นกองทัพพร้อมปรับลดกำลังพล แต่การปรับลดกำลังพลต้องดูมิติความมั่นคง ต้องศึกษาและทำความเข้าใจร่วมกันอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้อยู่ในเกณฑ์เสี่ยงที่กระทบต่อความมั่นคงหรือกระทบต่อการดูแลผลประโยชน์ของประเทศชาติ ทั้งนี้ หากกองทัพปรับลดกำลังพลจำเป็นต้องเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาแทนที่

โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นทหารรับใช้บ้านนายวันนี้ถือว่าน้อยมากหรือเกือบจะไม่มี เพราะคำนึงถึงเกียรติและศักดิ์ศรีของทหารกองประจำการ ดังนั้น ต้องหลีกเลี่ยงการใช้ทหารกองประจำการในสิ่งที่ไม่เหมาะสม กระทรวงกลาโหมกำหนดให้หน่วยทหารทุกหน่วยดูแลทหารกองประจำการอย่างเหมาะสม เพราะถือเป็นบุคคลที่เสียสละเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ มีเกียรติและศักดิ์ศรี เพื่อทำหน้าที่ติดตามผลประโยชน์ของประเทศชาติ ส่วนประเด็นการซ้อมพลทหารถือเป็นเรื่องนโยบาย ถ้ารุ่นพี่หรือครูฝึกบางคนกระทำเรื่องนี้จะถูกลงโทษถึงขั้นต้องออกจากราชการ และผู้บังคับบัญชาตามระดับชั้นก็จะต้องรับผิดชอบถึงขั้นย้ายออกจากหน่วย

“เชื่อว่าวันนี้น้อยลงมาก ส่วนที่มีการเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียล้วนเป็นคลิปเก่าที่เป็นการสร้างข้อมูลบิดเบือนและสร้างภาพลักษณ์ไม่ดีกับทหาร ทำให้มีความรู้สึกว่าไม่อยากเป็นทหาร ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพ มีนโยบายตรงกันคือ ห้ามกระทำโดยเด็ดขาด หากพบเห็นจะดำเนินการทางวินัยให้ถึงที่สุดถึงขั้นปลดออก และผู้บังคับบัญชาตามระดับชั้นจะต้องรับผิดชอบด้วย”

โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวต่อไปว่า สำหรับข้อเรียกร้องของพรรคการเมืองทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ที่ให้ยกเลิกระบบการเกณฑ์ทหารนั้น ขออธิบายว่ารัฐบาลที่ผ่านมาก็เป็นรัฐบาลในวิถีประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มาจากพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเหล่านี้ก็ทำงานในสภา มีพระราชบัญญัติการรับราชการทหาร กรณีการแก้ไขเพิ่มเติมก็อยู่ในรัฐสภาทั้งนั้น ในเรื่องของการรับกำลังพลเข้ามาหรือใช้งบประมาณก็จะต้องไปขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีในแต่ละปี


You must be logged in to post a comment Login