วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567

นายกฯลั่นไม่กลัวดีเบตอ้างเสียเวลาขี้เกียจประดิษฐ์คำให้ปวดหัว

On February 26, 2019

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวก่อนตอบคำถามสื่อมวลชนภายหลังการประชุม ครม. ว่า คำถามของสื่อแต่ละคำถามเจ็บๆทั้งนั้น แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรสื่อ เพราะนักข่าวก็ทำงานไป เราก็มีงานของเรา ผู้สื่อข่าวถามว่าได้เห็นหนังสือประชารัฐสร้างชาติของพรรคพลังประชารัฐแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ได้เห็นแล้ว เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องจริงของนายกฯทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ทราบว่ามีการแจกเฉพาะผู้สมัคร ส.ส. และสมาชิกพรรค ขณะที่พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อตนเป็นนายกฯก็เป็นเรื่องของพรรค

เมื่อถามว่าได้เตรียมตัวขึ้นเวทีดีเบตกับแคนดิเดตนายกฯพรรคอื่นแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เตรียมตัวมานานแล้ว แต่วันนี้ไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะไปดีเบต ไม่ใช่กลัวหรือไม่กลัว แต่เมื่อดูเวทีดีเบตตอนนี้ก็จะเห็นว่าเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่เป็นการโจมตีกัน ไม่ค่อยมีสารัตถะ เถียงกันในตอนต้น แต่เมื่อเข้าสู่นโยบายกลับไม่มีใครสนใจอะไร เนื้อหาก็ดิ้นไปกับการโจมตีคนนั้นคนนี้ เล่นไปถึงการทำงานของกระทรวงต่างๆ ซึ่งไม่เรียกว่าการดีเบต

“ขอให้ไปดูในต่างประเทศว่าเวทีดีเบตเป็นอย่างไร ผมคงไม่ไปหรอกตอนนี้ ไม่ว่าใครจะมากระตุ้นอย่างไร ผมก็ไม่ได้โกรธ ไม่ได้กลัวด้วย ข้อสำคัญคือผมกำลังทำงานอยู่ ซึ่งจะเสียเวลาที่ผมจะต้องไปประดิดประดอยคำพูดออกมาให้มันปวดหัว เพราะทำงานในระบบมันก็แย่พอแล้ว สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นก็เป็นข้อเท็จจริง ถ้าอยากทราบวิสัยทัศน์ของผมในฐานะถ้าผมจะเป็นนายกฯต่อไป วิสัยทัศน์ของผมมีอยู่แล้วคือ มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 วิสัยทัศน์ของผมมีเท่านี้”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับนโยบายของรัฐบาลในวันนี้ทำแล้วทั้ง 11 ด้าน เช่นเดียวกับวาระของชาติในหลายอย่างก็แก้ไขปัญหาไปหมดแล้ว ที่แล้วมาก็ได้แสดงฝีมือของตนไปหมดแล้ว ถ้าถามว่าในอนาคตหากได้เป็นนายกฯแล้วจะทำอะไรต่อ จะบอกว่าตนได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทต่างๆขึ้นมา ทำกฎหมายการเงินการคลัง จัดซื้อจัดจ้าง การค้าการลงทุน และอีกหลายฉบับ ซึ่งไม่ได้แก้ไขปัญหาที่ปลายทางอย่างเดียว ทุกอย่างมีกฎหมายกำกับไว้หมดแล้ว หากไม่มีกฎหมายแต่พูดลอยๆแล้วจะเป็นไปได้อย่างไร ถ้ายกเลิกแล้วไม่ทำอย่างที่ตนทำก็ต้องไปดูกฎหมายกันใหม่ ดังนั้น สิ่งที่กำหนดไว้ใน 5 ปีแรกจึงถือว่าสำคัญที่สุด เราได้วางแผนแม่บทไว้อย่างชัดเจน โดยมีการทำในช่วงต่อๆไป แล้วแต่ว่ารัฐบาลใดจะเข้ามาบริหารงาน สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือความทั่วถึงและเท่าเทียมเป็นธรรม โดยต้องมีกรอบเหล่านี้กำหนดไว้ และเราต้องมีคำตอบไว้ให้ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน และประชาชน ในวันข้างหน้าด้วย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า วันนี้บางฝ่ายได้วิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่รัฐบาลทำว่ามีการอนุมัติไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าและรถไฟรางคู่ แต่ที่ผ่านมานั้นยังไม่เกิดขึ้น เพราะขั้นตอนการดำเนินงานจะต้องนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง มีการอนุมัติโดย ครม. ทำประชาพิจารณ์ ก่อนจะอนุมัติการจัดซื้อจัดจ้างถึงจะสำเร็จ ถ้าอนุมัติไว้ก่อนแล้วรัฐบาลนี้ไม่ทำต่อก็ไม่มีทางได้ ตนไม่อยากโต้ตอบใคร และไม่ได้ว่าใคร เพียงแต่ต้องอธิบายให้คนเข้าใจว่าเมื่อกำหนดนโยบายแล้วต้องแปลงสู่การปฏิบัติให้ได้

“หลายเรื่องวันนี้ทุกคนหยิบมาเป็นประเด็นการเมือง เพราะทุกคนให้ความสำคัญกับการเลือกตั้ง หาเสียง แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ถ้าพูดกันไปมาจนไม่มีสาระอะไรเลย เดี๋ยวก็จะมีการฟ้องร้องกันอีก แล้วจะแก้ไขปัญหากันอย่างไร เช่น เมื่อมีการเลือกตั้งแล้วก็ยังมีการฟ้องร้องกันเละเทะ เข้าศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ แล้วจะทำอย่างไรต่อไป วันนี้ทุกคนต้องลดท่าทีบ้าง หากอยากพูดเรื่องนโยบายก็พูดกันไป แต่ต้องบอกถึงที่มาของการใช้จ่ายงบประมาณด้วย รัฐบาลนี้คำนึงถึงรายได้ของประเทศ ประเมินว่า 5 ปีจะทำอย่างไรไม่ให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นจนถึงขีดจำกัด ถามว่าเคยมีใครทำงานแบบนี้บ้างไหม หลายเรื่องที่สามารถทำได้ในวันนี้มาจากการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ ไม่ใช่การอนุมัติไว้แล้ว แม้จะมีการอนุมัติไว้แล้วบ้าง แต่ก็ทำได้น้อยมาก ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลทำวันนี้ถือเป็นวิสัยทัศน์ ซึ่งอนาคตต้องทำแบบนี้ ต้องแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ดีกว่าการสร้างการทะเลาะเบาะแว้ง และประเทศเดินหน้าต่อไม่ได้”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลนี้พยายามสร้างโอกาสให้ทุกคน ซึ่งไม่ได้ช่วยเฉพาะคนรวย แต่เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ ดีกว่าออกมาพูดหาเสียงว่าจะให้เท่านั้นเท่านี้ ซึ่งเป็นเรื่องยาก ถ้าง่ายตนคงทำไปแล้ว ขอร้องอย่านำไปหาเสียงจนทำให้หลายคนหมดกำลังใจจนไม่มีแรงกระตุ้น ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาลทุกอย่างต้องแก้ด้วยเหตุผล

“ผมอยากบอกว่ารัฐบาลนี้ทำงานมาตลอดระยะเวลา 5 ปีใน 11 นโยบายและวาระแห่งชาติหลายวาระ ทุกอย่างเดินหน้าได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังมีอีกหลายระดับต้องทำต่อ การที่ผมออกมาพูดทุกวันนี้ถามว่าผมมีวิสัยทัศน์หรือเปล่า สิ่งที่ผมคิดและทำนโยบายออกมาได้หารือและตัดสินใจร่วมกันมา นั่นไม่ใช่วิสัยทัศน์ของผมหรืออย่างไร ในฐานะที่เป็นรัฐบาลและ คสช. ต้องใช้ คสช. มาช่วยเสริมทุกเรื่อง หากไม่เอามาเสริมคงทำอะไรไม่ทัน ทั้งการตรวจสอบ แก้ไขปัญหาหนี้สิน ถ้าไม่ใช้ทหารมาช่วยจะทำได้หรือ และขอถามกลับว่าแล้วเป็นหน้าที่ของใคร ทำกันไหวหรือไม่ ทหารเข้ามาช่วยด้านกำลังพล แต่ไม่ได้ก้าวล่วง ซึ่งมีเพียงเบี้ยเลี้ยง เงินเดือน สวัสดิการ ไม่มีโอที ทำงาน 5 อย่างได้เงินอย่างเดียว ซึ่งเราก็ลดงบประมาณตรงนี้อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นก็คงขอขึ้นเพิ่มแบบข้าราชการส่วนอื่น ทหารเราทำทั้งกลุ่มงานด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม กฏหมาย กระบวนการยุติธรรม กฎหมายระหว่างประเทศ วัฒนธรรม ทั้งหมดก็เต็มกางเกงแล้ว คนวิจารณ์ก็หยิบแต่เรื่องเดียวขึ้นมา โดยไม่ทราบว่าภาพกว้างเป็นอย่างไร ทำให้คนสับสนอลหม่าน”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ไม่อยากให้เวลา 5 ปีเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ แล้วคนกลับมาโจมตีกัน เหมือนกลับไปสู่จุดตั้งต้นใหม่ เพราะตนเลยจุดนั้นมาแล้ว เลยจุดที่จะมาบอกว่าการเข้ามานี้ผิดหรือถูก เพราะเวลา 5 ปีนั้นเลยมานานแล้ว เราจะย้อนกลับไปที่เก่าอีกหรือ ตนพ้นเวลาเหล่านั้นด้วยกฏหมาย ซึ่งต้องอย่าลืมว่าที่เข้ามานั้นเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาประเทศขณะนั้น และเมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องมีอำนาจให้เพื่อทำงานแก้ไขปัญหาได้อย่างต่อเนื่อง แล้วเหตุใดจึงต้องมาตีกันไปมาอีกรอบ ลืมทั้งหมดแล้วหรือยังตั้งแต่ก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ลืมหมดแล้วใช่ไหมจ๊ะ


You must be logged in to post a comment Login